คนเดียวไม่ไหวแน่นอน แต่ที่เห็น 2คนก็รับลูกค้าทันนะ

แต่ผมว่าทำไม่ยากนะ หมูแดง เกี๊ยว ลูกชิ้น เค้าส่งมาให้

เราแค่ต้มน้ำซุปกระดูกเอง

กำไรก็ดี ผมก็อยากทำ แต่ตอนนี้ ธุรกิจล้นมือแล้ว

ล้นมือแบ่งให้ผมก้ได้ครับท่าน

กลัวจะเหนื่อย

ผมลองดูแล้วครับ เฟรนชายแพงเอาเรื่องเลย

สงขลา ร้านโล่งเลยครับ ถ้าไม่เมาไม่เข้าแน่

งบประมาณเท่าไหร่ ขายช่วงเวลา??
ง่ายๆก็กาแฟถุง (มั้งคับ)ที่ฮิตตอนนี้

ชาพะยอม+ลูกชิ้นปลาอู้ฟู่ เห็นแถวบ้านผมขายดีมากๆ !!!!

ในซ.ชัยมงคล หรือแถว วชิรามีป่าวครับ

ผมเห็นแถวภูเก็ต กระบี่ ขายดี (ผมแฟนพันธ์แท้ชายสี่ กินมาหลายร้าน)

ขนมครก อ่ะเด็ดสุดล่ะคนขายน้อยดี

ทอดหมูร้อนๆ ยามเช้า ขายดีมากกกกกกกกกกกกกกกกก แต่ต้องมีสูตร ทอดร้อนๆๆ ใหม่ๆๆ

ผมคิดนะ ถ้าผมทำงานอีกซักนิด มีเงินเก็บอีกซักหน่อย


อยากได้พวก เฟร้นฟราย นักเก็ต แบบเป็นแฟรนไชส์พวกนั้นอะ



น่าจะพอขายง่าย เด็ก ๆ กินได้ ผู้ใหญ่กินดี

ขายรถตักครับ เดือนนึงขายได้คันก็อยู้ฃ่ได้และ

ทำเลที่ตั้งเป็นไงคับ ถ้าอยู่แถวโรงเรียน มหาลับ พวกน้ำนี้ก็น่าจะขายดีน่ะ

ถ้าเป็นแถวหมู่บ้านหรือข้างถนน ขายพวกของกินน่าจะเวิร์กฟ่า

ขายน้ำ....

ต้องมีกลุ่มเป้าหมายก่อนว่าใคร อย่างนักเรียน แม่บ้าน คนทำงาน
กลุ่มไหนเยอะ แล้วเราจะขายกลุ่มไหน ขายตอนไหนถึงจะได้เยอะ
ยกตัวอย่าง เพื่อนผมขายข้าวมันไก่ช่วงที่มันรองานเรียก
มันขายตอนเช้า เพราะแถวนั้น เด็กหอเยอะ
ที่ขายข้าวมันไก่เพราะมันทำเป็น ทำขายตอนลูกค้าสั่งได้เร็ว
เด็กหอมันต้องการกินเร็วๆเพื่อรีบไปเรียน ละแวกนั้นตอนเช้าก็ยังไม่มีของกินไหนเปิดขาย
เพื่อนผมมันขายแค่ตอนเช้า ของหมดก็ปิดร้าน
ผมถามมันว่าขายดีงี้ ทำไมไม่ขายทั้งวันว้า

มันบอก "กูขี้เกียจ"

ไม่เคยเห็นสองแบรนด์นี้มาก่อน ทั้งๆที่ผมก็เป็นคนกินกาแฟ กินชานมไข่มุก

ขอตอบตามนี้ละกันนะครับ

1. กาแฟ
ถ้าแบรนด์ไม่แข็งจริง ไม่มีประโยชน์ที่จะซื้อ สู้ทำร้านเองให้มันมีกลิ่นอายความน่ารัก ความเป็นตัวของตัวเองดีกว่าไปซื้อแบรนด์เล็กๆมาเปิด ที่ชื่อเสียงไม่ได้ช่วยขายซักเท่าไหร่ แนะนำให้ลองดู business model ของร้านชื่อ Ristr8to ที่เชียงใหม่ ลองหาๆรีวิวในพันทิพดู ร้านนี้เท่มาก story โคดดี

2. ชานม
ชานมไข่มุกใช้แบรนด์น่าจะเหมาะกว่า ลองดูพวกแบรนด์ที่แข็งจริงๆเลยนะครับ อาจจะ Mr. Shake ก็ได้อะไรแบบนี้ เพราะร้านชาไข่มุกมันเปิดง่าย ไม่ต้องใช้ฝีมือ มีโอกาสที่คู่แข่งจะเยอะ

สุดทัายนี้อยากให้คิดดีดีว่า เราอยู่ในตลาดไหน กลุ่มลูกค้าเราคือใคร เค้ามีเงินเท่าไหร่ เค้าพร้อมจะใช้เงินเท่าไหร่ เค้าชอบอะไร

ลองตีโจทย์ตรงนี้ให้แตกก่อน แล้วคำตอบเรื่องแบรนด์ก็จะมาเองครับ สู้สู้นะครับ