ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1, 2
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
นักบอลลีกภูมิภาค
Status: อุตส่าห์ตามไลค์ให้เกือบปี ขอเลียหทีก็ไม่ได้
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Oct 2009
ตอบ: 1426
ที่อยู่: ทุ่งหญ้าสเต็บ ปลายฝนต้นหนาว เข้าสู่ฤดูเหงา~
โพสเมื่อ: Sat May 23, 2015 02:03
The Last Samurai กับความจริงที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์



ภาพยนตร์เรื่อง เดอะล๊าสซามูไร (The Last Samurai) ได้นำเอาความกล้าหาญของนักรบญี่ปุ่นยุคโบราณมา
เสนอต่อสายตาท่านผู้ชมได้อย่างวิเศษประกอบกับการแสดงของดาราอย่าง ทอม ครู๊ส (Tom Cruise) และ เคน
วาทานาเบ (Ken Watanabe) และเหล่าผู้แสดงประกอบชาวญี่ปุ่นที่เล่นเป็นกบฎซามูไรได้อย่างสมบทบาท แต่หนังก็คือหนังจะให้ตรงตาม
ความจริงทั้งหมดคงไม่มีคนดู ดังนั้นก็ขออนุญาตนำความจริงออกมาตีแผ่ เพราะเห็นว่ามีสาระน่ารู้และเป็นเรื่อง
ใกล้ๆกับประวัติศาสตร์สำคัญภาคหนึ่งของไทยเราเช่นกัน


ซามูไรคนสุดท้ายตัวจริงนั้นมีชื่อว่า ไซโก้ ทากาโมริ (Saigo Takamore) เป็นรัฐบุรุษสำคัญในประวัติศาสตร์เกิดเมื่อ
200 ปีมาแล้วในตระกูลซามูไรระดับล่างๆสังกัดท่านเจ้าเมือง ซัทซึมะ (Satsuma) ไซโก้เป็นคนร่างยักษ์ แข็งแรง
เฉียบแหลม สนใจใฝ่หาความรู้สมัยใหม่ จนได้รับความวางใจให้เป็นทหารเอกประจำตัวท่านเจ้าเมืองตั้งแต่อายุ
26 ปี ตัวไซโก้นั้นบังเอิญเกลียดชังท่านโชกุน และปรารถนาที่จะคืนอำนาจให้แก่องค์พระจักรพรรดิอันเป็นความรู้สึกที่มีอยู่ทั่วไปของชาวซัทซึมะ อันเป็นเหตุการณ์บ้านเมืองยุคก่อนที่หนัง เดอะล๊าสซามูไรจะเริ่มเรื่อง

ญี่ปุ่นยุคที่ไซโก้ลืมตาดูโลกนั้นอยู่ภายใต้การปกครองที่เข้มงวดของโชกุนตระกูล โตกุกาว่า (Tokugawa) คำว่าโชกุน
(Shogun) ท่านอย่าไปนึกว่าเหมือนนายกรัฐมนตรี แต่แท้จริงแปลว่า "ผู้นำทางการทหาร" ซึ่งได้อำนาจบริหารบ้าน
เมืองด้วยการสนับสนุนของกองทัพซามูไรในสังกัด ตำแหน่งโชกุนดึงอำนาจการปกครองมาจากจักรพรรดิ จักรพรรดิมีอำนาจแค่ในนามความจริงไร้สิทธิและเสียงอยู่ในวังหลวงกรุงเกียวโต ด้วยเหตุที่ตระกูลโตกุกาว่าเป็นโชกุนขึ้นมาจากสงครามกลางเมืองต้องปราบปรามคู่แข่งมากมายก่อนจะมีอำนาจเบ็ดเสร็จ หลักรัฐศาสตร์แบบโตกุกาว่าคือปกครองแบบคุมเข้มจะได้ไม่หือกับกู ปิดประเทศไม่ติดต่อกับคนต่างชาติ ไม่รับวิทยาการสมัยใหม่และสุดท้ายก็ห้ามประชาชนตาดำๆมีอาวุธ



โชกุนจากตระกูลโตกุกาว่าปิดประเทศไว้มิดชิดถึง 250 ปี เพราะฉลาดในการตั้งระบบเครือข่ายเจ้าเมืองระดับซีอีโอถึง260คนคุมหมดทุกเมือง มีตำแหน่งเป็นภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า ท่านไดเมียว (Diamyo) ก็คล้ายกับท่านลอร์ด อัศวินของฝรั่ง
หรือขุนศึกระดับพระยากินเมืองของไทย พระยาซีอีโอ เหล่านี้มีหน้าที่เลี้ยงซามูไร เอาไว้รับใช้ และรวมกันขึ้นต่อท่านโชกุน ดังนั้นท่านโชกุนก็ต้องผูกใจเสริมสร้างความจงรักภักดี ในเหล่าซามูไรไว้ให้กินอยู่อย่างดี ทำให้ซามูไรมีฐานะทางสังคมสูงกว่าชาวบ้าน ได้อยู่กินฟรี มีเบี้ยหวัดเป็นรูปของเงินและข้าวสาร ทุกๆต้นมีนาคมก็ไม่ต้องเสียภาษีอะไรเลย แถมยังเป็นคนกลุ่มเดียวที่มีสิทธิถืออาวุธ(ดาบ) เรียกว่าได้ใบพกพาอาวุธตลอดชีพ ประเทศญี่ปุ่นยุคที่ไซโก้เกิดมาจึงถูกกลืนโดยพรรคญี่ปุ่นรักโตกูกาว่า พรรคไหนไม่เล่นด้วยพ่อคุณก็ยกทัพไปปราบจน
เละ ท้ายที่สุดซามูไรกลายเป็นชนชั้นที่ร่ำรวย เมื่อบ้านเมืองไม่มีสงครามนานๆ เข้า ก็ได้แต่เมาเหล้าเล่น
ไฮโล ไปวันๆหาสาระไม่ได้ อย่างดีก็มาท้าดวลดาบกันกลางถนน อย่างกับหนังคาวบอยตะวันตก

ฉากเริ่มก๊กซามูไรที่ไซโก้สังกัด คือ แคว้นซัทซึมะซึ่งเป็นคู่อาฆาตของตระกูล
โตกูกาว่ามานับศตวรรษ แคว้นนี้ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ ตั้งอยู่บนเกาะกิวซิว (Kyushu) มีเมืองหลวงชื่อ
คาโกซิม่า (Kagoshima) ความที่อยู่ห่างไกลความเจริญแวดล้อมด้วยป่าเขายากต่อการทำนา ทำให้ชาวซัทซึมะ
มีความแข็งแกร่ง ทรหด ตามธรรมชาติ เหมาะแก่การเป็นนักรบ เมื่อทำนาไม่ค่อยได้ก็ต้องหารับประทานแบบนักเลงคือ ตั้งด่านเก็บค่าผ่านทางกระบวนลำเลียงสินค้าที่ผ่านไปมาเอาเป็นทุนไว้ใช้ ซ่องสุมซามูไรไว้ถึง 27,000 คน การที่อยู่บนเขาโดดเดี่ยวตนเองทำให้ชาวซัทซึมะ มีความรู้สึกเป็นอิสระไม่ยอมขึ้นกับใคร

ยังมีซามูไรอีกก๊กหนึ่งซึ่งเกลียดโชกุนไม่แพ้กัน และผลิตซามูไรสำคัญๆ ออกมามาก คือแคว้นโชซู (Choshu)
ตั้งอยู่บนเกาะฮอนซู เมืองหลวงชื่อเมือง ฮากิ (Hagi) แคว้นนี้ใหญ่เป็นอันดับสี่ของประเทศ ทำนาได้ผลดีกว่าแคว้นแรก
และคุมช่องแคบที่เรือทุกลำจากต่างประเทศจะต้องผ่านมาญี่ปุ่นจึงเป็นก๊กที่ล่ำซำเป็นที่หลบภัยของซามูไรที่ไม่ชอบระบอบโตกูกาว่า ถึง 11,000 คน ถ้าอยากรู้ว่าชาวโชซูเขาเกลียดชังโตกูกาว่าขนาดไหน ผมขอบอกเพียงว่าตลอด250 ปีนั้น เมื่อเด็กชาวโชซูเข้านอน พ่อแม่จะบอกให้หันเท้าไปทางกรุงโตเกียวที่โชกุนอาศัยอยู่ และ
ทุกๆวันขึ้นปีใหม่ ซามูไรอาวุโสจะเดินขบวนไปถามท่านเจ้าเมืองว่า ปีนี้ถึงเวลาเล่นงานเจ้าโตกูกาว่าหรือยัง ขอรับ

กระแสพายุของการล่าเมืองขึ้นพัดมาถึงท่านโชกุนในปี ค.ศ. 1840 เมื่ออังกฤษรบชนะจีนในสงครามฝิ่น ชาวญี่ปุ่น
แม้จะถูกปิดตามานานแต่ก็มีผู้ใฝ่รู้หลายคน ลงทุนแอบแปลตำราฝรั่ง บางท่านลงทุนแปลงตัวลงเรือไปถึงเมืองนอกเพื่อจะพบความจริงว่าญี่ปุ่นล้าหลังเกินไปแล้ว

ข้อสังเกตอีกเรื่องเกี่ยวกับความใจกว้างที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ จึงดูเหมือนว่ามีคนรู้เรื่องฝรั่งแอบอยู่ในเงามืดสมัยโตกูกาว่าอยู่ไม่น้อย ญี่ปุ่นไม่เหมือนจีนที่ทนงตนว่าเจริญกว่าฝรั่งจึงยินดีที่จะเรียนรู้และนำวิทยาการของชาติตะวันตกมาพัฒนาประเทศ
แล้วจู่ๆ ในปี ค.ศ. 1853 เรือรบเหล็กใช้เครื่องจักรไอน้ำของท่านนายพลเรือ แมทธิว เพอรี่ (Matthew Perry) ได้ทำ
ความตื่นตระหนกแก่ชาวญี่ปุ่นอย่างมาก ประตูที่ปิดตายมา 250 ปี จึงต้องแง้มออกจนได้ โชกุนให้ทูตฝรั่งเข้าพบ
และกล้อมแกล้มทำสัญญาการค้าตามมาตรฐานฝรั่งอย่างที่ไทยเราเคยโดน นั่นคือเสียเปรียบทุกเรื่องในสายตาของ
ชาวบ้านท่านโชกุนก็หน้าแตกหมอไม่รับเย็บ หมดสิ้นศรัทธายิ่งกว่าบางประเทศพยายามปิดข่าวโรคระบาดในปลา
ซามูไรหนุ่ม ๆจึงเริ่มลับดาบเตรียมจังหวะล้มรัฐบาลกันเป็นทิวแถว

เมื่อทูตอเมริกันเหยียบโตเกียวนั้น ท่านไดเมียวแห่งแคว้นซัทซึมะเจ้านายของไซโก้ได้สังเกตว่า ทหารอเมริกันทุกคนมีปืนไรเฟิลครบมือมีความพร้อมเพรียง มิได้แยกชั้นวรรณะแบบซามูไรซึ่งจะไปรบก็ต้องมีคนตามไปแบกเกราะ ถือปิ่นโต ป้อนข้าวป้อนน้ำรุงรังนัก จึงเลื่อมใสและได้ขอยืมปืนตัวอย่างจากพวกทูตมากระบอกหนึ่ง ความที่ท่านเป็นนักประดิษฐ์ตัวเอ้ ก็จับถอดออกก๊อบปี้กันทั้งคืนรุ่งขึ้นก็คืนเจ้าของไปแล้วตั้งใจเอาว่าญี่ปุ่นจะต้องปฏิวัติระบบอุตสาหกรรมแบบฝรั่ง เอาไว้ทำไมก็เอาไว้ผลิตปืนเป็นแสน ๆกระบอกเพื่อสู้ฝรั่งไงครับ กระแสการเมืองยุคที่ถูกบังคับให้เปิดประเทศคือ "ไล่พวกคนตะวันตกป่าเถื่อนไปจากญี่ปุ่นให้ได้ "

ในปีถัดมาท่านก็สั่งไซโก้และเพื่อนๆให้หัดทหารแคว้นซัทซึมะแบบฝรั่ง และลองตั้งโรงหล่อปืนใหญ่บ้าง เช่นเดียวกับแคว้นโชซู ซึ่งก้มหน้าสะสมปืนผาหน้าไม้ไว้เมื่อได้ฤกษ์งามยามดี ในปี ค.ศ. 1863 ก็สั่งปิดช่องแคบซิโมโนเซกิ ขนปืนใหญ่ที่เก็บตังซื้อมาได้ ตั้งยิงเรือฝรั่งเอาดื้อ ๆ ให้หายแค้น ผลก็คือสู้ไม่ได้โดนเรือปืนฝรั่งรุมยำเละไปทั้งเมือง ส่วนก๊กซัทซึมะของไซโก้นั้นโดนอังกฤษยึดไว้ครึ่งเมืองฐานที่ส่งซามูไรไปไล่ฟันทูตอังกฤษถึงบ้าน ทหารอังกฤษจับคนร้ายตัดหัวเสียบประจาน แถมต้องเสียเงินทองทำขวัญอีกพะเรอเกวียน


ซามูไรแคว้นซัทซึมะบุกบ้านกงศุลอังกฤษกลางดึก (ปี 1861)

ผลการรบนี้น่าคิด เพราะญี่ปุ่นเป็นชาติที่แพ้แล้วจำเก็บไปทำการบ้าน มิได้อาละวาดฟาดหัวฟาดหางกับเมียที่บ้าน
พวกหนุ่ม ๆ หัวใหม่ยอมรับว่าเรายังไม่เก่งพอและเหมือนฟุตบอลทีมชาติที่ไปแพ้เขามาก็ต้องรักษาอาการบอบช้ำ
คิดปรับแผนปรับตัวผู้เล่น และถ้าอาการหนักอย่างญี่ปุ่นก็พาลคิดเปลี่ยนโค้ช (โชกุน) มันซะเลย

แคว้นโชซูเริ่มระดมพลก่อนเพื่อนโดยใช้ทหารชาวเมืองที่หัดรูปกระบวนทัพแบบฝรั่ง เป็น "หน่วยจู่โจม " หรือโชไท
(Shotai) ประกอบไปด้วยอดีตซามูไรและชาวบ้านร่วมรบกันโดยไม่ถือชั้นวรรณะ จากนั้นจึงดื่มน้ำสาบานกันทั้ง
คณะเพื่อไปโค่นอำนาจโชกุน

หนังเรื่อง เดอะล๊าส ซามูไร เริ่มกันจริง ๆก็ตรงจุดนี้ คือท่านโชกุนตกใจมากวิ่งโล่ไปจ้างทหารฝรั่งเพื่อฝึกทหารของตนไว้สู้พวกแข็งข้อ ครูฝึกตัวจริงกลับเป็นนายทหารฝรั่งเศส หาใช่ผู้กองเนทาน หรือ ทอม ครู๊ส ในปี ค.ศ. 1868 แคว้นซัทซึมะของท่านไซโก้จึงผนวกกำลังร่วมขบวนการอย่างเต็มตัวจนการแข็งข้อลุกลามออกเป็นสงครามกลางเมืองภายในปีเดียวกันนั้น ไซโก้ก็ยกทัพเข้าเมืองเกียวโตถวายบังคมองค์พระจักรพรรดิเมอิจิแล้วเชิญให้เสด็จกลับมาปกครองประเทศ

ส่วนท่านโชกุนนั้นฮึดสู้แบบไว้ลายตระกูลโตกุกาว่าที่ตำบลโทบะ (Toba) และ ฟูชิมิ (Fushimi)
จะพบว่าความจริงนั้นกลับกันหมด ฝ่ายที่แกว่งดาบกลับเป็นทหารซามูไรกองหน้าของโชกุน เข้ารบกับทหารกบฏที่มีปืนแก๊ปเอ็นฟิลด์ แต่งฝรั่งรบแบบฝรั่งเปี๊ยบ ไม่ใช่ฝ่ายกบฏอย่าง ทอม ครู๊สและวาทานาเบจะใส่เกราะ
ควบม้าฝ่าดงกระสุนอย่างในหนัง บทของ ทอม ครู๊สนั้นเข้าใจว่าได้เค้าเรื่องจากนายทหารฝรั่งเศสซึ่งโชกุนจ้างมาชื่อจริงคือ ผู้พันจูลส์ บรูเน่ย์ (Jules Brunet) ผู้ซึ่งมิได้ถูกกบฏจับได้อย่างในหนังแต่ดันไปรบแพ้พวกท่านไซโก้ เลยแปรสภาพจากฝ่ายรัฐบาล (อดีต) หนีไปกับซามูไรแตกทัพไปตั้งรัฐอิสระที่ฮอคไกโดไม่ขึ้นกับรัฐบาลใหม่อย่างเปิดเผย ท้ายสุดแพ้ทัพจักรพรรด์เละ เลยต้องแอบกลับบ้านไปอยู่กับเมียแหม่มที่ฝรั่งเศส


เมื่อทีมชาติญี่ปุ่นได้จักรพรรดิ์เมอิจิมาเป็นโค้ชใหม่แล้ว ซามูไรนักปฏิวัติก็เริ่มวางตัวผู้เล่นในตำแหน่งต่าง ๆ โดยฟอร์มรัฐบาลซึ่งประกอบด้วยผู้รู้วิทยาการของตะวันตกที่มาจากก๊กทั้งสองไซโก้ตอนนี้ได้เป็นทั้งเทียบเท่า ผบ. ทบ. และได้เป็นอาจารย์ใกล้ชิดองค์พระจักรพรรดิจริงดังที่ในหนังอ้างไว้ และให้ไซโก้คุมกำลัง ทหารหลวง (Imperial Guard) ถึง50,000 คน เพื่อค้ำจุนรัฐบาลและสนับสนุนการปฏิรูปสังคมตามแผน สโลแกนของรัฐบาลนี้ก็คือญี่ปุ่นต้องรวยและแกร่ง "Rich Country, Strong Army"

ท่านผู้อ่านที่คิดว่าการปฏิรูปแบบเมอิจิคงจะผ่อนสั้นผ่อนยาวถนอมน้ำใจ ขอเล่าว่าท่านคิดผด ญี่ปุ่นนั้นเป็นคนดุดันเอาเป้าหมายเป็นที่ตั้ง ยิ่งถูกโตกูกาว่าเก็บกดมานานก็เหมือนคนเบรกแตกซึ่งอดเอานิสัยซามูไรเดิมๆมาใช้ไม่ได้คือใครขวางก็ฟันดะ ตรงนี้ขอให้สังเกตหนังญี่ปุ่นรุ่นเก่ามักจะจบแบบไม่สวย คือ ไม่ฟันกันตายเกลื่อนก็ต้องเลือดตกยางออก น้ำตาท่วมจอ ไอ้จะมา Happy Ending แบบนั้นไม่มีแน่นอนครับ

เมื่อการพัฒนาประเทศมาถึงขั้นที่ต้องปรับกองทหารให้แกร่งก็พบปัญหาคือการที่หาคนมาเป็นทหารได้ไม่เพียงพอ จะเอาอดีตซามูไรมาเป็นทหารก็แก่เกินฝึกวิชาใหม่ๆดังนั้นจึงใช้พรบ. เกณฑ์ทหาร ออกใช้เป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1871 ก่อนเมืองไทยถึง 20 ปี แต่การกระทำเช่นนั้นกลายเป็นเหตุให้ทางเดินของคณะปฏิวัติและไซโก้ต้องแยกกันอย่างน่าเสียดาย

คณะเมอิจิปรารถนาจะเห็น"กองทัพแห่งชาติ" ญี่ปุ่นที่มีกำลังพลประจำการนับแสนไม่มีชั้นวรรณะ และมีอาวุธทันสมัย ไซโก้ก็เห็นเช่นเดียวกันแตกต่างกันที่ ไซโก้เห็นว่าชนชั้นซามูไรยังมีบทบาทผู้นำทหารอยู่เช่นเดิม และควรเป็นนายทหารหรือส่วนกำลังรบหลัก พวกลูกชาวบ้านให้เป็นมือรองๆอยู่แต่ในครัวก็ได้



ส่วนผลการพัฒนาก็กระทบความเป็นอยู่ของซามูไรอย่างมาก กลายเป็นคนตกงานท่านไซโก้
ก็เป็นซามูไรคนหนึ่ง จึงสะเทือนใจการรักษาเกียรติภูมิซามูไรเอาไว้คู่กับประเทศญี่ปุ่น และต้องการให้มีกองทัพซามูไรล้วนออกไปทำการรบจริงให้ประชาชนเห็นอีกสักครั้ง

ความขัดแย้งระหว่างไซโก้กับรัฐบาลมาแตกหักกันที่เรื่องเกาหลี ลูกแกะซึ่งเพิ่งหลุดจากเงื้อมมือจีน และไซโก้
ประสงค์จะผนวกเข้ามาเป็นประเทศเดียวกันก่อนที่ฝรั่งจะมาแย่งไปกินเสียเอง เขาได้เสนอตนต่อ ครม. ว่าจะไป
เป็นทูตเยือนเกาหลีระหว่างนั้นก็ให้คนมาลอบฆ่าเขาเสีย เพื่อเป็นเหตุให้ญี่ปุ่นประกาศสงครามได้ กลอุบายสละ
ชีพพลีแบบนี้ขอให้คนไทยเข้าใจว่าเมื่อ100ปีก่อนเขายังทำกันมิใช่เรื่องอ่านเล่นในสามก๊ก ญี่ปุ่นเคยทำมา
แล้วเพื่อหาเรื่องยึดแมนจูเรีย ระหว่างนั้นรัฐบาลฉุกคิดได้ว่าญี่ปุ่นยังไม่มีความแข็งแกร่งทางอุตสาหกรรมพอที่จะไปชักศึกเข้าบ้าน การยึดเกาหลีอาจเป็นชนวนให้รัสเซียเข้ามาขัดขวางและญี่ปุ่นยังไม่พร้อมจะรบกับฝรั่งซึ่งเป็นการประเมินตนเองได้ถูกต้อง

ฉากนี้ไปตรงกับในหนังเมื่อหัวหน้าซามูไรอย่างคัทซึโมโต้ ผิดใจกันถึงกับลาออกกลางที่ประชุม ไซโก้ก็ทำเช่น
เดียวกัน และออกไปตั้งโรงเรียนสอนวิชากึ่งวัฒนธรรมกึ่งการเมืองเงียบ ๆ ที่บ้านเกิด พวกซามูไรที่ต่อต้านการพัฒนาประเทศก็มาห้อมล้อม และก่อเหตุไม่สงบกันทุกวันโดยที่แม้ไซโก้จะอยากอยู่เงียบ ๆก็ยังถูกลากเข้ามาสู่ความวุ่นวายจนได้ด้วยเห็นว่าเคยเป็นผู้มีปากมีเสียงดังในคณะรัฐบาล ตรงนี้ทำให้เห็นว่าการที่ไซโก้พะวงกับความหลังยุคซามูไรรุ่งเรือง ทำให้เขาเสียอนาคต ผิดกับฝ่ายรัฐบาลที่เด็ดเดี่ยวกว่าไม่มีการลังเลสงสัยในนโยบายที่วางเอาไว้แต่ต้น ตามเรื่องจริงมีรัฐมนตรีบางคนได้แอบส่งซามูไร 50คน ไปลอบสังหารเขา แต่ไม่สำเร็จซึ่งในหนังได้ผูกเรื่องให้เป็นนินจาแอบมาเก็บคัทซึโมโต้ขณะมีงานรื่นเริงประจำปี เมื่อคิดฆ่ากันแบบนี้ไซโก้จึงตัดสินใจว่ารัฐบาลเมอิจิเห็นเขาเป็นศัตรูจึงเข้าทำการกบฏเสียเลย โดยรวบรวมพรรคพวกถืออาวุธครบ เดินทางเข้าสู่กรุงโตเกียว โดยอ้างว่ามาโดยสันติและกดดันให้ชะลอการพัฒนาประเทศ



เกิดปะทะกับทหารหลวงที่หน้าปราสาทคุนาโมโต้ (Kunamoto Castle) ณ จุดนี้ทหารเกณฑ์ลูกชาวนาที่พวก
ซามูไรเคยดูหมิ่นไว้สู้ไม่ถอย และกบฏ 18,000 คนถูกสกัดพอมีเวลาให้ ทหารหลวง 43,000 คนมาช่วยได้ทันทหารรุ่นใหม่มีปืนชไนเดอร์ (Snider) ยิงเร็ว และ ยิงปืนแม่น ไม่วิ่งหนีคมดาบเหมือนก่อนอีกแล้วการรบยืดเยื้อต่อไปถึง 6เดือนล้มตายลงนับหมื่น ประวัติศาสตร์ได้บันทึกไว้ว่าทหารล้มตายลงมากจนต้องขออาสาซามูไรเก่า ๆ มาเป็นตำรวจกองปราบและเข้าร่วมรบ โดยเป็นการดวลดาบกันเป็นครั้งสุดท้ายในแผ่นดินญี่ปุ่น แล้วที่สุดในเดือนกันยายน ค.ศ. 1877 ไซโก้ซึ่งได้รับบาดเจ็บก็กระทำการคว้านท้องโดยขอให้สมุนทำการตัดศีรษะ แทนการถูกจับกุม กล่าวกันว่าคนญี่ปุ่นยังคงรักนับถือน้ำใจซามูไรร่างยักษ์คนนี้เสมอ รัฐบาลใหม่แสดงการคารวะแก่อดีตเพื่อนและศัตรูร่วมตายโดยประกาศมิให้เรียกว่าเป็นกบฏและตั้งให้เป็นรัฐบุรุษ ปรากฏอนุสาวรีย์อยู่ในสวนสาธารณะอุเอโนะซึ่งอุเอโนะไซโก้เคยนำทัพถล่มทัพโชกุนจนกระเจิงมาแล้วในสงครามโบชิน

ท่านไซโก้มิได้ตายฟรีบรรดาหัวกะทิที่เหลือในรัฐบาลต่างก็เป็นซามูไรกันมาทั้งนั้น และมิได้ทอดทิ้งวัฒนธรรม
ตลอดจนความคิดของนักรบบูชิโดเสียเลย กองทัพญี่ปุ่นได้นำวิถีนักรบจากลัทธิบูชิโดมาเขียนเป็น "กฎทหาร"
(Soldiers' Code) เพื่อเสี้ยมสอนให้ทหารรุ่นใหม่หลอมวิญญาณของตนให้กล้าหาญ และยอมสละชีพเพื่อจักรพรรดิเช่นซามูไรรุ่นเก่า คำขวัญที่ชนชั้นซามูไรต้องเคยใส่ใจว่า" หน้าที่นั้นหนักกว่าขุนเขา ความตายนั้นเบากว่าขนนก"ได้กลายมาเป็นคำขวัญของทหารเชื้อชาติซามูไร และเอกลักษณ์อันน่าเกรงขามต่อศัตรูต่างชาติในเวลาต่อมา

แก้ไขล่าสุดโดย live3z เมื่อ Sat May 23, 2015 17:28, ทั้งหมด 3 ครั้ง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ
ออฟไลน์
ดาวเตะพรีเมียร์ลีก
Status: " Say it! "
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 01 Aug 2010
ตอบ: 25678
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat May 23, 2015 02:04
[RE: The Last Samurai กับความจริงที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์]
หนังเรื่องนี้ผมชอบมากอ่ะ

ปล.ยาวไปไม่อ่าน
6
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอลไทยพรีเมียร์ลีก
Status: ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 02 Nov 2008
ตอบ: 2894
ที่อยู่: โพรงข้างต้นสะแบง
โพสเมื่อ: Sat May 23, 2015 02:11
[RE: The Last Samurai กับความจริงที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์]
บางครั้ง คนอื่นอาจมองว่า"หลงยุค"หรือพ้นสมัย สำหรับวิถีแห่งซามูไรหรือจะมาสู้กับอาวุธสมัยใหม่ที่ทั้งร้ายกาจ และอานุภาพทำลายล้างสูง
แต่"วิถีแห่งซามูไร" ต่างหากที่น่านับถือ ในทัศนคติ และปณิธาน การดำรงตนอยู่แห่งวิถีนั้น เป็นบทพิสูจน์ให้เราเห็นว่านานาศาตราวุธที่คู่อริมีต่อกันนั้น "จิตใจ" ต่างหากคืออาวุธที่ร้ายกาจและน่าครั่นคร้ามที่สุด
5
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะอบต.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 09 May 2015
ตอบ: 834
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat May 23, 2015 02:11
[RE: The Last Samurai กับความจริงที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์]
เอ่อ ย่อให้ผมหน่อยได้ไหม ผมก็ชอบหนังเรื่องนี้ โดยเฉพาะ soundtrack ครับ



แก้ไขล่าสุดโดย เมเปิ้ล เมื่อ Sat May 23, 2015 02:45, ทั้งหมด 1 ครั้ง
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
ดาวซัลโวฟุตบอลโลก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 03 Oct 2007
ตอบ: 43526
ที่อยู่: แขนของทางช้างเผือก
โพสเมื่อ: Sat May 23, 2015 02:15
[RE: The Last Samurai กับความจริงที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์]
ผมเคยคิดจะไปเถียงแบบบอกในเรื่องของหลักการ แบบย่อหน้าสุดท้ายนะว่าทำไมปฏิบัติการคามิคาเซ่เกิดมาได้กับบอร์ดทางทหาร เหมอืนกันนะแต่สุดท้ายพูดไปเท่านั้นเพราะเค้าไม่ค่อยเปิดรับฟังเท่าไหร่
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวซัลโวฟุตบอลโลก
Status: จับเธอมาปิ้ง พลิกไปพลิกมา...มาเคี้ยวพี่ที>
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 05 Sep 2013
ตอบ: 36693
ที่อยู่: สมุทรปราการ,ไทย &London, England
โพสเมื่อ: Sat May 23, 2015 02:15
[RE: The Last Samurai กับความจริงที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์]
เม้นก่อน อ่านไม่ไหว ดึกละ ชอบๆ

แม่งเอ้ย!! แผลบหมด
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอลลีกภูมิภาค
Status: อุตส่าห์ตามไลค์ให้เกือบปี ขอเลียหทีก็ไม่ได้
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Oct 2009
ตอบ: 1426
ที่อยู่: ทุ่งหญ้าสเต็บ ปลายฝนต้นหนาว เข้าสู่ฤดูเหงา~
โพสเมื่อ: Sat May 23, 2015 02:36
[RE: The Last Samurai กับความจริงที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์]
เมเปิ้ล พิมพ์ว่า:
เอ่อ ย่อให้ผมหน่อยได้ไหม ผมก็ชอบหนังเรื่องนี้ โดยเฉพาะ soundtrack ครับ



 


ย่อๆก็ท่านไซโก้ ทากาโมริคือซามูไรที่ก่อกบฎแต่ที่ทำไปเพื่อรักษาเกียรติของซามูไรที่โดนช่วงเวลาของประวัติศาสตร์สมัยใหม่ทำให้หายไป แต่ถ้าไม่มีไซโก้ ทากาโมริการปฎิรูปเมจิล้มระบอบโชกุนก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้
4
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
อบรมขอไลเซนส์
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 04 Oct 2009
ตอบ: 6989
ที่อยู่: ป่าสนในห้องหมายเลข1
โพสเมื่อ: Sat May 23, 2015 02:54
[RE: The Last Samurai กับความจริงที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์]
ขอบคุณสำหรับสาระ อ่านจนจบเลย

พรุ่งนี้หามาดูดีกว่า
แก้ไขล่าสุดโดย l3unGerD เมื่อ Sat May 23, 2015 02:55, ทั้งหมด 1 ครั้ง
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
แขวนสตั๊ด
Status: ಥ_ಥ
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 8750
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat May 23, 2015 03:13
[RE: The Last Samurai กับความจริงที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์]
คุ้มค่าที่จะอ่าน

ขอบคุณมากครับ
3
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
CGM48
••••••••••••••••••••••••••



ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 15 Sep 2008
ตอบ: 371
ที่อยู่: DogTown , https://plug.dj/rockersuck
โพสเมื่อ: Sat May 23, 2015 03:24
[RE: The Last Samurai กับความจริงที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์]
ชอบอ่านแล้วนึกภาพตาม
ขอบคุณครับ
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอลถ้วย ง.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 19 Feb 2006
ตอบ: 3450
ที่อยู่: ค่ำไหนนอนนั้น
โพสเมื่อ: Sat May 23, 2015 03:31
[RE: The Last Samurai กับความจริงที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์]
เป้นไปตามกฏธรรมชาติ สัตว์ที่ปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมใหม่ไม่ได้ ก็จะตายและสูญพันธุ์ไป ส่วนพวกที่ปรับตัวได้ก็จะดำรงค์อยู่ต่อไปตามธรรมชาติ
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
โอกาสมาพร้อมความพยายาม
ออฟไลน์
ซุปตาร์ฟุตบอลโลก
Status: ★ BE THE REASONSOMEONE SMILES TODAY ★ ❤ ʕ・ᴥ・ʔ
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 26 Dec 2009
ตอบ: 23600
ที่อยู่: ʕ•̫͡•ʔ ʕ•̫͡•ʔ Satisfied City ♥ Blissful Land ʕ•͓͡•ʔ•̫͡•ʔ
โพสเมื่อ: Sat May 23, 2015 04:43
[RE: The Last Samurai กับความจริงที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์]
โชคดีจริงๆเลยที่เกิดมาในยุคนี้ คิดแล้วก็โล่งใจ ถ้าเกิดไปอยู่ในยุคโบราณๆไม่รู้จริงๆว่าจะเอาตัวเองไปไว้ตรงไหน จะมีข้าวกินมั้ย เดินๆอยู่จะโดนฆ่าวันไหนก็ไม่รู้ ความมั่นคงอะไรไม่มีเลย โคตรน่ากลัว มีแต่สงคราม ความยากจน ชีวิตประจำวันก็แสนจะน่าเบื่อ อย่างพวกซามูไรสมัยนั้นนี่ก็บ้าเกิน ทำไมถึงได้เที่ยวจะไปท้าดวลกันนัก ถ้าจะดวล ดาบไม้ก็ได้ นี่เล่นดาบจริง ฟันกันเป็นเรื่องปกติ โคตรโหดเลย อย่างผมแค่จับดาบก็รู้สึกหวิวๆแล้ว


1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอลถ้วย ง.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 1269
ที่อยู่: ริมน้ำปิง
โพสเมื่อ: Sat May 23, 2015 07:23
[RE: The Last Samurai กับความจริงที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์]
ขอบคุณครับ
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ซุปตาร์ฟุตบอลโลก
Status: Pain peko
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 31 Oct 2014
ตอบ: 20516
ที่อยู่: แถวๆนี้แหละครับ
โพสเมื่อ: Sat May 23, 2015 07:38
[RE: The Last Samurai กับความจริงที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์]
live3z พิมพ์ว่า:
เมเปิ้ล พิมพ์ว่า:
เอ่อ ย่อให้ผมหน่อยได้ไหม ผมก็ชอบหนังเรื่องนี้ โดยเฉพาะ soundtrack ครับ



 


ย่อๆก็ท่านไซโก้ ทากาโมริคือซามูไรที่ก่อกบฎแต่ที่ทำไปเพื่อรักษาเกียรติของซามูไรที่โดนช่วงเวลาของประวัติศาสตร์สมัยใหม่ทำให้หายไป แต่ถ้าไม่มีไซโก้ ทากาโมริการปฎิรูปเมจิล้มระบอบโชกุนก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้  


แล้วบุคคลที่ร่วมก่อการแบบ

คาสึระ โคโกโร่

โอคุโบะ โทชิมิจิ

จุดจบแทบไม่ต่างกันเลย

รายแรกนี่ไม่ค่อยมีข้อมูลครับ แต่อ้างอิงจากวรรณกรรมเก่าๆแล้ว ประมาณว่า เป็นโรคอะไรสักอย่างแล้วเสียชีวิต(อายุ40ปลายๆ)

ส่วนรายหลัง โดนลอบสังหาร ช่วงที่พึ่งปฏฺิวัติได้ไม่นาน

เลยกลายเป็นว่า ประวัติศาสตร์ถูกเขียนโดยรัฐบาลไทโซ

โดยรัฐบาลยุคเมจิ ถูกเขียนไว้ว่า(ไม่รู้ว่าจริงเท็จประการใด ผมเพิ่งได้มีโอกาสอ่านของยุคไทโซได้ไม่นาน)

ทางรัฐบาลเมจิ ส่งคนไปสังหาร ทั้งโอคุโบะ และ ไซโก

จริงๆมีแผนจะสังหารคาซึระด้วย แต่คาสึระ เสียชีวิตไปซะก่อน

จริงเท็จยังไง ผมว่าคนที่ศึกษาประวัติศาสตร์จริงๆน่าจะยังงงอยู่นะ เพราะเรื่องแบบนี้มันก้ำกึ่งมากๆ

แต่สุดท้าย ผู้ชนะ ก็จะเป็นผู้เขียนประวัติศาสตร์ นั่นคือความจริงของโลกใบนี้

2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ซุปตาร์ฟุตบอลโลก
Status: Pain peko
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 31 Oct 2014
ตอบ: 20516
ที่อยู่: แถวๆนี้แหละครับ
โพสเมื่อ: Sat May 23, 2015 07:45
[RE: The Last Samurai กับความจริงที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์]
Puet_TaeYeon พิมพ์ว่า:
โชคดีจริงๆเลยที่เกิดมาในยุคนี้ คิดแล้วก็โล่งใจ ถ้าเกิดไปอยู่ในยุคโบราณๆไม่รู้จริงๆว่าจะเอาตัวเองไปไว้ตรงไหน จะมีข้าวกินมั้ย เดินๆอยู่จะโดนฆ่าวันไหนก็ไม่รู้ ความมั่นคงอะไรไม่มีเลย โคตรน่ากลัว มีแต่สงคราม ความยากจน ชีวิตประจำวันก็แสนจะน่าเบื่อ อย่างพวกซามูไรสมัยนั้นนี่ก็บ้าเกิน ทำไมถึงได้เที่ยวจะไปท้าดวลกันนัก ถ้าจะดวล ดาบไม้ก็ได้ นี่เล่นดาบจริง ฟันกันเป็นเรื่องปกติ โคตรโหดเลย อย่างผมแค่จับดาบก็รู้สึกหวิวๆแล้ว


 


สมัยเอโดะ ก่อนจะมาเป็นเมจิ เป็นยุคเปลี่ยนผ่านที่เสียเลือดเนื้อมากที่สุดแล้วครับ(เฉพาะในประเทศ)

เรียกได้ว่าเอโดะนี่ แทบทุกซอกทุกมุม มีแต่เลือด มีแต่ศพเกลื่อนเมือง

เพราะว่ารัฐบาลโตกุกาว่าตอนนั้น ใช้วิธีรุนแรงต่อต้านคณะปฏิวัติ

คือ ซามูไรคนไหนพกดาบ จะโดนจัดการหมด

หลักๆเลยกลุ่มที่มักจะถูกกล่าวคือ หมาป่าแห่งมิขุ ชินเซ็นนั่นแหละ

กลุ่มนี้ ไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาล จะเข้าข้างฝั่งที่ชนะเสมอ

เพราะงั้นจึงอยู่รอดมาได้ทุกยุคสมัย

อย่างซามูไรตอนยุคเมจิแรกๆ ก็โดนไล่เก็บไปเยอะเหมือนกัน

เพราะรัฐบาลเมจิกลัวว่า พวกซามูไรที่มีอยู่นี้ มันอันตรายมาก หากเลี้ยงไว้จะเป็นภัยในภายหลัง

ซึ่งตรงนี้ ทำให้ทางไซโก้ แยกทางกับรัฐบาลเมจิ ทั้งๆที่ร่วมกันโค่นล้มพวกโตกุกาว่ามาด้วยกันแท้ๆ

นี่แหละที่เค้าเรียกว่า เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพลของแท้ครับ

3
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ไปหน้าที่ 1, 2
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel