BLOG BOARD_B
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email: sale@soccersuck.com
ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
ตำรวจบอร์ด
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 08 Jul 2009
ตอบ: 23
ที่อยู่: Be as you were when we met
โพสเมื่อ: Thu Jul 30, 2015 16:44
ประสบการณ์แบกเป้ ขึ้นรถไฟ สาย Trans Siberian (ตอนที่ 2)
ความเดิมตอนที่แล้ว

ประสบการณ์ แบกเป้ ขึ้นรถไฟ สาย Trans Siberian (ตอนที่ 1)
http://www.soccersuck.in.th/boards/topic/1256602

เก็บตก รูปริมทาง ปักกิ่ง - อูลานบาร์ตอ



















Day 4

หลังจากการตรวจเข้มที่ด่าน Sukhbaatar เราก็ได้ข้ามเข้าสู่เขตดินแดนรัสเซีย กันแล้ว ซึ่งเวลาจะเริ่มสับสนมากขึ้นไปอีก เนื่องจาก ขณะนี้ เราใช้ Ulaanbaatar time zone ที่ UTC+8 ซึ่งเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง แต่เวลาของเมืองต่างๆ ในรัสเซีย รวมถึง ตารางการเดินรถนับจากนี้เป็นต้นไป เราจะใช้เวลามาตรฐานของ Moscow เป็นหลัก ที่ UTC+3 ตารางการเดินรถจึงย้อนกลับไปเป็น 5 ชั่วโมงก่อนหน้านี้




เรา ออกจาก Sukhbaatar 23.05 น. แต่จะไปถึงสถานีต่อไป Naushki ซึ่งเป็นด่าน ตม. ของรัสเซีย ในเวลา 19.14 น. ???? งงมั้ยครับ ก็คือ เวลาท้องถิ่นของ Naushki ก็ยังเป็นเวลาเดียวกับ Sukhbaatar นั่นแหละ เพราะห่างกันแค่ 80 กม. เท่านั้น ก็คือ ประมาณชั่วโมงนึงก็ถึง นั่นคือ ที่ Naushki เป็นเวลา เที่ยงคืนเศษแล้ว แต่เวลาบนรถไฟ (ที่ปรับไปใช้เวลา Moscow เป็น ทุ่มเศษ)



ก้าวแรก บนแผ่นดินยุโรป ..... เรามาถึง Naushki ซึ่งทั้งเมืองเงียบสงัด (เพราะตามเวลาท้องถิ่น เที่ยงคืนแล้ว) ที่อาคาร Terminal จะมีนาฬิกาบอกเวลา Moscow และอุณหภูมิ ตอนนี้ อยู่ที่ 17 องศาเซลเซียส และจะต่ำลงอีก

ที่สถานี Naushki เราต้องกรอกใบ Arrival Card ของ ตม. รัสเซีย และมีเจ้าหน้าที่ ตม. ของรัสเซีย ซึ่งเข้มงวดมาก ตั้งแต่ เจ้าหน้าที่หนุ่มร่างใหญ่ สูงน่าจะ 190 ซม. ได้ มาตรวจพาสปอร์ต โดยที่นี่ใช้ระบบบาร์โค้ดตรวจเช็ครายชื่อกับทะเบียนของรถไฟนะระบบ กลายเป็นไฮเทคขึ้นจากด่านก่อนๆ มาก หลังจากเจ้าหน้าที่ชายมาตรวจ ก็เป็นเจ้าหน้าที่สาว หน้าตาถือว่าคมขำ แต่ร่างบึกบึน น่าจะผ่านหลักสูตรการต่อสู้ระยะประชิดมาด้วย มาในเครื่องแบบภาคสนาม Tactical เต็มสูบ เข้ามาตรวจค้นภายในตั้งแต่ ช่องเก็บของใต้ที่นอนชั้นล่าง ชั้นเก็บของด้านบน แต่ไม่ถึงกับรื้อค้นกระเป๋า หลังจากนั้น ก็เป็นคิวของสุนัขตำรวจเดินตรวจดมหาสิ่งเสพติด เจ้าหน้าที่ ตม. ทุกคน ร่างกายใหญ่โตราวกับหมี ถ้าคุณเป็นผู้ลักลอบทำผิดกฎหมาย และเข้าตาจน ต้องหาเจ้าหน้าที่ซักคนที่เป็นจุดอ่อน ในการจู่โจม เพื่อจับเป็นตัวประกัน หนีออกไป ผมรับรองว่า ทุกคนสามารถหักกระดูกสันหลังคุณได้ใน 3 วินาที แม้แต่เจ้าหน้าที่ผู้หญิง ...



จำ สตีฟ จอมโชว์พาว ของเราได้ไหมครับ เค้าคือ หนุ่มผมทองผู้ชอบโชว์พาวตลอดเวลา สร้างวีรกรรมด้วยการแซงคิวพวกเราที่ตู้เสบียง แล้วยังมาแซงคิวเราที่ ร้านสะดวกซื้อ ที่สถานี Ulaanbaatar อีก ซึ่งแน่นอน พวกเราประทับใจในพฤติกรรมของสตีฟอย่างที่สุด หลังการตรวจค้นทั้งขบวน ประมาณ 14 ตู้นอน คนเกือบ 100 ชีวิต มีสามีภรรยา คู่หนึ่ง ถูกตำรวจพาตัวเข้าไปยังห้องสอบสวน เราคาดว่า น่าจะมีการนำสินค้าที่อยู่ในรายการต้องสำแดงมาด้วย เพราะมีการถือกระเป๋าลงไป แต่ที่เราไม่คาดคิดก็คือ สตีฟ เพื่อนของเรา ถูกนำตัวเข้าห้องสอบสวนกับเขาด้วย ท่ามกลางสายตามองอย่างสงสัยของเพื่อนๆ อีก 6-7 ชีวิต

เวลาผ่านไปนาทีแล้ว นาทีเล่า จนครบชั่วโมง รถเหลือเวลาอีก ไม่กี่นาที จะได้เวลาออก สตีฟ ก็ยังไม่ถูกปล่อยตัวออกมา เพื่อนๆ ของสตีฟเริ่มเก็บอาการไม่อยู่ มีอาการกระวนกระวายอย่างเห็นได้ชัด บ้างก็กัดเล็บ มีครั้งนึง สตีฟ ถูกพาตัวออกมาจากห้องเล็กห้องหนึ่ง พวกเพื่อนๆ มองเห็นจากหน้าต่างด้านนอก ต่างพากันวิ่งกรูไปรอต้อนรับที่ หน้าประตู บ้างก็เตรียมเฮ บ้างก็เตรียมถ่ายรูป นาทีที่เพื่อนเป็นอิสระ ... แต่เปล่าครับ สตีฟ ถูกพาเข้าห้องสอบสวนอีกห้องหนึ่ง เพื่อนบางคนชูมือขึ้นเตรียมเฮ ถึงกับชะงักค้าง พวกนั้นเริ่มจับกลุ่มกันพูด ท่าทางกระวนกระวายขึ้นเรื่อยๆ

และแล้ว เมื่อถึงเวลาก่อนรถออก เพียง 7 นาที สตีฟ ก็เดินออกมา พร้อมกับท่าเบ่งกล้ามโชว์ ราวกับเป็นวีรบุรุษ แน่นอน เหตุการณ์ทั้งหมด อยู่ในสายตาของ 3 คนไทย ที่จับตามองอยู่ พวกเราอยากจะยืนขึ้นปรบมือให้สตีฟเหลือเกิน แต่ก็เกรงว่า สตีฟ จะแปลความหมายนั้นผิด ว่าเป็นการประชด .... ไม่เลย คนไทยนิสัยดี เราแค่อยากให้สตีฟโดนขังลืมอยู่ที่นี่เท่านั้นเอง




ผ่านด่านที่ Naushki มาได้ พวกเราก็นอนเอาแรงต่อ เพราะภาพรอบตัวมืดจนมองอะไรไม่เห็น จุดแรกที่เราจะลงรถ และเริ่มเที่ยว คือ ที่ Ulan Ude ในอีก 7 ชั่วโมงเศษ


จากทุ่งหญ้า ถึง ป่าสน .....
หลังจากแสงแรกเริ่มฉายให้เราเห็นภาพทิวทัศน์รอบตัว เราเริ่มมองเห็นว่า วิวข้างทางเปลี่ยนจาก ท้องทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ไพศาล มาเป็นทุ่งหญ้า สลับเนินเขา และป่าสน มีลำธารเล็กๆ และบ้านปลูกอยู่ประปรายบนพื้นที่สูงต่ำเล่นระดับ ลักษณะบ้านเริ่มเป็นทรงแบบยุโรปที่เราเห็นในการ์ตูนบ่อยๆ แต่ก็ยังมี GER ตั้งอยู่ในรั้วบ้านด้วย เป็นภาพแปลกตาทีเดียว

เวลาท้องถิ่นประมาณ 7 โมงเช้า พวกเราก็มาถึง Ulan Ude เมืองที่ผสมผสานความเป็นยุโรป และตะวันออกเข้าด้วยกัน เป็นเมืองพุทธที่ใหญ่ที่สุดของสหพันธรัฐรัสเซีย เป็นเมืองที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 3 ของ ไซบีเรียตะวันออก (ราว 4 แสนคน) และยังเป็นเมืองหลวงของ Republic of Buryatia หนึ่งใน 21 สาธารณรัฐของรัสเซีย




สิ่งแรกที่เราต้องทำ เมื่อรถจอด คือ การจองตั๋ว จาก Ulan Ude ไป Irkutsk เที่ยววันพรุ่งนี้ ให้ได้ เพราะหากเราลงที่นี่ แต่ไม่มีตั๋วเดินทางไป Irkutsk ในวันรุ่งขึ้น เรามีสิทธิพลาดรถไฟ ไปมอสโก ได้ ทางรถไฟของรัสเซีย จะมีลักษณะแบบนี้ ครับ คือ เมื่อจอดชานชาลา ถ้าไม่ใช่ชานชาลาที่ติดกับสถานี เค้าจะไม่อนุญาตให้คุณเดินข้ามทางรถไฟ แต่จะให้ใช้ สะพานลอย หรือไม่ก็ ทางเดินใต้ดินลอดเข้าไปไปยังอาคารผู้โดยสาร ที่นี่เป็นสะพานลอย เราเลยต้องรีบวิ่งหน้าตั้งไปที่ขายตั๋ว ถึงจะจอดนาน 40 นาที แต่คนเรา ลองคุยกันไม่รู้เรื่อง 40 นาทีนี่ อาจจะไม่ทันก็ได้



ที่สถานี เราเจอกับคุณป้า คนขายตั๋ว หน้าตาแบบชาวเอเชียแท้ๆ แต่พูดรัสเซียปร๋อ ซึ่งสื่อสารกันนานมาก ใช้ทั้ง อุปกรณ์ (เปิดมือถือ ชี้ปฏิทิน นาฬิกา) กระดาษสำหรับวาดรูป และเขียนตัวเลข และภาษามือ สรุป คือ เราได้ตั๋วรถไฟชั้น 3 ไป Irkutsk ในวันพรุ่งนี้ ตอน 9 โมง 48 นาที พอได้ตั๋วเสร็จ พวกผม แบ่งงานกันทำตามหลัก Economy of scale ให้อีกคนวิ่งไปส่งข่าว พร้อมทั้งขนสัมภาระลงมาวางตรงชานชาลาหน้าทางขึ้นรถไฟ เผื่อฉุกเฉิน แปลภาษามือผิด จะได้แบกกลับขึ้นไป เพราะ พี่อ้วน เจ้าหน้าที่เดินมาถาม (แปลเป็นไทย) ว่า “เฮ้ย เมาแล้ว พวกเมิง นี่ไม่ใช่ Irkutsk” พอเราบอกว่า เออ รู้แล้ว แต่จะลงที่นี่ พี่อ้วน เบะปาก พร้อมส่ายหน้าเบาๆ

สุดท้าย จ่ายตัง นี่ได้ตั๋วชัวร์ๆ ก็สบายใจครับ ผมเดินกลับไปพร้อมตัว ก่อนรถออกเราก็ Xie Xie ขอบคุณพี่อ้วน คนคุมตู้รถไฟหมายเลข 12 ของเรา ที่ดูแลมาตลอด 3 วัน ก่อนรถออกพี่อ้วนยิ้มให้ทีนึง ทั้งที่ปกติ พี่แกออกจะเก็กๆ หน่อย ก็รู้สึกใจหายเหมือนกัน เรายืนรอส่งรถไฟขบวน K03 ออกจากชานชาลาจนลับสายตา ก็เก็บสัมภาระเดินขึ้นสะพานลอย เข้าสู่ Ulan-Ude เราเดินออกจากสถานี เพื่อเดินทางไปโรงแรมที่จองไว้ ชื่อโรงแรม Odon



อธิบายผังเมืองของ Ulan-Ude หน่อยครับ เมืองนี้ แบ่งเป็น 2 ฟาก โดยมีสถานีรถไฟกั้น ทางทิศใต้ของเมือง เป็นย่าน การค้า ธุรกิจ และแหล่งท่องเที่ยวของเมือง รวมถึงย่านที่อยู่ใหม่ ที่มีพวก คอนโด อพาร์ทเม้นหรู ตั้งอยู่ ส่วนทิศเหนือที่เรากำลังจะเดินไป เป็นย่านเมืองเก่า บ้านเรือน ตึกออกจะเก่าๆ หน่อย เราเดินพ้นสถานีรถไฟมาหน่อย ตั้งใจจะถามหาทางไปโรงแรม เห็นชาย 2 คนนั่งคุยกันอยู่ เราเลยเดินเข้าไปถามทาง






พอเดินเข้าไปใกล้ รู้สึกผิดท่า 2 คนนี้ ถ้าจะบรรยายลักษณะ คือ ลูกกระจ๊อกของแก๊งมาเฟีย ถ้าคุณเคยดูหนังพวกแก๊ง จะมีพวกลูกน้องปลายแถวที่ มักจะถูกเจ้านายกระทืบระบายอารมณ์บ่อยๆ 2 คนนี้ ถอดแบบของตัวละครที่ว่า แบบ ทุกกระเบียดนิ้ว ไม่ว่าจะเป็นชุดวอร์มอาดิดาส รุ่นคลาสสิค รองเท้าผ้าใบเก่าๆ อีกคนเป็นแจ็คเก็ตหนังกระจอกๆ ผอมๆ มีริ้วร้อยฟกช้ำบริเวณใบหน้า (เพราะโดนหัวหน้าต่อยมา) มายืนดูดบุหรี่ ปรับทุกข์กัน แต่ก็สายเกินแก้ 2 คนนั้น ดูตั้งใจช่วยเกินเหตุ คนนึงถึงกับ วิ่งข้ามถนนเพื่อเดินนำเราไปเลยทีเดียว ระหว่างเดิน นายคนนี้หันมาแนะนำกับผมว่า ชื่อ อเล็กซานเดอร์ส ... โถ พ่อแม่ตั้งชื่อให้ซะยิ่งใหญ่ สุดท้ายมาเป็นลูกกระจ๊อกมาเฟีย ...



อเล็กซี่ ของเราเดินนำเราตัดผ่านใต้ตึก มาถึงถนนห่างจากจุดที่เราไปถามทางประมาณ 200 เมตร ก็หันมาพูดพร่ำ รำพันอะไรซักอย่าง (กุฟังไม่รู้เรื่องเว้ย) แต่ปิดด้วยภาษามือ ที่ทุกคนเข้าใจดีว่า หมายถึง “มันนี่ พลีส” พอผมควักให้ 50 รูเบิล อเล็กซี่ ทำหน้าเหย พร้อมทั้ง พร่ำรำพันห่าเหวอะไรอีกชั่วครู่ ก็ชูขึ้น 1 นิ้ว หมายถึง 100 รูเบิล ... แหม่ ไม่อยากมีเรื่องกะเจ้าถิ่น ก็เลยต้องควักให้พี่แกไป งานง่ายจริงๆ ไอ้ อเล็กซี่ ขอให้คืนนี้ เมิงโดนเจ้านายกระทืบนะ

ห่างจากที่ อเล็กซี่ มาส่งเรา ประมาณ 100 เมตร ก็เห็นป้ายโรงแรมเด่นเป็นสง่า ...โถ่ ไอ้ห่า อเล็กซี่ กุเดินมาเองก็ได้ - -“

เราเดินเข้าไปติดต่อโรงแรม ปรากฏว่า ห้องยังไม่ว่าง ต้องรออีก 2 ชั่วโมง พวกผมเลยขอฝากสัมภาระไว้ที่โรงแรม แล้วเดินออกมาสำรวจตัวเมืองรอบๆ พร้อมกับหาอะไรใส่ท้อง ที่ผมสังเกตร้านรวงในเมือง ค่อนข้างเน้นด้าน ซีเคียวริตี้ อย่างร้านขายน้ำ ของขบเคี้ยวข้างทาง ที่เราเข้าไปจะมีของวางโชว์อยู่ในตู้ มีป้ายบอกราคา แต่เปิดไม่ได้ครับ จะต้องไปบอกคุณป้าที่นั่งอยู่หลังลูกกรงเหล็กหนาแน่น ถ้าเราจะมาปล้น ไม่สามารถเข้าถึงตัวป้าแกได้เลย ทางเข้าอยู่ด้านหลังร้าน เข้าไปก็ล็อคกุญแจ ขังตัวเองอยู่ในนั้น

เดินไปเจอซูเปอร์มาร์เก็ต อารมณ์ประมาณ Tops บ้านเรา ก็เลยเข้าไปเดินดูวัฒนธรรมการกินอยู่ของคนไซบีเรียซะหน่อย โดยทั่วๆ ไป ก็คล้ายๆ เราครับ คนยุโรปนี่ไม่รู้เหมือนกันหมดรึเปล่า คือ น้ำเปล่าบรรจุขวดตามห้าง มีราคาแพงกว่า น้ำอัดแก้ส หรือ น้ำประเภทอื่น ที่นี่ก็เช่นกัน คนรัสเซีย ชอบดื่มชาครับ เนสเล่ท์ ไอซ์ที ที่นี่ จึงไม่ได้มีแต่ รสมะนาว แต่มีรสแคนตาลูป รสเบอร์รี่ และอีก 2-3 รส เบียร์ที่นี่ราคาไม่แพง และมีขนาด 3 ลิตร ขายด้วย ขวดใหญ่มาก มีน้ำสีเข้มๆ ที่เราไม่รู้จัก ขายอยู่จำนวนมาก (เดี๋ยวอีกซักพักจะได้รู้ครับ ว่าน้ำอะไร)

อาหารการกิน เท่าที่เห็น คนไซบีเรีย นิยมกินออกแนวอาหารมุสลิม เน้นแป้ง ชีส นม เนย เครื่องเทศ อาจจะเป็นเพราะ ภูมิอากาศหนาวเย็น เข้าขั้น ติดลบ 40 องศา ในหน้าหนาว ทำให้บรรพบุรุษแต่ดั้งเดิมของพวกเขา กินอาหารที่ให้พลังงานเยอะ ไว้สร้างความร้อนในร่างกาย

ขนมปัง ที่นี่ หาแบบนิ่มๆ กินยากมาก เป็นขนมปังสีน้ำตาล แข็งโป้ก ลิ้นคนไทยอย่างเรา กระเดือกไม่ลง โยเกิร์ตโฮมเมดราคาไม่แพง ผมจำได้ว่า ถ้วยใหญ่ๆ ถ้าขายในไทย ตกถ้วยละ 80-100 บาท ที่นี่ตกประมาณ 40 กว่าบาทเท่านั้น

ที่รัสเซีย เวลาซื้อของ จะไม่ให้ถุงครับ ถ้าจะเอาถุง ต้องจ่ายเพิ่ม (จำไม่ได้ว่าเท่าไหร่ ประมาณ 3 รูเบิลมั้ง ??) ข้อดีคือ รักษาทรัพยากร คุณต้องพกถุงผ้า ตะกร้ามาเอง เหมือนประเทศไทยเรา รณรงค์ถุงผ้ากันพักนึง แต่ก็หายไป เพราะเรายังให้ถุงฟรีๆ กันอยู่ คนมันไม่ตระหนักหรอกครับ บางครั้ง การรณรงค์ให้คนตระหนักรู้ด้วยตัวเอง (inside –out) มันต้องมาพร้อมกับ การกำกับดูแลพฤติกรรมที่ถูกต้อง ด้วย กฎหมาย หรือการสร้างต้นทุนบางอย่าง เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรม (Outside – in) เพื่อให้สังคมน่าอยู่


หลังจากซื้อของกิน เราก็เดินมาหาที่นั่งพักตรงสวนสาธารณะเล็กๆ ในย่านนั้น มีอนุสาวรีย์ของใครซักคน หน้าตาเหมือน อับราฮัม ลินคอร์น ในเวอร์ชั่น นักล่าแวมไพร์ ของฮอลลีวู้ด ... แต่ลินคอร์นมันจะมาตั้งทำเขืออะไรในประเทศที่บูชา เลนิน ยิ่งกว่าศาสดาของศาสนากันเล่า ???





นั่งกินอะไรไปได้ซักพัก ก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่ม ในชุดสีกรมท่า หน้าตาละม้ายไปทางเอเชีย (ที่ Ulan-Ude ผู้คนจะค่อนข้างผสมผสาน ระหว่าง รากเหง้าของชาวเผ่าทะเลทราย กับ ยุโรป) ถ้าจะให้บรรยายทั้งหน้าตา และคอสทูม ก็คือ Leon Kenedy แห่ง Resident Evil 2 นั่นเอง อะไรก็ไม่สำคัญเท่า ปืนกล AK47 หรือ อาก้า ในมือ เดินเข้ามาหาพวกเรา แต่ดูจากสีหน้ายิ้มแย้ม คงไม่ได้มาร้ายมั้ง ??

พี่ตำรวจ เดินเข้ามา เพื่อขอดู พาสปอร์ต ของเรา ที่รัสเซียนี่ได้ยินว่า ตรวจพาสปอร์ต กันประจำ ต้องพกติดตัวไว้ตลอด ถ้าไม่มีพาสปอร์ต เค้าจะตามเราไปถึงที่พักนั่นแหละ เพื่อขอดูพาสปอร์ต เนื่องจาก การมารัสเซีย เราไม่ต้องขอวีซ่า สามารถอยู่ได้ไม่เกิน 30 วัน แต่มีคนแนะนำว่า ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ทุกคนจะรู้ เราจึงปริ้นท์ Statement ของสถานทูต ที่ประกาศเรื่องการยกเว้นวีซ่าของไทยติดไปด้วย ซึ่งก็ยื่นให้เค้าดู พอตรวจดูจนพอใจ เค้าก็ยิ้มและพยายามพูดคุยทักทายกับเรา แต่อุปสรรคเรื่องภาษา ก็ทำให้ผลสุดท้าย คือ ต่างฝ่ายต่างหัวเราะเบาๆ แล้วเค้าก็ขอบคุณ และขอตัวเดินตรวจตาต่อไป

เรากลับมาที่โรงแรม ปรากฏว่า ห้องพักว่างแล้ว คุณป้ารีเซปต์ชั่น ให้กุญแจห้องมา พร้อมกับ ใบ register เพื่อแสดงต่อตำรวจว่า เราพักอยู่ที่ไหน (อ่าว แล้วเมื่อกี้ ไม่เห็นตำรวจจะขอดู) ห้องพักที่นี่กว้างขวางดี แต่ ไม่มีแอร์ เพราะเค้าหนาวติดลบกัน ปีละ 7-8 เดือน จึงมีแต่ ฮีทเตอร์ หน้าร้อนสำหรับคนที่นี่คือ เวลาแห่งความสุข ตอนที่เรามานี่ก็อากาศกำลังดีครับ ประมาณ 17-22 ในระหว่างวัน และ 12-14 ในเวลากลางคืน แต่ด้วยความที่แดดแรง ทำให้เราไม่ค่อยรู้สึกเย็นมากนัก เวลาเดินกลับมาห้องใหม่ๆ เหนื่อยๆ ร้อนใช้ได้เลย

หลังจากนั่งพักแป้ปนึง อาบน้ำอาบท่า ก็ออกไปเดินเที่ยวในเมือง โดยเดินย้อนกลับไปทางสถานีรถไฟ เพื่อเดินข้ามสะพานลอย ข้ามทางรถไฟ ไปยังอีกฟากของเมือง ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานที่ท่องเที่ยวของเมือง




พอข้ามสะพานลอยมา สภาพรอบตัวก็เปลี่ยนไปเป็นย่านชุมชนที่คนพลุกพล่าน ไม่เงียบๆ เหมือนอีกฟากของเมืองที่เราพัก เดินหาของกิน ใจจริงก็อยากจะลองกินอะไรที่มันเป็นรัสเซียๆ ดู แต่ก็ไม่รู้ว่า รัสเซียมันมีอะไรขึ้นชื่อบ้าง ระหว่างเดินไปสังเกตเห็น (ซึ่งสังเกตมาตั้งแต่เช้าแล้ว) คือ จะมีรถขายน้ำชนิดหนึ่ง พ่วงถังไม้ใหญ่ๆ คล้ายๆ ถังหมักเบียร์ เปิดก๊อกออกมาเป็นน้ำสีเข้มๆ เห็นคนต่อคิวกันซื้อน้ำนี้กินกันค่อนข้างเยอะ ข้างถึงเขียนว่า KBAC เราเลยไปทดลอง แก้ว 400 ซีซี แก้วนึง 60 รูเบิล (ประมาณ 40 กว่าบาท) รสชาติของมันเหมือนน้ำหมักอะไรซักอย่าง ที่มีกลิ่นแอลกอฮอล์ รสหวานปะแล่มๆ อมเปรี้ยว นิยามที่เราสรุปกัน คือ “น้ำมะตูมบูด” ซึ่งมารู้ในภายหลังว่า น้ำนี้เป็นเครื่องดื่มยอดนิยมของคนรัสเซีย เรียกกว่า KVASS หรือ KBAC หมักจากขนมปังไรห์ มีแอลกอฮอล์ ไม่มาก ประมาณ 2% เท่านั้น เปรียบกับไทย ก็คือ น้ำตาลเมา นั่นแหละครับ







หาร้านอาหารรัสเซียไม่เจอ สุดท้าย มื้อเที่ยงเราฝากท้องกับ ร้านเบอร์เกอร์ และพิซซ่า สไตล์ แมนฮัตตัน มันซะเลย ขี้เกียจเดินหา ตอนนี้ เราไม่มีเน็ตใช้ และ ไวไฟ ฟรี ก็ไม่ได้หากันง่ายๆ เน็ตฟรี ส่วนมาก เข้าไปต้องลงทะเบียน เป็นภาษารัสเซีย ก่อน ซึ่งก็อ่านไม่ออกอีก บางอันกดมั่วๆ ไปก็ได้ บางอันต้องกรอกหมายเลขโทรศัพท์มือถือ เพื่อลงทะเบียน ก็ใช้ไม่ได้อีก ผมแนะนำว่า ควรเปิด โรมมิ่ง ไว้นะครับ ลองเลือกแพ็กเกจที่ไม่แพงมาก เพราะพอถึงเวลาจำเป็น มันก็จำเป็นจริงๆ ครับ หรือจะหาเช่ากล่อง wifi จากที่ไทยไปก็ได้ เข้าใจว่ามีเหมือนกัน





เราดูแผนที่ และค่อยๆ เดินแกะทางไปเรื่อยๆ จนไปถึงจุดหมายคือ Lenin Head ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่บริเวณหน้าศาลาว่าการของเมือง และบริเวณนั้นเป็นย่านท่องเที่ยวสำคัญของเมืองด้วย คือ Lenin Street ถนนสายศิลปะ วัฒนธรรม เหมือน Arbat Street ใน มอสโก ที่น่าเสียดายคือ เรายกเลิก การไป Datsan หรือวัดพุทธนิกายมหายาน ที่เป็นที่ท่องเที่ยวสำคัญของเมือง ด้วยความเป็นเมืองพุทธใหญ่ที่สุดของรัสเซีย







ด้วยระยะทาง ที่ออกไปจากตัวเมืองค่อนข้างไกล ขณะนี้เป็นเวลาประมาณ บ่าย 3 แต่แดดแรงเหมือนเที่ยง เราเดินรอบๆ ก็คิดว่า กลับไปพักที่โรงแรมก่อน ค่อยออกมาตอนแดดร่มลมตก ซึ่งคิดผิดมหันต์ และเราจำเรื่องเรื่องนี้ ติดตาไปตลอดทริป นั่นคือ จงเลือกทำธุระตาม เวลา ไม่ใช่ตามแดด เราคิดว่า แดดร้อนไป คนคงออกมาคึกคักตอนช่วงแดดร่ม (ซึ่งก็เป็นเวลาประมาณ 2 ทุ่มแล้ว) แต่คนที่นี่ไม่คิดแบบนั้น เค้าชอบแดด รักแดด รักหน้าร้อน เด็กๆ เล่นน้ำพุกันกลางแดดเปรี้ยงๆ ผู้คนพลุกพล่าน เวลาพีคสุด คือ เวลา 4 ถึง 5 โมงเย็น ซึ่งเป็นเวลาที่เรากลับไปนอนนั่นเอง อารมณ์มันคงเหมือน คนไทย เจออากาศหนาวมั้งครับ มันเป็นของหายาก คนที่นี่เลยรักแดด และคงฟิน ที่ได้ตากแดดเหงื่อชุ่ม ไม่น่าแปลกที่คนรัสเซียรัก ภูเก็ต พัทยา มาก

2 ทุ่ม .... แดดร่ม ลมตก เหมาะแก่การเดินของพวกเรา แต่อนิจจา คนไซบีเรีย เก็บร้านรวง เตรียมกลับบ้านนอนกันหมด ถ้าพวกเขาพูดภาษาไทยได้ คงอยากจะถามเราว่า “พวกเมิงมาทำอะไรกันค่ำๆ มืดๆ ไม่กลับไปนอน” เราเดินผ่านย่าน Lenin Street ในเวลาที่ตลาดวายเสียแล้ว โถ่วววววววว ไม่มีโอกาสแก้ตัวซะด้วย พรุ่งนี้สายๆ ก็ขึ้นรถไฟแล้ว โบสถ์ขึ้นชื่อ ก็ปิดแล้ว ไม่มีกิจกรรมศิลปะข้างถนน เพราะทุกคนกลับบ้านนอนแล้ว อยากจะร้องไห้จริงๆ ครับ








สรุป .. นี่คือการพลาดครั้งที่ 2 หลังจากพลาดนอน Ger ก็มาพลาดการไปวัดมหายาน ในถิ่นสำคัญของ มหายาน ในรัสเซีย หนำซ้ำยังพลาดการมาเดิน Lenin Street ที่เป็นหน้าเป็นตาของเมืองซะอีก สุดท้าย เราก็แวะ ซูเปอร์มาร์เก็ต เป็นการปลอบใจ (ขอบอกว่า ยังครับ ยังไม่จบ การพลาดครั้งนี้ ไม่ใช่ครั้งสุดท้าย นี่คือ ทริปแห่งการพลาดอย่างแท้จริง 555)


เราเดินกลับไปย่านที่พัก หาข้าวเย็นกิน แสงเริ่มหมดอย่างรวดเร็ว เราเลยหาร้านที่เป็นคล้ายๆ ซุ้มเบียร์ ซื้อเคบับ พัฟ และเนื้อย่างอะไรซักอย่างมากิน แกล้มเบียร์

วลาดิเมียร์ (นามสมมติ) หนุ่มใหญ่ ขี้เล่น ที่นั่งกินเบียร์กับเพื่อน เริ่มจะกรึ่มๆ เห็นหญิง 2 นาง นั่งอยู่ไม่ไกล เลยอยากจะทำตลกโชว์หญิง เดินเข้ามาทักพวกเรา



“หนี ห่าว” ....

พวกผมมอง หน้ากัน บอกว่า “โนๆ พวกเราคนไทย”

วลาดิเมียร์ ร้องโอ้วว “ปาเกียว !!!” พร้อมกับทำท่าตั้งการ์ด

ปาหัวพ่องสิ ปาเกียว คนฟิลิปินส์ โว้ย ไอ้นี่

ปากก็บอกไป “โนๆๆๆ ไทยแลนด์ มวยไทย ยูโน้ว??”

วลาดีเมียร์ ยิ้มเลยทีนี้ โม้มาอีกว่า “ไอโนว ไอไลค์ มวยไทย”

ว่าแล้วก็ตั้งการ์ดโชว์ ว่ากุเรียนมวยมา พูดอย่างมั่นใจ “โจว หยุน แฟต”

อยากจะบ้องกะโหลกมันซักที “โนววววววว ฮี อิส ฮ่องกง ไชนีส วี อาร์ ไทยยยยย”

พวกผมเริ่มกุมขมับ

“บัวขาว ยูโน้ว ไทยพีเพิ่ล น้อท ไชนีส น้อท วิงชุน .......อิทส์ อะ มวย ไทย”

พอเริ่มไม่รู้เรื่อง วลาดิเมียร์ ก็ทำท่า ซอรี่ๆ แต่ สิ่งที่วลาดิเมียร์ มุ่งหวัง น่าจะเป็นเสียงหัวเราะคิกคักๆ จาก 2 สาวโต๊ะข้างๆ มากกว่า แหม่ะ กลายเป็นอุปกรณ์ ตลก ของวลาดิเมียร์ไปซะฉิบ หลีหญิงให้ติดล่ะ ไอ้วลาดิเมียร์

หมดไปอีกคืนนึงครับ พรุ่งนี้ จะออกเดินทางไป Irkutsk กันแล้ว .....




แก้ไขล่าสุดโดย Extream Aggressor เมื่อ Thu Aug 06, 2015 12:03, ทั้งหมด 1 ครั้ง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ
ออฟไลน์
นักเตะเทศบาล
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 05 May 2014
ตอบ: 7087
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Jul 30, 2015 16:51
[RE: ประสบการณ์ แบกเป้ ขึ้นรถไฟ สาย Trans Siberian (ตอนที่ 2)]
เจ๋งดี อยากลองไปแบบนี้ดูบ้าง
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะหมู่บ้าน
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 16 Sep 2005
ตอบ: 867
ที่อยู่: The Denim Addict
โพสเมื่อ: Thu Jul 30, 2015 16:59
[RE: ประสบการณ์ แบกเป้ ขึ้นรถไฟ สาย Trans Siberian (ตอนที่ 2)]
สนุกครับบ

รอตอนต่อไป

0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวเตะลา ลีกา
Status: สวัสดีชปช SAFC (Since 2004- ) +
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 29 Jan 2011
ตอบ: 17456
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Jul 30, 2015 17:00
[RE: ประสบการณ์ แบกเป้ ขึ้นรถไฟ สาย Trans Siberian (ตอนที่ 2)]
ลงชื่อ อ่านจนจบครับ ทริปในฝันเลย ขอบคุณมากครับ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะเทศบาล
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 03 Sep 2009
ตอบ: 1654
ที่อยู่: เมือกเขาอัลไต
โพสเมื่อ: Thu Jul 30, 2015 17:53
[RE: ประสบการณ์ แบกเป้ ขึ้นรถไฟ สาย Trans Siberian (ตอนที่ 2)]
ฮามากครับ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะอบต.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 31 Aug 2009
ตอบ: 452
ที่อยู่: Saint Petersburg State University
โพสเมื่อ: Thu Jul 30, 2015 18:13
[RE: ประสบการณ์ แบกเป้ ขึ้นรถไฟ สาย Trans Siberian (ตอนที่ 2)]
ติดตามครับ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 19 Oct 2013
ตอบ: 1323
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Jul 31, 2015 00:24
[RE: ประสบการณ์ แบกเป้ ขึ้นรถไฟ สาย Trans Siberian (ตอนที่ 2)]
สนุกดีครับ
น่าไปมากๆรัสเซีย
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 19 Oct 2013
ตอบ: 1323
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Jul 31, 2015 00:25
[RE: ประสบการณ์ แบกเป้ ขึ้นรถไฟ สาย Trans Siberian (ตอนที่ 2)]
สนุกดีครับ
น่าไปมากๆรัสเซีย
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะหมู่บ้าน
Status: ทุกเวลา จงรู้สึก
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 05 May 2014
ตอบ: 674
ที่อยู่: ห้วงความรักในสูญญากาศ
โพสเมื่อ: Sat Aug 01, 2015 23:08
[RE: ประสบการณ์ แบกเป้ ขึ้นรถไฟ สาย Trans Siberian (ตอนที่ 2)]
รูปปั้นนั้นที่ท่านบอกว่าเหมือนลินคอน ท่าผมจำไม่ผิดเค้าคือนักกวีที่สุดยอดคนนึงของรัสเซียชื่อ อเล็กซานเดอร์ พุชกิ้น หรือสุนทรภู่บ้านเค้าอะคับ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน


ยิ้มตอนลำบาก เมื่อผ่านพ้นมาแล้วเราจะรู้ว่ายิ้มนั้นสวยงามเพียงใด
ออฟไลน์
ตำรวจบอร์ด
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 08 Jul 2009
ตอบ: 23
ที่อยู่: Be as you were when we met
โพสเมื่อ: Sun Aug 02, 2015 09:33
[RE: ประสบการณ์ แบกเป้ ขึ้นรถไฟ สาย Trans Siberian (ตอนที่ 2)]
Toolsegg พิมพ์ว่า:
รูปปั้นนั้นที่ท่านบอกว่าเหมือนลินคอน ท่าผมจำไม่ผิดเค้าคือนักกวีที่สุดยอดคนนึงของรัสเซียชื่อ อเล็กซานเดอร์ พุชกิ้น หรือสุนทรภู่บ้านเค้าอะคับ  


โอ้ว .. ขอบคุณครับ ผมกลับมานี่ พยายามหาข้อมูลของ ทุกๆ อย่าง ทุกๆ ที่ ที่ได้ไปเจอมา เดี๋ยวเขียนจบจะเรียบเรียงใหม่ เอาไปลงพันดริฟ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวซัลโวยุโรป
Status: เบื่อ
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 16 Jul 2007
ตอบ: 17819
ที่อยู่: โกโรโฮ ประเทศจีน
โพสเมื่อ: Mon Aug 17, 2015 20:42
[RE: ประสบการณ์แบกเป้ ขึ้นรถไฟ สาย Trans Siberian (ตอนที่ 2)]
สุดยอดมาก
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel