"Boyhood" กับความประทับใจที่มีต่อหนังเรื่องนี้
เนื่องจากออสการ์ใกล้เข้ามาแล้วและ Boyhood ก็เป็นหนังที่ผมชอบและเชียร์มากๆซึ่งเปิดตัวตั้งแต่ต้นปีที่แล้วและกระแสตอบรับก็ดีมาโดยตลอดจนกระทั่งปลายปี Boyhood กวาดรางวัลไปเยอะมากแต่รางวัลสำคัญที่จะสามารถต่อยอดไปถึงออสการ์อย่าง SAG PGA และ DGA กลับพลาดไปซะงั้นซึ่งเป็นลางไม่ดีว่า Boyhood มีเปอร์เซ็นท์พลาดออสการ์สาขา Best Picture ค่อนข้างสูงฉะนั้นก่อนจะถึงวันประกาศผลก็เลยอยากเขียนถึงหนังเรื่องนี้สักหน่อยทั้งเรื่องความชอบส่วนตัวและความดีงามของตัวหนังเองในมุมมองของผม
Boyhood เป็นหนังที่บันทึกช่วงเวลาและจับภาพชีวิตของเด็กรุ่นล่าสุดหรือเด็กเจน Z ได้อย่างไร้ที่ติถึงมันจะเป็นอะไรที่อเมริกันจ๋ามากๆก็ยังรู้สึกอินไปได้ง่ายๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเด็กรุ่นราวคาวเดียวกับเมสัน(ผมด้วย) 12 ปีในการถ่ายทำที่ทำให้ Boyhood กลายเป็นที่สุดของหนัง Coming of Age แต่ทบทวนดูแล้วตั้งแต่ออกจากโรงหนังมาสิ่งที่ประทับใจที่สุดคือความทรงจำขณะดูหนังและความทรงจำเก่าๆที่หนังทบทวนให้
สิ่งที่ส่งผลทางอารมณ์อย่างมากคือการมองเห็นตัวเองผ่านตัวละครเมสัน การเติบโตและบริบทในแต่ละวัยเกิดขึ้นโดยธรรมชาติไร้การแต่งเติมส่วนประกอบยิบย่อยในหนังมันจึงเป็นส่วนหนึ่งของทุกคนไม่ว่าแต่ละคนจะผ่านอะไรมาบ้างในชีวิต วัยเด็กซุกซนตามประสาเด็ก วัยขี้เกียจไปโรงเรียน(ฮา) วัยไม่อยากตัดเกรียน(โว้ย) วัยอยากรู้อยากเห็นอยากลอง วัยตามหาตัวเอง และวัยที่ต้องก้าวออกไปใช้ชีวิตด้วยตัวเอง เรียกว่า Touching แบบไม่ต้องพยายาม ไม่เฟค และการกำกับของ Richard Linklater มันไม่ใช่การกำกับที่เต็มไปด้วยความเป็น Cinematic แบบบ้าพลังไม่พึ่งการกำกับภาพ กำกับแสงสี โปรดัคชั่นดีไซน์เริ่ดหรูหรือเทคนิคการถ่ายทำชวนอึ้งแต่ Linklater มีเซนส์ในการเล่าเรื่องออกมายังไงให้เป็นธรรมชาติที่สุดได้ ขนาดหนังบทพูดดัดจริต จริตจะก้านเยอะอย่างไตรภาค Before ยังสามารถทำให้คนดูทนฟังตัวละครพูดได้แบบเพลินๆไม่ตะขิดตะขวงใจ ตัวบท Boyhood ที่เค้าเขียนยังมีการสอดแทรกสิ่งต่างๆที่มีอิทธิพลมากในช่วงเวลานั้นๆไม่ว่าจะเป็น เกมบอย Xbox Wii Iphone หรือจะเป็นการต่อแถวซื้อตั๋วหนัง Harry Potter ของเหล่าแฟนๆ การพูดถึงหนังซัมเมอร์แห่งยุคอย่าง The Dark Knight หรือแม้กระทั่งการเลือกใช้ซาวน์แทร็กติดหูทั้งหลายของยุคสมัยที่ผ่านมา
การดู Boyhood จึงเหมือนการย้อนเวลากลับไปในความทรงจำของเราเองในแต่ละวัยและทบทวนสิ่งต่างๆที่เราอาจลืมไปแล้ว
อีกนานแค่ไหนกันกว่าจะมีหนังแบบนี้มาให้ดูอีก หนังที่บันทึกช่วงเวลาของเราเอาไว้ได้ดีไม่ต่างไปจากภาพถ่ายของเราเอง
***ฉะนั้น Boyhood เป็นหนังที่คูควรกับรางวัลออสการ์ Best Picture ทุกประการทั้งปวง TeamBoyhood เข้าใจตรงกันนะ***