ผู้ตั้ง
ข้อความ
เข้าร่วม: 20 Oct 2009
ตอบ: 3513
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Jun 30, 2015 1:45 pm
ตำแหน่ง สมเด็จเจ้าพระยา มีแค่ 4 ท่านครับ
สมเด็จเจ้าพระยา - สำหรับบุคคลที่ได้รับพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน เป็นกรณีพิเศษ ด้วยท่านนั้นมีความดีความชอบต่อราชการแผ่นดินอย่างสูง ได้รับพระราชทานเครื่องยศเทียบกับเจ้านายทรงกรม ในประวัติศาสตร์ มีเพียง ๔ ท่านคือ

1. สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก (ในสมัยรัชกาลสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี)

พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ 1 (พ.ศ. 2327 - 2352)

พระนามเดิม ทองด้วง เป็นพระราชโอรสของสมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก (พระอักษรสุนทรทองดี) ทรงพระราชสมภพเมื่อ พ.ศ. 2378 ในรัชกาลสมเด็จพระบรมโกศ ได้สมรสกับธิดาคหบดีบ้านอัมพวา ตำบลบางช้าง จังหวัดสมุทรสงคราม หลังจากเสียกรุงศรีอยุธยาแก่พม่าในพ.ศ. 2310 แล้ว สมเด็จพระเจ้าตากสินกรุงธนบุรี ได้กู้อิสรภาพและสร้างกรุงธนบุรีขึ้นเป็นราชธานี พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ ได้เข้ารับราชการกับ สมเด็จพระเจ้าตากสิน ทรงพระปรีชาสามารถในการรบจนเป็นที่โปรดปราน นับเป็นขุนพลคู่พระทัยฝ่ายขวา ได้รับแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพในสงครามครั้งสำคัญหลายครั้ง ได้รับบรรดาศักดิ์เป็นสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ ศึก ใน พ.ศ. 2319

พ.ศ. 2325 เกิดจลาจลขึ้นในบ้านเมือง พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ ทรงปราบปรามจนราบคาบ ข้าราชการทั้งหลาย จึงพร้อมใจกันอัญเชิญขึ้นปราบดาภิเษกเป็นกษัตริย์ ต่อมาโปรดให้สร้างราชธานีใหม่ขึ้น ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา คือ กรุงเทพมหานคร ทรงย้ายมาประทับในพระนครใหม่ใน พ.ศ. 2327 พระราชกรณียกิจส่วนใหญ่ในรัชกาลได้แก่การสงครามเพื่อรักษาอธิปไตยของชาติหลายครั้ง ครั้งสำคัญที่สุด คือ สงครามเก้าทัพ ในปี พ.ศ. 2327 การปกครองประเทศทรงจัดแบ่งตามแบบกรุงศรีอยุธยา และโปรดให้ ชำระกฎหมายบทต่างๆ ให้ถูกต้องและจารลงสมุดไว้เป็นหลักฐาน 3 ฉบับ

ทางด้านศาสนา โปรดให้สังคายนาพระไตรปิฎก พ.ศ. 2331 และจารฉบับทองประดิษฐานไว้ในหอพระมณเฑียรธรรม วัดพระศรีรัตนศาสดาราม นอกจากนี้ยังทรงสร้างและบูรณะปฏิสังขรณ์พระอารามและพระพุทธรูปต่างๆ เป็นอันมาก

ทางด้านวรรณคดีและศิลปกรรม ทรงฟื้นฟูวรรณคดีไทยซึ่งเสื่อมโทรมตั้งแต่กรุงศรีอยุธยาแตกให้ กลับคืนดีอีกวาระหนื่ง ทรงส่งเสริมและอุปถัมภ์กวีในราชสำนัก บทพระราชนิพนธ์ที่สำคัญ เช่น บทละคร เรื่องรามเกียรติ์ เป็นต้น งานทางด้านศิลปกรรมนั้นเป็นผลเนื่องมาจากการที่ทรงบูรณะปฏิสังขรณ์และสร้าง พระอารามเป็นจำนวนมาก เป็นการเปิดโอกาสให้ช่างฝีมือด้านต่างๆ มีงานทำและได้ผลิตงานฝีมือชิ้นเอกไว้

ปัจจุบันมีวันที่ระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก คือ วันที่ระลึกมหาจักรี ได้แก่วันที่ 6 เมษายนของทุกปี จะมีพิธีถวายบังคมพระบรมรูป ณ เชิงสะพานพระพุทธยอดฟ้า



2.สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติ (ทัด บุนนาค)

สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิไชยญาติ (ทัต บุนนาค) หรือ สมเด็จเจ้าพระยาองค์น้อย ที่พระคลังสินค้าในรัชกาลที่ 4

สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิไชยญาติ เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2334 เดิมชื่อ ทัต เป็นบุตรคนที่สิบของเจ้าพระยาอรรคมหาเสนา (บุนนาค) กับเจ้าคุณพระราชพันธุ์นวล (คุณนวล น้องสาวของ สมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี พระอัครมเหสีใน พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก) และเป็นน้องชายของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ (ดิศ บุนนาค)

สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิไชยญาติ เริ่มรับราชการในรัชกาลที่ 1 ตำแหน่งนายสนิทหุ้มแพรมหาดเล็ก ต่อมารัชกาลที่ 2 โปรดเกล้าฯ ให้เป็นจมื่นเด็กชา หัวหมื่นมหาดเล็กวังหน้า รับราชการในกรมพระราชวังบวรมหาเสนานุรักษ์ และย้ายกลับมารับราชการตำแหน่งจางวางมหาดเล็ก หลังจากกรมพระราชวังบวรมหาเสนานุรักษ์สวรรคตในปี พ.ศ. 2360 และได้เลื่อนบรรดาศักดิ์เป็น พระยาศรีสุริยวงศ์ ในเวลาต่อมา

ในรัชกาลที่ 3 โปรดเกล้าฯ ให้เป็น พระยาศรีพิพัฒน์รัตนราชโกษา ตำแหน่งจางวางพระคลังสินค้า ต่อมาในรัชกาลที่ 4 โปรดให้เรียกพระยาศรีพิพัฒน์รัตนราชโกษาว่า เจ้าพระยาบรมมหาพิไชยญาติ และโปรดเกล้าให้เป็น สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิไชยญาติ ให้สำเร็จราชการทุกสิ่งในพระนคร รวมทั้งว่าที่พระคลังสินค้า คนทั่วไปนิยมเรียกท่านว่า "สมเด็จเจ้าพระยาองค์น้อย" (เรียกสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ พี่ชายของท่านว่าว่า "สมเด็จเจ้าพระยาองค์ใหญ่")

สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิไชยญาติ เป็นแม่กองสร้างวัดสุทัศน์เทพวราราม สร้างพระปรางค์ภูเขาทอง วัดสระเกศ สร้างวัดปทุมวนาราม สร้างพระอภิเนาว์นิเวศน์และพระที่นั่งไชยชุมพล ซ่อมพระที่นั่งสุทไธสวรรย์ ในพระบรมมหาราชวัง นอกจากนี้ท่านยังมีความสามารถในการเดินเรือ เป็นผู้ต่อเรือบาร์จ (เรือท้องแบน) ขนาด 300 ตัน และเรือสกูนเนอร์ ขนาด 200 ตัน ใช้เดินทางติดต่อค้าขายถึงศรีลังกา

สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิไชยญาติ ถึงแก่พิราลัยในปี พ.ศ. 2400 อายุ 66 ปี ขณะเป็นแม่กองสร้างสวนนันทอุทยานเป็นผลงานชิ้นสุดท้าย



3.สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ (ดิศ บุนนาค)

สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ ผู้สำเร็จราชการแผ่นดินในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นบิดาของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) เจ้าพระยาทิพากรวงศ์มหาโกษาธิบดี (ขำ บุนนาค) เจ้าพระยาภาณุวงศ์มหาโกษาธิบดี (ท้วม บุนนาค) เจ้าพระยาสุรพันธ์พิสุทธิ์ (เทศ บุนนาค) และเจ้าพระยาภาสกรวงศ์ (พร บุนนาค)
ประวัติ

สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2331 เดิมชื่อ ดิศ เป็นบุตรของเจ้าพระยาอรรคมหาเสนา (บุนนาค) กับเจ้าคุณนวล (เจ้าคุณพระราชพันธุ์นวล) รับราชการเป็นมหาดเล็กในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รับพระราชทานตำแหน่งเป็นนายสุดจินดา หุ้มแพรมหาดเล็ก ได้รับการเลื่อนตำแหน่งตามลำดับ จนถึงรัชกาลที่ 4 จึงได้เลื่อนขึ้นเป็น สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ คนทั่วไปนิยมเรียกว่า "สมเด็จเจ้าพระยาองค์ใหญ่" (เรียกสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิไชยญาติ (ทัต บุนนาค) น้องชายของท่านว่า "สมเด็จเจ้าพระยาองค์น้อย")

สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ เป็นสมเด็จเจ้าพระยาองค์แรกของกรุงรัตนโกสินทร์ มีหน้าที่สำเร็จราชการแผ่นดิน ดูแลต่างพระเนตรพระกรรณทั่วทั้งพระราชอาณาจักร ใช้ตราสุริยมณฑลเทพบุตรชักรถ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งตระกูลบุนนาค ท่านเป็นผู้สร้างวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร

สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ได้ถึงแก่พิราลัยในวันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2398ขณะอายุ 67 ปี



4.สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค)

สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีวงศ์มีนามเดิมว่า ช่วง บุนนาค เป็นบุตรชายคนใหญ่ของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ (ดิศ บุนนาค) กับท่านผู้หญิงจันทร์ เกิดเมื่อปีมะโรง วันศุกร์ เดือนยี่ ขึ้น 7 ค่ำ ตรงกับวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2351 มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 9 คน แต่ในสุดเหลือท่านกับน้องอีก 4 คน คือ เจ้าคุณหญิงแข เจ้าคุณหญิงปุก เจ้าคุณหญิงหรุ่น และพระยามนตรีสุริยวงศ์ (ชุ่ม) เท่านั้นที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่มาด้วยกัน

ตอนเยาว์วัยเด็กชายช่วง บุนนาค ได้รับการศึกษาจากวัดพอประมาณ ไม่ได้เล่าเรียนอักขรสมัยอย่างลึกซึ้ง แต่ได้อ่านและเรียนตำราต่างๆ จากสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ ซึ่งมีตำแหน่งเป็นที่เสนาบดีกลาโหมและเสนาบดีกระทรวงต่างประเทศหรือกรมท่า ทำให้ได้ทราบเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับการเมืองมากขึ้น มีความเฉลียวฉลาด ปฏิภาณไหวพริบทวีขึ้นเป็นลำดับ โดยเฉพาะในกระบวนการเมืองและการติดต่อกับต่างประเทศ และภายหลังที่รับราชการในกรมมหาดเล็ก ก็ศึกษาภาษาอังกฤษและวิชาช่างจากมิชชันนารี จนสามารถต่อเรือรบ (เรือกำปั้น) ใช้ในราชการได้

นายช่วง บุนนาค ได้ถูกบิดานำเข้าถวายตัวเป็นมหาดเล็กในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เมื่ออายุราว 16 ปี ครั้นถึงแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เป็นนายไชยขรรค์ มหาดเล็กหุ้มแพร นายไชยขรรค์เป็นที่โปรดปรานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 3 ต่อมาได้โปรดเลื่อนนายไชยขรรค์เป็นหลวงสิทธิ์นายเวรมหาดเล็ก ซึ่งเรียกกันทั่วไปว่า หลวงนายสิทธิ์

หลวงสิทธิ์นายเวรรับราชการมีความดีความชอบมาก จึงได้เลื่อนบรรดาศักดิ์ขึ้นโดยลำดับคือ ใน พ.ศ. 2384 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้า ฯ เลื่อนหลวงสิทธิ์นายเวรขึ้นเป็นจมื่นไวยาวรนาถหัวหมื่นหมาดเล็ก และในตอนปลายแผ่นดินรัชกาลที่ 3 ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้า ฯ เลื่อนบรรดาศักดิ์ขึ้นเป็นพระยาศรีสุริยวงศ์ จางวางมหาดเล็กใน พ.ศ. 2393 ต่อมาในแผ่นดินรัชกาลที่ 4 พระยาศรีสุริยวงศ์ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ว่าที่สมุหพระกลาโหม กับโปรดให้สร้างตราศรพระขรรค์พระราชทานสำหรับเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ ขณะที่มีอายุได้ 43 ปี นับเป็นข้าราชการที่มีอายุน้อยที่สุดในตำแหน่งสมุหพระกลาโหม

ปรากฏว่า ตลอดรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง นุนนาค) เป็นบุคคลที่มีความสำคัญมากในการปกครองประเทศสยาม โดยเฉพาะหลังจากที่สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติ และพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ถึงแก่พิราลัยและสวรรคตตามลำดับ เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ยิ่งมีความสำคัญมากจนสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงกล่าวเปรียบเทียบไว้ว่า “ถ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 เป็นเสมือนแม่ทัพแล้ว สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ก็เป็นเหมือนเสนาธิการช่วยกันทำงานมาตลอดรัชกาลที่ 4” ดังนั้นเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์จึงเป็นบุคคลผู้มีความสำคัญในการปกครองประเทศสยามเป็นอันดับที่ 2 รองจากพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

ต่อมาถึงแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระชนมายุเพียง 15 พรรษา พระบาทวงศานุวงศ์ พระสงฆ์ ราชาคณะ และที่ประชุมเสนาบดีจึงเห็นสมควรแต่งตั้งให้เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแผ่นดินในรัชกาลที่ 5 ระหว่าง พ.ศ. 2411-2416 มีอำนาจอาญาสิทธิ์ที่จะปกครองประเทศ และประหารชีวิตผู้กระทำความผิดขั้นอุกฤษฏ์ได้ ต่อมาใน พ.ศ. 2416 เมื่อเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์พ้นจากตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน รัชกาลที่ 5 โปรดให้เลื่อนเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ขึ้นเป็นสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ ถือศักดินา 30,000

เมื่อพ้นจากตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแผ่นดินแล้ว สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรียวงศ์มักออกไปพำนักอยู่ที่จังหวัดราชบุรี สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ถึงแก่พิราลัยเมื่อวันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2425 เวลา 5 ทุ่มเศษ บนเรือนที่ปากคลองกระทุ่มแบน สิริรวมอายุได้ 74 ปี 27 วัน รัชกาลที่ 5 โปรดให้ทำพิธีพระราชทานเพลิงศพของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์อย่างสมเกียรติ ณ วัดบุปผาราม ธนบุรี เมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2427

เมื่อศึกษาถึงประวัติของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ จะเห็นได้ว่าท่านเป็นอัจฉริยบุรุษผู้มีชื่อเสียงเด่นที่สุดในบรรดาสมาชิกทั้งหลายของตระกูลบุนนาค ไม่เพียงแต่ชื่อเสียงของท่านจะเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่ชาวไทยว่า ท่านเป็นผู้มีอำนาจและอิทธิพลในการปกครองประเทศสยามในแผ่นดินรัชกาลที่ 4 และที่ 5 เท่านั้น แต่ท่านยังเป็นที่รู้จักกันดีในบรรดาชาวต่างประเทศตั้งแต่สมัยเมื่อท่านมีชีวิตอยู่จนกระทั่งปัจจุบันนี้



เข้าร่วม: 02 Nov 2008
ตอบ: 1317
ที่อยู่: โพรงข้างต้นสะแบง
โพสเมื่อ: Tue Jun 30, 2015 2:33 pm
[RE: ตำแหน่ง สมเด็จเจ้าพระยา มีแค่ 4 ท่านครับ]
1.องค์แรกท่านก็สร้างบ้านแปงเมืองมาพร้อมกับพระเจ้ากรุงธนบุรี เป็นแม่ทัพไปร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ สุดท้ายเป็นหัวหน้าคณะปฏิวัติ ฯ

2.ท่านที่สอง กับ ท่านที่ 3 เป็นลูกพี่ลูกน้อง ลูกหลานวงศ์วานว่านเครืองทางเมียของท่านแรก ได้รับใช้ไกล้ชิดศูนย์กลางอำนาจ เป็นผู้สนับสนุนหลักในการสถาปนา พระองค์เจ้าทับ ขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 3

3.ท่านที่ 4 เป็นลูกท่านที่ 3 ท่านนี้ก็เป็นผลการสนับสนุนภิกษุเจ้าฟ้ามงกุฏ (ขณะนั้นทรงผนวช)ขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 4 พร้อมบิดาและอา (ท่านที่ 2 และท่านที่ 3) ทำให้ได้รับความเกรงอกเกรงใจ จากรัชกาลที่ 4 มาก เมื่อรัชกาลที่ 4 สวรรคต ท่านก็ฝากลูกเมียไว้กับท่านนี้ ท่านเป็นผู้สำเร็จราชการที่มีสีสรร เกินมากมายสมัยต้นรัชกาลที่ 5 มีทั้งคนรัก มีทั้งคนชัง เพราะท่านแต่งตั้งลูกหลาน ว่านเครือดำรงตำแหน่งสำคัญ ๆ มากมาก ส่วนราชนิกูล ได้ว่าการกรม ที่ไม่ค่อยเป็นหลักเป็นการนัก การที่รัชกาลที่ 5 แต่งตั้งท่านขึ้นเป็น สมเด็จเจ้าพระยา ก็เมื่อท่านหมดหน้าที่ในตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแล้ว


หนังสือที่น่าอ่านสำหรับการศึกษาเพิ่มเติมสำหรับ 4 ท่านนี้ลองอ่านเพิ่มเติมนะครับ
1.ชำแหละแผนยึดกรุงธนบุรี
2.การเมืองไทย สมัยพระเจ้ากรุงธนบุรี
3.วาระสุดท้ายในรัชกาลที่ 4
4.กบฏเจ้าฟ้าเหม็น
5.โครงกระดูกในตู้
เข้าร่วม: 20 Oct 2009
ตอบ: 3513
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Jun 30, 2015 2:54 pm
[RE: ตำแหน่ง สมเด็จเจ้าพระยา มีแค่ 4 ท่านครับ]
อ้างอิงจาก:
1.องค์แรกท่านก็สร้างบ้านแปงเมืองมาพร้อมกับพระเจ้ากรุงธนบุรี เป็นแม่ทัพไปร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ สุดท้ายเป็นหัวหน้าคณะปฏิวัติ ฯ

2.ท่านที่สอง กับ ท่านที่ 3 เป็นลูกพี่ลูกน้อง ลูกหลานวงศ์วานว่านเครืองทางเมียของท่านแรก ได้รับใช้ไกล้ชิดศูนย์กลางอำนาจ เป็นผู้สนับสนุนหลักในการสถาปนา พระองค์เจ้าทับ ขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 3

3.ท่านที่ 4 เป็นลูกท่านที่ 3 ท่านนี้ก็เป็นผลการสนับสนุนภิกษุเจ้าฟ้ามงกุฏ (ขณะนั้นทรงผนวช)ขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 4 พร้อมบิดาและอา (ท่านที่ 2 และท่านที่ 3) ทำให้ได้รับความเกรงอกเกรงใจ จากรัชกาลที่ 4 มาก เมื่อรัชกาลที่ 4 สวรรคต ท่านก็ฝากลูกเมียไว้กับท่านนี้ ท่านเป็นผู้สำเร็จราชการที่มีสีสรร เกินมากมายสมัยต้นรัชกาลที่ 5 มีทั้งคนรัก มีทั้งคนชัง เพราะท่านแต่งตั้งลูกหลาน ว่านเครือดำรงตำแหน่งสำคัญ ๆ มากมาก ส่วนราชนิกูล ได้ว่าการกรม ที่ไม่ค่อยเป็นหลักเป็นการนัก การที่รัชกาลที่ 5 แต่งตั้งท่านขึ้นเป็น สมเด็จเจ้าพระยา ก็เมื่อท่านหมดหน้าที่ในตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแล้ว


หนังสือที่น่าอ่านสำหรับการศึกษาเพิ่มเติมสำหรับ 4 ท่านนี้ลองอ่านเพิ่มเติมนะครับ
1.ชำแหละแผนยึดกรุงธนบุรี
2.การเมืองไทย สมัยพระเจ้ากรุงธนบุรี
3.วาระสุดท้ายในรัชกาลที่ 4
4.กบฏเจ้าฟ้าเหม็น
5.โครงกระดูกในตู้  


ขอบคุณมาก ๆ ครับ
0
0
เข้าร่วม: 22 May 2011
ตอบ: 1886
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Jun 30, 2015 3:32 pm
[RE: ตำแหน่ง สมเด็จเจ้าพระยา มีแค่ 4 ท่านครับ]
องค์ที่ 4 นี่เหมือนผมเคยฟังมาว่าท่านเป็นผู้สำเร็จราชกาลแทนในสมัยนั้น คือ จะก่อการกบฏและยึดอำนาจแต่งตั้งตัวเองเป็นกษัตริย์เหมือนตอน ร.1 ก็ได้

แต่ท่านไม่ทำ เพราะท่านสำนึกในบุญคุณของ ร.3ร.4 มากๆ

ไม่งั้นนะ ....
0
0