ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
นักบอลไทยพรีเมียร์ลีก
Status: โตเพราะกินข้าว เฒ่าเพราะอยู่นาน
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 5029
ที่อยู่: BBS PLAYPARK
โพสเมื่อ: Thu Jul 10, 2014 20:59
Time Line บุคคลในประวัติศาสตร์ที่มาทำเป็นภาพยนตร์
จากระทู้ Time Line เหตุการณ์ต่างๆของโลก(และไทย) http://www.ssballthai.in.th/boards/topic/1081542

ที่ผมเขียนไปเกี่ยวกับไทม์ไลน์เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ต่างๆของโลก

คราวนี้ผมลองเขียนอีกเรื่อง ด้วยความที่ชอบดูหนัง ชอบเรื่องประวัติศาสตร์ ชอบอ่านชีวะประวัติบุคคลสำคัญของโลก

เลยมาเป็นบทความนี้ "Time Line บุคคลในประวัติศาสตร์ที่มาทำเป็นภาพยนตร์"

เขียนตามหนังที่ผมเองเคยดู บางเรื่องก็เป็นประวัติศาสตร์ บางเรื่องก็แต่งขึ้นมาแต่มีคนในประวัติศาสตร์จริง

บทความนี้หยิบยกบุคคลในประวัติศาสตร์ที่โดนนำมาเป็นตัวละครในหนังเรื่องต่างมาให้อ่านกันเล่นๆ

บางคนไม่ใช่ตัวเอกในหนังเรื่องนั้นๆนะครับ แต่เป็นบุคคลที่มีตัวตนจริงๆตามประวัติศาสตร์

*ข้อมูลส่วนไหนผิด พิมพ์ผิด ข้อมูลผิด ปีผิด ฯลฯที่ผิด รบกวนติงมาด้วยนะครับ / ขอบคุณครับ

เครดิต กูเกิ้ล วิกีพีเดีย เว็บIMDb และเว็บต่างๆ

เริ่มจาก

1303 - 1213 ก่อนคริสต์ศักราช
ฟาโรห์แรเมซีสที่ 2 จากหนังเรื่อง The Ten Commandments บัญญัติ 10 ประการ(ออกฉายปี 1959) แสดงโดย ยูล บรีนเนอร์



ฟาโรห์แรเมซีสที่ 2 เป็นฟาโรห์องค์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์อียิปต์ พระองค์ได้โปรดให้เจาะภูเขาสร้างวิหารอาบู ซิมเบล
ได้ทำสนธิสัญญาสันติภาพระหว่างอิยิปต์กับจักวรรดิฮิทไทท์ ถือเป็นสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนฉบับแรกของโลก
เป็นฟาโรห์องค์เดียวกับที่เชื่อว่า คือ ฟาโรห์ที่ถูกบันทึกไว้ในพระธรรมอพยพ (Exodus) ของไบเบิล ที่ว่าถึงการอพยพทาสชาวยิวออกจากอาณาจักรอียิปต์ของโมเสส



1300-1200 ปีก่อนศริสตศักราช
TROY (ออกฉายปี 2004) สงครามโทรจัน เป็นมหากาพย์ของโฮเมอร์ คือ อีเลียดและโอดิสซีย์ อะคีลีส แฮ็คเตอร์ ปารีส เฮเลน เป็นเพียงตำนาน



แต่ อะกาเมมน่อน กษัตริย์แห่งไมซีเนียมีตัวตนจริงๆ ในหนังแสดงโดย ไบรอัน ค๊อกซ์



อะกาเมมน่อน ปกครองอาณาจักรไมซีเนียทางตอนใต้ของประเทศกรีซในปัจจุบัน ในปี 1876 ไฮริช ชไลมานน์ผู้หลงไหลตำนานกรุงทรอยได้ขุดค้นพบหลักฐานการมีตัวตนของอะกาเมมน่อน



หน้ากากที่เชื่อกันว่าเป็นของอะกาเมมน่อน


563 - 528 ปีก่อนคริสตราช (ตามปฏิทินสากล)
เจ้าชายสิทธัตถะ หนังเรื่อง Little Buddha (ออกฉายปี1993) แสดงโดย คีอานู รีฟส์



สิทธัตถะ โคตมะ เจ้าชายแห่งกรุงกบิลพัสดุ์ แคว้นแคว้นสักกะ เมื่อพระชมน์ได้ 16 พรรษาได้เข้าสู่พิธีอภิเษกสมรสกับพระนางยโสธราพิมพา
จนพระชนมายุได้ 29 พรรษา จึงมีพระราชโอรสพระองค์หนึ่งพระนามว่าพระราหุล ซึ่งแปลว่า บ่วง

ในวันที่เจ้าชายราหุลเกิดนั้น เป็นวันที่เจ้าชายสิทธัตถะเสด็จออกบรรพชา ด้วยทรงเบื่อในเพศฆราวาสอันเต็มไปด้วยกิเลส จึงทรงเห็นว่าเพศบรรพชาเท่านั้นที่ประเสริฐและเป็นเพศที่สามารถจะหลุดพ้นจากความทุกข์ยากทั้งปวงได้

ขณะมีพระชนมายุได้ 35 พรรษา พระองค์จึงพบกับความสุขสว่างอย่างแท้จริง ซึ่งเรียกกันว่าทรงตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง ได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นศาสดาเอกในโลก ตรงกับวันเพ็ญเดือน 6 ณ พุทธคยา กรุงราชคฤห์ แคว้นมคธ ตรงกับปี 528 ก่อนคริสตศักราช (ตามปฏิทินสากล)



551 - 479 ปีก่อนคริสตศักราช
ขงจื๊อ เรื่อง Confucius แสดงโดย โจวเหวินฟะ



ขงจื๊อ เป็นนักคิดและนักปรัชญาสังคมที่มีชื่อเสียงของจีน คำสอนของขงจื๊อนั้น ฝังรากอิทธิพลลึกลงไปในสังคมเอเชียตะวันออกมาเป็นเวลาถึง 20 ศตวรรษ หลักปรัชญาของขงจื๊อนั้นเน้นเกี่ยวกับศีลธรรมส่วนตัว และศีลธรรมในการปกครอง ความถูกต้องเหมาะสมของความสัมพันธ์ในสังคม และ ความยุติธรรมและบริสุทธิ์ใจ



524-459 ก่อนคริสตศักราช
เทอมีสโตคลัส(Themistocles) จากหนังเรื่อง 300: Rise of an Empire (ออกฉายปี 2014) แสดงโดย Sullivan Stapleton



ในประวัติศาสตร์ ปี 480 ก่อน ค.ศ เปอร์เซียยกทัพมาโจมตีเอเธน กรีก นำโดนกษัตริย์เซอซิส (เหตุการ์ในหนังเรื่อง 300)

กรีกโบราณไม่ได้เป็นประเทศที่รวมกัน แต่จะแบ่งเป็นนครรัฐต่างๆ รบกันเองก็บ่อย

แต่ Themistocles เป็นชาวเอเธน เป็นผู้ประสานและรวมรัฐต่างๆให้สู้เปอร์เซีย

เปอร์เซียบุกมาทั้งทางบกผ่านทางเธอโมไพเล่ มีกองทหารกองเล็กๆรอสกัดอยู่ นำโดยกษัตริย์ลีโอไนดัสแห่งสปาต้า

ผลคือเปอร์เซียผ่านมาได้แบบสบายๆ(ไม่เหมือนในหนัง) แล้วบุกถึงกรุงเอเธนแต่ไม่เจอใคร จึงเผาเอเธนทั้งหมด

เพราะว่า Themistocles วางแผนตั้งรับลึก ล่อกองเรือเปอร์เซียมาที่ Salamis แล้วใช้กลยุทธชนะกองเรือเปอร์เซียได้ ทั้งๆที่กองเรือของกรีกมีน้อยกว่า

ส่วนทัพบกของเปอร์เซียหลังจากเผากรุงเอเธนแล้วก็รุกคืบมาแพ้ที่ศึก Artemisium

เปอร์เซียเป็นจักรวรรดิ์ใหญ่ที่สุดในโลกขณะนั้น บุกมากรีกที่ถือว่าไม่ได้ยิ่งใหญ่เท่าเปอร์เซียเลย เหมือนอเมริกาบุกคิวบาได้

แต่ด้วย Themistocles ทำให้กรีกชนะเปอร์เซีย แล้วหลังจากนั้นเปอร์เซียไม่ได้โจมตีแบบเต็มรูปแบบขนาดนี้อีกเลย

แล้วอีกร้อยกว่าปีกษัตริย์หนุ่มแห่งมาซิดอนผู้ครอบครองกรีกคือ Alexander ได้ยกทัพพิชิตอาณาจักรเปอร์เซียได้ทั้งหมด

กลับมาเรื่อง Themistocles หลังจากชนะเปอร์เซียในปี 480 ก่อน ค.ศ แล้ว Themistocles ยังได้เป็นผู้นำเอเธนพัฒนาชาติรัฐ สร้างความเจริญมากมาย

แต่อีก 9 ปีต่อมาหลังจากศึกกับเปอร์เซีย Themistocles ได้เจอเหตุการณ์แปลกๆ

ที่ว่าแปลก เพราะตอนนั้นเอเธนปกครองแบบสาธารณะรัฐ มีการโหวตเป็นธรรมเนียม คือโหวตว่าเกลียดใครที่สุด ใครโดนโหวตจะโดนขับไล่ไป 10 ปี

ปี 471 ก่อน ค.ศ. หรือหลังจากศึกกับเปอร์เซีย 9 ปี Themistocles ได้โดนโหวตขับไล่ (แปลกไหมล่ะ)

Themistocles ผู้ที่ต่อสู้กับเปอร์เซีย กลับโดนคนในเอเธนขับไล่ จนทำให้ Themistocles ต้องไปอยู่ที่เปอร์เซียที่เขาเคยต่อสู้ด้วย

จากนั้น Themistocles ไม่เคยกลับมาเอเธนอีกเลย อยู่ที่เปอร์เซียตลอดชีวิต ช่วยเปอร์เซียปกครองแถบเอเซียไมเนอร์(ชายแดนติดกรีก) และเสียชีวิตในปี 459 ก่อนศริสตศักราช



382 - 336 ปีก่อนศริสตราช
ฟิลิปที่ 2 แห่งมาซิโดเนีย จากเรื่อง Alexander (ออกฉายปี2004)



ฟิลิปที่ 2 แห่งมาซิโดเนีย แสดงโดย วาล คิลเมอร์



ฟิลิปที่ 2 แห่งมาซิโดเนีย กษัตริย์แห่งราชอาณาจักรมาซิโดเนีย มีรัชสมัยอยู่ระหว่าง 359– 336 ปีก่อนคริสต์ศักราช เป็นพระบิดาของอเล็กซานเดอร์ที่ 3 แห่งมาซีโดเนีย หรือที่รู้จักดีในนาม อเล็กซานเดอร์มหาราช

ฟิลิปที่ 2 แห่งมาซิโดเนีย มีพระเนตรที่ใช้การได้เพียงข้างเดียว เป็นกษัตริย์นักรบแห่งมาซิโดเนีย ที่ทำการรบเอาชนะนครรัฐต่าง ๆ ของกรีซโบราณได้หลายแห่ง ทั้ง ธีปส์, เอเธนส์ หรือสปาร์ตา เมื่อพระองค์ทำการยึดครองนครรัฐเอเธนส์ซึ่งเสมือนเป็นศูนย์กลางของกรีซโบราณได้แล้ว ทำให้ชาวกรีกในนครรัฐต่าง ๆ ต้องเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อชาวมาซีโดเนียใหม่ จากที่เคยมองว่าเป็นเพียงชนเผ่าที่เหมือนเป็นเผ่าป่าเถื่อน ไร้อารยธรรมทางเหนือของอาณาจักรเท่านั้น เมื่อพระองค์ไม่ได้ทำลายส่งปลูกสร้างต่าง ๆ หรือทำลายอารยธรรมของชาวเอเธนส์ หากแต่พระองค์ได้พยายามเรียนรู้และผสมรวมกันกับอารยธรรมของมาซิโดเนีย และพระองค์ยังได้ส่งเสริมนักวิชาการ นักปราชญ์ชาวเอเธนส์ต่าง ๆ ด้วยว่าจ้างให้ไปเผยแพร่ความรู้ยังมาซีโดเนีย และเป็นอาจารย์สอนวิทยาการต่าง ๆ ให้แก่ชาวมาซีโดเนีย เช่น อริสโตเติล ซึ่งอเล็กซานเดอร์ เมื่อครั้งยังเยาว์วัย ก็เป็นลูกศิษย์ของอริสโตเติลด้วยเช่นกัน

ฟิลิปที่ 2 สิ้นพระชนม์เมื่อ 336 ปีก่อนคริสต์ศักราช ขณะที่มีพระชนมายุได้ 46 ปี จากการลอบสังหารด้วยมีดปักเข้าที่พระอุระของมือสังหารที่เดินตามหลังพระองค์ ขณะที่พระองค์อยู่ในงานเฉลิมฉลอง

ฟิลิปที่ 2 มีประสงค์ที่จะทำสงครามกับอาณาจักรเปอร์เซีย ที่เสมือนเป็นคู่สงครามกับชาวกรีกมาตลอด แต่ในเมื่อเสียชีวิตก่อน คนที่สานต่อและทำสำเร็จก็คือ อเล็กซานเดอร์มหาราชผู้เป็นพระราชโอรส



232 - 202 ปีก่อนคริสตศักราช
เซี่ยงอวี่ หรือ ฌ้อปาอ๋อง จากเรื่อง WhiteVengeance (ออกฉาย 2011) แสดงโดย เฝิง เส้า เฟิง



ในประวัติศาสตร์เซี่ยงอวี่ เป็นลูกหลานขุนพลเมืองฉู่ในยุคของราชวงศ์ฉิน หลังจากจิ๋นซีฮ่องเต้ตายไป 4 ปี เซี่ยงอวี่กับหลิวปังก็โค่นราชวงศ์ฉินได้ แต่ก็แย่งอำนาจกันเอง เซี่ยงอวี่ชนะในตอนแรก แต่งตั้งตนเป็น"ปาอ๋อง"

จากนั้นหลิวปังสะสมกำลังและทำสงครามกับเซี่ยงอวี่เป็นสงคราม ฉู๋-ฮั่น อยู่ถึง 4 ปีก่อน หลิวปังจะชนะแล้วตั้งราชวงศ์ฮั่นขึ้นมา

เรื่องราวของเซี่ยงอวี่หรือฌ้อปาอ๋องเป็นทั้งประวัติศาสตร์และวรรณกรรมจะออกแนวโรม๊านซ์ระหว่าง เซี่ยงอวี่กับหยูจีที่เป็นพระมเหสี



หมายเหตุ หนังเรื่องนี้ไม่ค่อยจะตรงความจริงเท่าไรในเรื่องของรายละเอียด


73 ปีก่อนศริสตศักราช
สปาร์ตคัส จากทาสมาเป็นผู้นำการต่อต้านโรมัน จากเรื่อง Spartacus (ออกฉายปี1960) แสดงโดย เคริก ดั๊กลาส กำกับโดย สแตนลี่ ครูบริก



สปาร์ตคัส เกิด 120 ปีก่อนศริสตศักราช ชาวเมืองเธรซ (ปัจุบันคือทางตะวันเฉียงเหนือของกรีซติดกับบัลเกเรียและตรุกี) เป็นทาส เป็นกาดิเอเตอร์ ที่ลุกขึ้นมาต่อสู่กับสาธารณะรัฐโรม ชนะกองทัพโรมันบุกไปถึงทางตอนเหนือของอิตาลี่ในปัจจุบัน แต่สุดท้ายจากการนำทัพของ มาร์คัส ลิสินัส คราสซุส แม่ทัพโรมันเอาชนะกองทัพของ สปาร์ตคัสได้ ทาสที่โดนจำได้โดนตรึงไม้กางเขนตาย



42 ปีก่อนศริสตศักราช - ค.ศ. 37
จักรพรรดิไทบีเรียส จากเรื่อง Ben-Hur (ออกฉายปี 1959 ชนะออสการ์ 11 รางวัล)



จริงๆเรื่อง Ben-Hur เป็นเพียงเรื่องแต่ง มีเพียงไทบีเรียสที่มีตัวตนจริงๆ เนื้อเรื่องอยู่ในยุคของไทบีเรียสเป็นจักรพรรดิ์ของจักรวรรดิ์โรมัน

จักรพรรดิไทบีเรียส หรือ ไทบีเรียส จูเลียส ซีซาร์ ออกัสตัส เป็นจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโรมันองค์ที่สองต่อจากออกัสตัส ซีซาร์ ครองราชย์ระหว่างปี ค.ศ. 14 - ค.ศ. 37 เป็นช่วงพระเยซูเผยแพร่ศาสนาคริสต์



ไทบีเรียสครองราชย์ 23 ปี สิ้นพระชนน์ในปี ค.ศ. 37 ตอนอายุ 77 ปี
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ
ออฟไลน์
นักบอลไทยพรีเมียร์ลีก
Status: โตเพราะกินข้าว เฒ่าเพราะอยู่นาน
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 5029
ที่อยู่: BBS PLAYPARK
โพสเมื่อ: Thu Jul 10, 2014 21:00
[RE: Time Line บุคคลในประวัติศาสตร์ที่มาทำเป็นภาพยนตร์]


ค.ศ.181 - ค.ศ. 234 ขงเบ้งจากเรื่อง Red Cliff (ออกฉายปี 2008) แสดงโดย ทาเกชิ คาเนชิโร่



ขงเบ้ง เป็นฉายา ชื่อจริงๆคือ จูกัดเหลียง (จูเก๋อเลี่ยง สำเนียงจีนกลาง) เกิดปี ค.ศ 181 อยู่ในยุคช่วงปลายราชวงค์ฮั่น ตอนอายุ 27 ได้เริ่มมาเป็นกุนซือให้กับเล่าปี่(ตอนนั้นอายุ 48 ปี) ซึ่งตอนนั้นกองทัพของเล่าปี่มีขนาดเล็กยังไม่มีฐานที่มั่นคง ยังคอยอาศัยขุนศึกคนอื่นๆอยู่
แต่พอได้ขงเบ้งเข้ามา ทำให้เล่าปี่สามารถยืม(แบบไม่คืน)เมืองเกงจิ๋วจากซุนกวน และครองแคว้นเสฉวนได้ในเวลาต่อมา
ขงเบ้งนับว่าเป็นกุนซือชื่อดังที่สุดคนหนึ่งในยุคสามก๊ก ขงเบ้งเสียชีวิตในปี ค.ศ.234 (อายุ53ปี)



ศาลเจ้าจูกัดเหลียงที่มณฑลเสฉวน

ค.ศ. 161 - 192
คอมโมดัส จักรพรรดิ์แห่งโรมัน จากหนังเรื่อง Gladiator (ออกฉายปี2000) แสดงโดย วาคีน ฟินิกซ์



ในหนังเป็นเรื่องแต่ง Maximus (Russell Crowe) ไม่มีตัวตนจริงๆ แต่ คอมโมดัส มีตัวตนจริงๆเป็นบุตรของ จักรพรรดิมาร์คัส ออเรลิอัส จริง




ในประวัติศาสตร์ คอมโมดัส เป็นจักรพรรดิ์ร่วมกับบิดาคือ มาร์คัส ออเรอัส อยู่ 4 ปีจนถึง ออเรรัส สวรรคต คอมโมดัส จึงครองราชย์เพียงผู้เดียว(อายุ 19 ปี)
คอมโมดัส มักเป็นตัวร้ายในหนังหรือบทประพันธ์ต่างๆ เพราะนักประวัติศาสตร์จัดว่าเป็นจุดเริ่มต้นของความเสื่อมของอาณาจักรโรมันจนนำไปสู่การล่มสลายในที่สุด
คอมโมตัสไม่ได้สิ้นพระชนน์ตามในหนัง แต่สิ้นพระชนน์จากการโดนวางยาพิษในอาหารตอนอายุ 31 ปี

ค.ศ. 624 - 705
บูเช็กเทียน จากเรื่อง ตี๋เหรินเจี๋ย ดาบทะลุคนไฟ แสดงโดย หลิวเจียหลิง



บูเช็กเทียน (จีนกลาง อู่ เจ๋อเทียน) เป็นพระมเหสีในจักรพรรดิถังเกาจง จักรพรรดิจีนองค์ที่ 3 ของราชวงศ์ถัง
ในแผ่นดินของพระภัสดาและพระราชบุตรของพระนางระหว่างปี 665 ถึง 690 พระนางทรงปกครองจีนโดยพฤตินัย ต่อมาในปี 690 ถึง 705 พระนางทรงสถาปนาราชวงศ์ของพระนางเอง คือ ราชวงศ์โจว หรือในประวัติศาสตร์จีนเรียกว่า ราชวงศ์อู่โจว และเฉลิมพระนามพระนางเองว่า "สมมุติเทวะ" อันเป็นการละเมิดประเพณีแต่โบราณและยังให้ราชวงศ์ถังสะดุดหยุดลงระยะหนึ่ง นักประวัติศาสตร์ผู้นิยมลัทธิขงจื๊อประณามพระนางเป็นอันมาก





ค.ศ.1137 - ค.ศ. 1193
ซาลาดิน ในหนังเรื่อง Kingdom of Heaven (ออกฉายปี2005)



เศาะลาฮุดดีน อัลอัยยูบี หรือที่ชาวตะวันตกเรียกว่า ซาลาดิน เป็นหนึ่งในบรรดาผู้ปกครองมุสลิมผู้มีชื่อเสียงที่สุดและเป็นสุลต่านมุสลิมผู้ปกครองอียิปต์ ซีเรีย เยเมนและปาเลสไตน์และเป็นผู้ก่อตั้งราชวงศ์อัยยูบีย์ ในสงครามต่อต้านการรุกรานของนักรบครูเสด เศาะลาฮุดดีนประสบความสำเร็จในขั้นสุดท้ายด้วยการยึดเมืองเยรูซาเลมกลับคืนมาได้ในวันที่ 2 ตุลาคม ค.ศ. 1187 ซึ่งทำให้การยึดครองของพวกแฟรงก์เป็นเวลา 88 ปีต้องสิ้นสุดลง

เศาะลาฮุดดีนเกิดในครอบครัวชาวเคิร์ด ในตำบลติกรีต (ปัจจุบันอยู่ในอิรัก) และเสียชีวิตในวันที่ 4 มีนาคม ค.ศ. 1193 ที่เมืองดามัสกัส





ค.ศ.1403 - 1461พระเจ้าชาร์ลที่ 7 แห่งฝรั่งเศส จากเรื่อง Joan of Arc (ออกฉายปี1999) แสดงโดย จอห์น มัลโควิช




พระเจ้าชาร์ลที่ 7 แห่งฝรั่งเศส ทรงเป็นพระมหากษัตริย์แห่งฝรั่งเศสแห่งราชวงศ์วาลัว การขึ้นครองราชบัลลังก์ของพระองค์ได้รับการคัดค้านโดยฝ่ายอังกฤษที่ขณะนั้นมีอำนาจอยู่ทางตอนเหนือของฝรั่งเศส คณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในสมเด็จพระเจ้าเฮนรีที่ 6 แห่งอังกฤษที่นำโดยจอห์นแห่งแลงคาสเตอร์ ดยุกแห่งเบดฟอร์ดที่ 1 ที่ทำการปกครองฝรั่งเศสแทนพระเจ้าเฮนรีอยู่ในปารีสก็อ้างว่าพระเจ้าเฮนรีที่ 6 ทรงเป็นผู้มีสิทธิในราชบัลลังก์ฝรั่งเศสอย่างถูกต้องตามที่ระบุในสนธิสัญญาตรัวส์

การขึ้นครองบัลลังค์ของ ชาร์ลที่ 7 ได้รับการช่วยเหลือจากเด็กสาวนามว่า โจนออฟอาร์ค
โจนนำกองทัพฝรั่งเศสเข้าต่อสู้ที่ออร์เลอองส์ที่ได้รับชัยชนะอย่างเด็ดขาดต่อฝ่ายอังกฤษ และเป็นจุดที่เปลี่ยนทิศทางของสงครามที่ทำให้ฝรั่งเศสเป็นฝ่ายได้เปรียบ หลังจากชัยชนะในยุทธการพาเทย์ (Battle of Patay) ชาร์ลก็ได้ทำการราชาภิเษกเป็นพระเจ้าชาร์ลที่ 7 แห่งฝรั่งเศสเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม ค.ศ. 1429 ที่มหาวิหารแรงส์ในฐานะพระมหากษัตริย์โดยนิตินัย






ค.ศ.1452 - ค.ศ.1519 ลีโอนาร์โด ดา วินชี จากเรื่อง EverAfter (ออกฉายปี1998) แสดงโดย Patrick Godfrey




หมายเหตุ หนังเรื่องนี้แต่งขึ้นโดยเอา ดาวินชี มาเป็นตัวละครเดินเรื่องเพื่อความบันเทิง

ลีโอนาร์โด ดา วินชีเป็นชาวอิตาลี (เกิดที่เมืองวินชี ค.ศ. 1452 - เสียชีวิตที่เมืองออมบัวซ์ ค.ศ. 1519) เป็นอัจฉริยบุคคลที่มีความสามารถหลากหลาย เป็นทั้ง สถาปนิกแบบเรอเนซองส์ นักดนตรี นักกายวิภาค นักประดิษฐ์ วิศวกร ประติมากร นักเรขาคณิต นักวาดภาพ ดา วินชี มีงานศิลปะที่มีชื่อเสียงหลายชิ้น เช่น พระกระยาหารมื้อสุดท้าย และ โมนา ลิซ่า งานของ ดา วินชี ยังสร้างคุณประโยชน์กับวิชากายวิภาคศาสตร์ ดาราศาสตร์ เป็นบุคคลแรกที่วางรากฐานด้านการบิน รวมถึงวิศวกรรมโยธา ด้วยความที่เป็นบุรุษที่มีจิตวิญญาณที่รักในศาสตร์หลายแขนง เลโอนาร์โดทำให้เกิดจิตวิญญาณของสหวิทยาการในสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาการ( ยุคเรเนซองส์)และกลายเป็นบุคคลสำคัญของยุคนั้น



"โมนา ลิซ่า" ผลงานของลีโอนาร์โด ดา วินชี



ค.ศ. 1491 - ค.ศ. 1547
พระเจ้าเฮนรีที่ 8 แห่งอังกฤษ เรื่อง The Other Boleyn Girl (ออกฉายปี2008) แสดงโดย อีริค บาน่า



เฮนรี่ ทิวเดอร์ หรือ กษัตริย์เฮนรี่ที่ 8 เป็นกษัตริย์ที่มีชีวิตหวือหวามากที่สุดพระองค์หนึ่งของอังกฤษเลยที่เดียว พระองค์เป็นพระราชโอรสของพระเจ้าเฮนรี่ที่ 7 ผู้เป็นปฐมกษัตริย์ราชวงศ์ทิวเดอร์และราชมารดาคืออลิธซาเบธแห่งราชวงศ์ยอร์ค

เฮนรี่ที่ 8 พระมเหสีมากถึง 6 พระองค์ พระองค์เป็นกษัตริย์พระองค์แรกๆที่นำปืนใหญ่ไปติดบนเรือเป็นเรือรบ พระองค์ตัดขาดจากสำนักวาติกัน(คริสต์นิกายโรมันคาธอลิกค์) ทรงตั้งนิกาย เชิร์ช ออฟ อิง แลนด์ ขึ้นมาโดยที่พระองค์เป็นประมุข

หลังจากเฮนรี่ที่ 8 สวรรคต พระโอรสพระธิดาของพระองค์ได้ขึ้นครองราชย์อังกฤษถึงสามพระองค์(ตามลำดับ)
- พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 6
- สมเด็จพระราชินีนาถแมรีที่ 1
- สมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 1





ค.ศ. 1534 – ค.ศ. 1582 โอะดะ โนะบุนะงะ จากเรื่อง Kagemusha The shadow warrior (ออกฉายปี1980)



โอะดะ โนะบุนะงะ เป็นไดเมียว และหนึ่งในสามผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุคเซงโงะกุ เป็นหนึ่งในสามผู้รวบรวมญี่ปุ่นจากความแตกแยกในยุคเซงโงะกุ
ในศึก โอะเกะฮะซะมะ โนะบุนะงะ นำกองทัพ 2,000 คนเข้าทะลวงโจมตีที่ทัพหลักของ อิมะงะวะแบบสายฟ้าแลบ ซึ่งขณะนั้นอิมะงะวะ โยะชิโมะโตะกำลังคร่ำครวญอยู่กับสุรา ตั้งค่ายอยู่โดยที่อีกฝ่ายไม่ทันรู้ตัว การบุกแบบไม่ให้ตั้งตัวของฝ่ายโอดะทำเอาทหารรักษาการของอิมากาวะอ้าปากค้างทำอะไรไม่ถูก ทั้งค่ายอลหม่านไปหมดไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ซึ่งใช้เวลาเพียงไม่นานนัก ก็สามารถเด็กศีรษะของ อิมะงะวะ โยะชิโมะโตะลงมาได้ การเอาชนะอิมากาวะทั้งที่มีทหารน้อยกว่าทำให้ชื่อของโอะดะ โนะบุนะงะดังไปทั่วญี่ปุ่นทันที และเป็นจุดเริ่มต้นแผนครองแผ่นดินของจอมภพคนแรกแห่งยุคเซ็นโกกุ โอดะ โนบุนางะ





ค.ศ.1643 - ค.ศ.1715 (ครองราชย์) พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส จากหนังเรื่อง The Man in the Iron Mask(ออกฉายปี1998) แสดงโดย ลีโอนาโด ดิ คาปริโอ้



หมายเหตุ ในหนังยำประวัติศาสตร์ซะเละเลย แน่นอนหนังเป็นแค่เรื่องแต่ง

พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เป็นกษัตริย์แห่งฝรั่งเศสและนาวาร์ ทรงครองรายช์เมื่อมีพระชนมายุได้เพียง 5 ชันษา เป็นกษัตริย์พระองค์ที่ 3 ของราชวงศ์บูร์บงแห่งราชวงศ์กาเปเตียง ทรงครองราชย์นานถึง 72 ปี นับเป็นกษัตริย์ที่ครองราชย์นานที่สุดในยุโรป
(ครองราชย์นานมากจนขนาดกษัตริย์องค์ต่อไปคือหลุยส์ที่ 15 เป็นเหลนของหลุยส์ที่14
คือปู่ของหลุยส์ที่ 15 เป็นลูกของหลุยส์ที่ 14 คนนี้ล่ะ)

หลุยส์ที่14นับว่าเป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งของฝรั่งเศส พระสมัยของพระองค์ฝรั่งเศสมีความเจิรญรุ่งเรืองจนถึงขีดสุด มีอำนาจในยุโรปเป็นอันมาก จนขนาดว่าภาษาฝรั่งเศสคือภาษาการทูตในหมู่กษัตริย์ต่างๆในยุโรปเลย

พระองค์ได้สร้างที่ทำการรัฐบาลของพระองค์ออกจากตัวเมืองปารีสไปทางใต้ ประมาณ 20 กิโลเมตร คือพระราชวังแวร์ซาย มี 700 ห้อง /หน้าต่าง 2000 บาน /เตาผิง 1250 แห่ง /สวน 4500 ไร่ /น้ำพุ 1400 จุด

สมัยพระองค์มีการขุดคลองดูว์มีดี ที่ตัดผ่านฝรั่งเศสข้ามจากฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกจรดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โดยไม่ต้องไปอ้อมทางสเปนโปรตุเกส สร้างโดย สถาปนิกชาวฝรั่งเศส ปีแยร์-ปอล รีแก (Pierre-Paul Riquet)

พระองค์ยิ่งใหญ่มากจนขนาดตั้งสมญานามตัวเองว่า สุริยะเทพ The Sun King (เทียบเท่าเทพอพอลโล่)



หมายเหตุ ยุคของหลุยส์ที่ 14 ตรงกับ พระนารายณ์มหาราชในไทย




ค.ศ.1819 - ค.ศ.1901 ควีนวิคตอเรีย จากหนังเรื่องThe Young Victoria (ออกฉายปี2009) แสดงโดย Emily Blunt




สมเด็จพระราชินีนาถวิคตอเรีย พระมหากษัตริย์สหราชอาณาจักรในช่วงระหว่าง ค.ศ.1837 - ค.ศ.1901 เป็นพระมหากษัตริย์อังกฤษที่ครองราชย์ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ (63 ปี) และทรงมีสายพระโลหิตสืบทอดมาเป็นเชื้อพระวงศ์ทั่วยุโรป เช่น สมเด็จพระจักรพรรดิวิลเฮล์มที่ 2 แห่งเยอรมนี หรือ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร เป็นต้น จนได้รับพระราชสมัญญานามว่า "สมเด็จย่าแห่งยุโรป" (Grandmother of Europe)

หมายเหตุ * บางคำขออนุญาตไม่ใช้ราชาศัพย์เพื่อความกระชับและเข้าใจง่ายขึ้น

ควีนวิคตอเรียครองราชย์ขณะอายุเพียง 18 ปี การสืบราชบัลลังค์เพราะกษัตริย์องค์ก่อนคือ คิงวิลเลียมที่ 4 มีลูกถึง 10 คนแต่เป็นลูกนอกสมรสตั้งแต่ยังเป็นแค่เจ้าชาย จึงไม่มีสิทธิ์ในบังลังค์อังกฤษ

ควีนวิคตอเรียมีพระราชบิดาคือ เจ้าชายเอ็ดเวิร์ด ดยุกแห่งเคนต์และสแตรเธิร์น ซึ่งเป็นพระราชโอรสองค์ที่ 4 ของคิงจอร์จที่ 3 เพราะฉะนั้นควีนวิคตอเรียเป็นหลานตาของกษัตริย์อังกฤษจึงได้สืบราชบัลลังค์ต่อจากรัชกาลที่แล้วที่เป็นลุง

การขึ้นสู้อำนาจของควินวิคตอเรียราชินีวัยรุ่นกับชาติที่ถือได้ว่าเป็นมหาอำนาจที่สุดในโลก เป็นที่หวั่นใจของประชาชนทั่วไป ซึ่งพระนางขณะพระเยาว์ทรงโดนตามใจมาก สองปีแรกเป็นไปด้วยความยากลำบาก พระนางไม่ได้รับนิยมจากประชาชนเลย

จุดเปลี่ยนมาจากการแต่งงานกับเจ้าชายอัลเบิร์ตแห่งซัคเซิน-โคบูร์กและโกทา ในปี 1939(ควีนอายุ 20) เจ้าชายอัลเบิร์ตซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องพบกับเจ้าหญิงวิคตอเรียตอนเจ้าหญิงอายุ 16 ปี อีก 4 ปีทั้งคู่จึงแต่งงานกัน (ทั้งคู่อายุเท่ากัน)




เจ้าชายอัลเบิร์ตเป็นเจ้าชายแห่งรัฐซัคเซิน-โคลเบิร์ก โกทา (บริเวณแคว้นบาวาเรีย เยอรมันในปัจจุบัน) ที่ว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องกันคือ เจ้าชายฟรานซีส ดยุคแห่งซัค-โคเบิร์ก ซาเฟล เป็นปู่ของอัลเบิร์ตและเป็นตาของวิคตอเรีย

เจ้าชายอัลเบิร์ตผู้นี้เหมือนเป็นพี่เลี้ยงให้กับควีนวิคตอเรียให้เป็นผู้ใหญ่ขึ้น เป็นนักปกครอง เป็นผู้นำของจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกขณะนั้น แต่ในปี ค.ศ.1861 เจ้าชายอัลเบิร์ตได้สวรรคตจากโรคไทฟอยด์ขณะอายุ 42 ปี ได้สร้างความโทมนัสอย่างแสนสาหัสให้กับควีนวิกตอเรีย ซึ่งได้ทรงตกอยู่ในสภาพการไว้ทุกข์กึ่งถาวรและฉลองพระองค์เป็นสีดำตลอดพระชนม์ชีพที่เหลือ เกือบ 10 ปีที่พระนางตัดขาดจากโลกภายนอก แต่หลังจากนั้นพระองค์ก็ลุกขึ้นมาสู้อีกครั้งแล้วเป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกพระองค์หนึ่ง


ในช่วงการปกครองของควีนวิคตอเรียที่เรียกว่า"ยุควิคตอเรียน" อังกฤษได้เจริญถึงขีดสุด เป็นมหาอำนาจที่สุดในโลกมีอาณานิคมทั่วโลก เป็นชาติที่มั่งคั่ง ประชาชน 1 ใน 4 ของโลกอยู่ภายใต้การปกครองของควีนวิคตอเรีย



ลูกหลานของพระนางปกครองทั่วยุโรป วิคตอเรียและอัลเบิร์ตได้รับสมญานามว่า ปู่-ย่าแห่งยุโรป(Grandfather- Grandmother of Europe)

ทั้งคู่มี ลูก 9 หลานอีก 40 บางพระองค์ได้ปกครองประเทศต่างๆในยุโรป

รุ่นลูก
- เจ้าหญิงวิคตอเรียลูกสาวคนแรกไปเป็นจักรพรรดินีแห่งเยอรมันโดยแต่งกับจักรพรรดิฟรีดริชที่ 3 แห่งเยอรมนี ได้ลูกชายคือ จักรพรรดิไกเซอร์วิลเฮล์มที่ 2 แห่งเยอรมนี(ผู้นำเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่ 1)
- เจ้าชายอัลเบิร์ต เอ็ดเวิร์ด เป็นกษัตริย์อังกฤษองค์ต่อมา พระนาม พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 แห่งสหราชอาณาจักร

รุ่นหลานและเหลน
- เจ้าชายจอร์จ เฟรเดอริค เป็น สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5 แห่งสหราชอาณาจักร (หลานย่า)
- จักรพรรดิไกเซอร์วิลเฮล์มที่ 2แห่งเยอรมัน (หลานยาย)
- เจ้าหญิงวิคตอเรีย อลิกซ์ เฮเลนา (หลานยาย) เป็นจักรพรรดินีแห่งรัสเซียโดยแต่งกับ พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 แห่ง รัสเซีย
- พระราชาธิบดีโอลาฟที่ 5 แห่งนอร์เวย์
- สมเด็จพระราชาธิบดีโอลาฟที่ 5 แห่งนอร์เวย์
- สมเด็จพระราชาธิบดีคาโรลที่ 2 แห่งโรมาเนีย
- สมเด็จพระราชาธิบดีจอร์จที่ 2 แห่งกรีซ
- สมเด็จพระราชาธิบดีอเล็กซานเดอร์ที่ 1 แห่งกรีซ
- สมเด็จพระเจ้าพอลที่ 1 แห่งกรีซ
- เจ้าฟ้าชายวอลดิเมอร์ ซึ่งเป็นรัชทายาทผู้จะสืบราชบัลลังก์รัสเซีย
- สมเด็จพระราชินีโซฟีแห่งกรีก
- สมเด็จพระราชินีม็อดแห่งนอร์เวย์
- สมเด็จพระจักรพรรดินีอเล็กซานดราแห่งรัสเซีย
- สมเด็จพระราชินีมารีแห่งโรมาเนีย
- สมเด็จพระราชินีวิกตอเรียแห่งสเปน

รายพระนามกษัตริย์ในยุโรปปัจจุบันที่สืบเชื้อสายมาจากควีนวิคตอเรียและเจ้าชายอัลเบิร์ต
- สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร
- สมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธที่ 2 แห่งเดนมาร์ก
- สมเด็จพระราชาธิบดีคาร์ลที่ 16 กุสตาฟแห่งสวีเดน
- สมเด็จพระราชาธิบดีควน การ์โลสที่ 1 แห่งสเปน
- สมเด็จพระราชาธิบดีคอนสแตนตินที่ 2 แห่งกรีซ
นอกจากนี้ยังรวมถึงสมเด็จพระราชินีแอนน์ มารีแห่งกรีซ และเจ้าฟ้าชายฟิลิป ดยุคแห่งเอดินบะระ

แก้ไขล่าสุดโดย บุญคำ เมื่อ Thu Jul 10, 2014 21:09, ทั้งหมด 2 ครั้ง
8
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอลไทยพรีเมียร์ลีก
Status: โตเพราะกินข้าว เฒ่าเพราะอยู่นาน
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 5029
ที่อยู่: BBS PLAYPARK
โพสเมื่อ: Thu Jul 10, 2014 21:09
[RE: Time Line บุคคลในประวัติศาสตร์ที่มาทำเป็นภาพยนตร์]


ค.ศ.1861- ค.ศ.1865 (สงครามกลางเมืองอเมริกา) อับราฮัม ลินคอล์น จากเรื่อง Lincoln (ออกฉายปี 2012) แสดงโดย Daniel Day-Lewis(ชนะออสการ์ดารานำชาย)



อับราฮัม ลินคอล์น เป็นประธานาธิบดีคนที่ 16 ของสหรัฐอเมริกา เกิดค.ศ. 1809 - อสัญกรรม ค.ศ. 1865

ลินคอล์นดำรงตำแหน่งตั้งแต่เดือนมีนาคม ค.ศ. 1861 กระทั่งถูกลอบสังหารเมื่อเดือนเมษายน ค.ศ. 1865 เขาประสบความสำเร็จในการนำพาประเทศผ่านพ้นสงครามกลางเมืองอเมริกา ซึ่งเป็นวิกฤตการณ์รัฐธรรมนูญ ทางทหารและศีลธรรมครั้งใหญ่ที่สุดของประเทศ โดยรักษาไว้ซึ่งสหภาพ ขณะที่เลิกทาส และส่งเสริมการทำให้เศรษฐกิจและการเงินทันสมัย

ในวัยเด็กแม่ของลินคอล์นเสียชีวิตขณะที่เขาอายุเพียง 9 ขวบ ในวัยหนุ่มลินคอล์นรับจ้างตัดไม้ทำรั้ว และเป็นทนายความในเวลาต่อมา ลินคอล์นเป็นทนายความที่เก่ง ตอนลงการเมืองแรกๆลินคอล์นยังไม่มีชื่อเสียงนัก ถึงตอนเสนอตัวเป็นตัวแทนพรรคเพื่อสมัครเป็นประธานธิบดี ลินคอล์นก็เป็นรองคู่แข่ง แต่ด้วยทัศนะเกี่ยวกับระบบทาสในสหรัฐ ทำให้ลินคอล์นเป็นตัวแทนพรรคลงสมัครเป็นประธานาธิบดีและชนะการเลือกตั้งในที่สุด



ลินคอล์นโดนลอบสังหารในวันที่ 15 เมษายน ค.ศ. 1865 ที่โรงละครฟอร์ดส, กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.โดย จอห์น ไวลค์ส บูธที่ต่อต้านแนวคิดที่จะล้มล้างระบบทาสในสหรัฐฯ ลินคอล์นได้ถึงแก่อนิจกรรมในเช้าถัดมาหลังจากถูกบูธใช้ปืนยิงหนึ่งนัดเข้าที่ด้านหลังของศีรษะ

หลังจากการลอบสังหาร บูธขี่ม้าหนีไปยังรัฐแมริแลนด์ทางตอนใต้ ก่อนจะเดินทางไปยังไร่ในแถบชนบทในรัฐเวอร์จิเนียทางตอนเหนือในอีก 12 วันต่อมา ก่อนที่เขาจะถูกตามสะกดรอยมาถึงที่ และถูกบอสตัน คอร์เบ็ท ทหารสหรัฐฯ ยิงโดยฝ่าฝืนคำสั่งที่ให้จับเป็น ผู้ก่อการอีก 8 คนที่เหลือถูกจับกุม ไต่สวนและถูกตัดสินว่าผิดจริง โดยที่ในนั้นมี 4 คนที่ถูกแขวนคอ





ค.ศ.1867 – ค.ศ. 1912 (ครองราชย์) จักรพรรดิเมจิ จากเรื่อง The Last Samurai (ออกฉายปี2003) แสดงโดย Shichinosuke Nakamura




หมายเหตุ ตรงกับเมืองไทยสมัย ร.5 (รัชกาลที่ 5 ทรงขึ้นครองราชย์ปี ค.ศ.1868 – ค.ศ.1910)

สมเด็จพระจักรพรรดิมุสึฮิโตะ พระนามตามรัชสมัยคือ จักรพรรดิเมจิ ทรงเป็นจักรพรรดิพระองค์ที่ 122 ของประเทศญี่ปุ่น ครองราชย์ตั้งแต่ ค.ศ.1868 ด้วยพระชนมายุเพียง 14 พรรษา จนเสด็จสรรคต

เจ้าชายมุสึฮิโตะเสด็จขึ้นครองราชย์เมื่อ ค.ศ.1868 หลังการสวรรคตของสมเด็จพระจักรพรรดิโคเม พระราชบิดาที่ประชวรด้วยไข้ทรพิษ ประมาณ 4 วัน
ในปีค.ศ.1869 กลุ่มผู้จงรักภักดีต่อราชบัลลังก์ และต่อต้านอำนาจของโชกุนตระกูลโทะกุงะวะ ประกาศนโยบายฟื้นฟูพระราชอำนาจแห่งจักรพรรดิ ณ พระราชวังเคียวโตะ ซึ่งต่อมาในเดือนเดียวกันนั้น กองกำลังของกลุ่มผู้จงรักภักดีต่อราชวงศ์จากแคว้นโจชูและแคว้นซะสึมะได้กำชัยอย่างเด็ดขาดในสงครามโทะบะ-ฟุชิมิ ซึ่งเป็นการตอกย้ำความล่มสลายของรัฐบาลโชกุนโทะกุงะวะลงไปอีก สงครามกลางเมืองได้ปะทุขึ้นเป็นครั้งคราว จนกระทั่งกองกำลังของตระกูลโทะกุงะวะปราชัยอย่างราบคาบในเดือนสิงหาคม ค.ศ.1869

จักรพรรดิเมจิ ได้ย้ายเมืองหลวงจากเกียวโตไปที่เมืองเอโดะแล้วเปลี่ยนชื่อเป็นโตเกียว พระองค์ได้เปลี่ยนแปลงประเทศจากระบอบศักดินาให้เป็นจักรวรรดิในเวลาต่อ ได้นำประเทศญี่ปุ่นสู้ความทันสมัย ทั้งไฟฟ้า รถไฟ อุตสาหกรรม

ปี ค.ศ.1904-1905 ได้ทำสงครามรัสเซีย-ญี่ปุ่น แล้วญี่ปุ่นชนะ เป็นครั้งแรกๆที่จักรวรรดิทางเอเซียชนะจักรวรรดิทางยุโรปได้ ทำให้บัลลังจักรพรรดิซาร์นิโคลัสแห่งรัสเซียสั่นคลอน และเป็นการเพิ่มความมั่นใจของชนชาติญี่ปุ่นเป็นอย่างมากจนเกิดลัทธิชาตินิยมแห่งจักรวรรดิญี่ปุ่น





ค.ศ.1911 ปฏิวัติซินไห่ ซุน ยัตเซ็น จากหนังเรื่อง The 1911 Revolution (ออกฉายปี 2011) แสดงโดย Winston Chao




หนังเรื่องนี้ฉลองครบรอบ 100 ปีการปฏิวัติซินไห่ ล่มล้างราชวงศ์แมนจู เป็นหนังถ่ายทอดเรื่องราวของช่วงเวลานั้น

ซุน ยัตเซ็น (ค.ศ. 1866 - ค.ศ. 1925) เป็นนักปฏิวัติและประธานาธิบดีจีน ซุนได้รับการกล่าวขานว่าเป็น "บิดาของชาติ" ในสาธารณรัฐจีน และ "ผู้บุกเบิกการปฏิวัติประชาธิปไตย" ในสาธารณรัฐประชาชนจีน ด้วยความเป็นผู้ริเริ่มจีนชาตินิยมคนสำคัญ ซุนมีบทบาทสำคัญในการล้มราชวงศ์ชิงระหว่างการปฏิวัติซินไฮ่ ซุนเป็นประธานาธิบดีเฉพาะกาลคนแรกเมื่อสาธารณรัฐจีนก่อตั้งขึ้นใน ค.ศ. 1912 และภายหลังร่วมก่อตั้งพรรคก๊กมินตั๋ง ซึ่งเขาเป็นหัวหน้าพรรคคนแรก ซุนเป็นบุคคลผู้สร้างความสามัคคีในจีนหลังยุคจักรวรรดิ และยังคงเป็นนักการเมืองจีนสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 20 เพียงหนึ่งเดียวที่ได้รับความเคารพนับถืออย่างกว้างขวางจากประชาชนทั้งสองฟากฝั่งช่องแคบไต้หวัน

ซุน ยัตเซ็น เดิมชื่อ ซุนเหวิน เกิดในครอบครัวที่ฐานะยากจน แต่ก็เรียนจบแพทย์ที่มหาวิทยาลัยการแพทย์ฮ่องกง อายุ 33 ปีเปลี่ยนชื่อเป็น ซุน ยัตเซ็น (จีนกลาง ซุน จงซาน)





ค.ศ.1917(ระยะครองราชย์หลังการปฏิวัติ) จักรพรรดิผู่อี๋ จากเรื่อง The Last Emperor (ออกฉายปี1987 ชนะ 9 ออสการ์) แสดงโดย John Lone



สมเด็จพระจักรพรรดิผู่อี๋ (ค.ศ.1906 – ค.ศ.1967) หรือ เฮนรี่ ผู่อี๋ (ชื่ออังกฤษที่เรจินัล จอนสตันตั้งให้) เป็นจักรพรรดิหรือฮ่องเต้ชาวแมนจูแห่งราชวงศ์ชิง และเป็นจักรพรรดิองค์ที่ 10 แห่งราชวงศ์ชิง (นับเริ่มแต่จักรพรรดิซุ่นจื้อ) และเป็นองค์สุดท้ายของประเทศจีน จากปี ค.ศ 1908 จนกระทั่งสละราชสมบัติใน ค.ศ 19012และในช่วงระยะเวลาการฟื้นฟูราชวงศ์สั้นๆในเดือนกรกฎาคม ค.ศ.1917 โดยขุนซึก จาง ซวิน ต่อมาในปี ค.ศ. 1934 ก็ได้สถาปนาเป็น สมเด็จพระจักรพรรดิคังเต๋อ ในประเทศแมนจูกัว ซึ่งถูกสถาปนาขึ้นโดย จักรวรรดิญี่ปุ่น พระองค์ครองราชย์ที่แมนจูกัวจนสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี ค.ศ. 1945 ต่อมาภายหลังการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนในปี ค.ศ. 1949 ผู่อี๋ได้เข้าเป็นสมาชิกสภาที่ปรึกษาการเมืองแห่งชาติ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1964 จนกระทั่งสวรรคตเยี่ยงสามัญชนในปี ค.ศ. 1967

ผู่อี๋ หรือ ถูกเลือกให้เป็นจักรพรรดิโดยพระนางซูสีไทเฮาในขณะที่ประชวรหนักอยู่บนพระแท่นบรรทม ผู่อี๋ขึ้นเป็นจักรพรรดิในขณะที่มีพระชนมายุ 2 พรรษากับอีก 10 เดือน ในเดือน ธันวาคม ค.ศ 1908

หลังปฏิวัติซินไห่ในปี ค.ศ.1911 ผู่อิ๋ก็เหมือนเป็นกษัตริย์เพียงแค่ในนาม ไม่มีอำนาจบริหารบ้านเมืองเช่นจักรพรรดิจีนก่อนหน้านี้ โดนขังไว้ในวังต้องห้าม แต่ก็มีเหตุการณ์มากมายวุ่นวายแย่งอำนาจในประเทศจีน ผู่อี๋โดนขับออกจากวังต้องห้ามในปี ค.ศ.1924 และได้ไปพำนักอยู่ในสถานทูตญี่ปุ่น 1 ปี และได้รับการสนับสนุนจากจักรวรรดิญี่ปุ่นให้เป็นจักรพรรดิแห่งแมนจูกัวที่ญี่ปุ่นครอบครองอยู่ นับเป็นผู้บริหารหุ่นเชิดให้กับจักรวรรดิญี่ปุ่น



เมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สองในปี ค.ศ.1945 ผู่อี๋โดนจับได้โดนกองทัพแดงของโซเวียตขณะกำลังจะหนีไปญี่ปุ่น ต่อมา เหมาเจ๋อตุงมีอำนาจในจีนได้เจรจาต่อรองให้ผู่อี๋กลับมาสอบสวนที่จีน แต่ก็ได้รับการอภัยโทษเป็นพิเศษจากเหมาเจ๋อตุง และใช้ชีวิตเฉกเช่นสามัญชนในปักกิ่งกับน้องสาวเป็นเวลา 6 เดือนก่อนที่จะย้ายไปยังโรงแรมที่ได้รับการสนับสนุนโดยรัฐบาล ผู่อี๋บอกว่าจะสนับสนุนและทำงานให้พรรคคอมมิวนิสต์โดยการเป็นคนสวนในสถาบันพฤษศาสตร์ เมื่ออายุ 56 ปี ผู่อี๋ได้แต่งงานกับหลี่ สูเสียน ซึ่งเป็นพยาบาล ในปี ค.ศ 1962 ต่อมาเขาได้ทำงานเป็นบรรณาธิการแผนกวรรณกรรมที่สภาที่ปรึกษาการเมืองแห่งชาติ โดยมีรายได้ 100 หยวน ต่อเดือนและเป็นที่ทำงานที่ผู่อี๋ทำจนวาระสุดท้ายของชีวิต

ผู่อี๋ นับเป็นจักรพรรดิองค์สุดท้ายของจีนที่มีมายาวนานถึง 2000 กว่าปี จากตำแหน่งโอรสสวรรค์แต่ปั้นปลายและวาระสุดท้ายของชีวิตแบบคนธรรมดา





ค.ศ.1934-ค.ศ.1945 (ดำรงค์ตำแหน่งฟือเรอร์) อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ จากเรื่อง Der Untergang ( Downfall ออกฉายปี2004) แสดงโดย Bruno Ganz




อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ เกิดเมื่อ 20 เมษายน ค.ศ. 1889 ที่เมืองเบราเนา อัม อินน์ จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี สัญชาติออสเตรีย ฮิตเลอร์เกิดมาที่มีพ่อเป็นคนเข้มงวดและอายุมาก มีแม่ที่รักลูกมาก พ่อของฮิตเลอร์มีอาชีพศุลกากรและอยากให้ลูกชายตามรอยความสำเร็จในอาชีพของเขา แต่ฮิตเลอร์อยากเรียนศิลปะมากกว่า

แต่ในปี ค.ศ. 1900 พ่อของฮิตเลอร์ได้ส่งฮิตเลอร์ไปเรียนในโรงเรียนอาชีวะ เรอัลชูเลอ (Realschule) ในลินซ์ ฮิตเลอร์ขัดขืนต่อการตัดสินใจนี้ และใน ไมน์คัมพฟ์(หนังสือที่ฮิตเลอร์เขียน) ได้เปิดเผยว่า เขาเรียนได้เลวมากในโรงเรียน ด้วยหวังว่าเมื่อบิดาเห็นว่า "ฉันมีความคืบหน้าน้อยเพียงใดที่โรงเรียนอาชีวะ เขาจะปล่อยให้ฉันอุทิศตัวเองแก่ความใฝ่ฝันของฉัน"

ฮิตเลอร์ไม่ได้สนใจเรียนตามพ่อบอกเลย จนปี 1903 พ่อของเขาได้เสียชีวิต ฮิตเลอร์ก็เปลี่ยนที่เรียน จนปี 1905 หลังสอบปลายภาค ก็ได้ออกจากโรงเรียนโดยไม่แยแส

นับจาก ค.ศ. 1905 ฮิตเลอร์ได้ใช้ชีวิตแบบโบฮีเมี่ยนในเวียนนาด้วยเงินสงเคราะห์เด็กกำพร้าและการสนับสนุนจากมารดา เขาทำงานเป็นกรรมกรชั่วคราว และท้ายสุด เป็นจิตรกรขายภาพวาดสีน้ำ

สถาบันวิจิตรศิลป์เวียนนาปฏิเสธเขาสองครั้ง ใน ค.ศ. 1907 และ 1908 เพราะ "ความไม่เหมาะสมที่จะวาดภาพ" ของเขา

ค.ศ. 1907 มารดาของเขาเสียชีวิตในวัย 47 ปี หลังสถาบันฯ ปฏิเสธเป็นครั้งที่สอง ฮิตเลอร์ก็หมดเงิน ใน ค.ศ. 1909 เขาอาศัยอยู่ในที่พักคนไร้ที่บ้าน และใน ค.ศ. 1910 เขาย้ายเข้ามาอาศัยอยู่ในบ้านพักชายรับจ้างยากจนบนถนนเมลเดมันน์สทราเซอ

ด้วยความหลงใหลในลัทธิชาตินิยมเยอรมันตั้งแต่เยาว์วัย ฮิตเลอร์แสดงความเคารพต่อเยอรมนีเท่านั้น แม้ราชวงศ์ฮับสบูร์กและการปกครองเหนือจักรวรรดิออสเตรียที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติจะเสื่อมลงก็ตาม ฮิตเลอร์และเพื่อนของเขาใช้คำทักทายภาษาเยอรมัน "ไฮล์" และร้องเพลงชาติเยอรมัน "ดอยท์ชลันด์อือแบร์อัลเลส์" แทนเพลงชาติจักรวรรดิออสเตรีย

และเมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1 ปะทุ ฮิตเลอร์สมัครเข้ารับราชการในกองทัพเยอรมัน เขาได้รับการตอบรับในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1914 ทั้งๆที่เขายังเป็นพลเมืองออสเตรีย เขาถูกจัดไปยังกรมทหารราบกองหนุนบาวาเรีย 16 (กองร้อยที่ 1 แห่งกรมลิสท์) เขาปฏิบัติหน้าที่เป็นพลนำสารส่งแนวรบด้านตะวันตกในฝรั่งเศสและเบลเยียม นี่เป็นการเริ่มสู่วงการทหารและการเมืองในเวลาต่อมา




หลังจบสงครามโลกครั้งที่ 1 สนธิสัญญาแวร์ซายกำหนดให้เยอรมนีต้องสละดินแดนหลายแห่งและให้ไรน์แลนด์ปลอดทหาร สนธิสัญญากำหนดการลงโทษทางเศรษฐกิจและเรียกเก็บค่าปฏิกรรมจากประเทศเยอรมัน ทำให้ฮิตเลอร์เจ็บใจที่ชาติที่ตนรักต้องมีชะตากรรมเช่นนี้(ฮิตเลอร์เป็นคนออสเตรียแต่ใจเป็นเยอรมัน)

จากนั้นฮิตเลอร์ก็พยายามเข้าสู่วงการการเมือง ล้มลุกคลุกคลาน เคยโดนจับขังคุก(เขียนหนังสือ ไมน์คัมพฟ์ การต่อสู่ของข้าพเจ้า) โดยปล่อยตัวก็เคลื่อนไหวต่อ จนได้เป็นนายกรัฐมนตรี และผู้นำเผด็จการณ์(ฟือเร่อร์) พาโลกเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 แพ้สงคราม และฆ่าตัวตายในบังเกอร์ในปี ค.ศ. 1945 หลังจากทราบแน่ชัดแล้วว่านาซีแพ้สงคราม



เรื่องราวของฮิตเลอร์ละเอียดมาก หาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Spoil




ค.ศ.1936 (ครองราชย์) พระเจ้าเอดเวิร์ดที่ 8 แห่งสหราชอาณาจักร จากหนังเรื่อง The King's Speech (ออกฉายปี2010) แสดงโดย Guy Pearce



หนังเกี่ยวกับ พระเจ้าจอร์จที่ 6 ที่เป็นน้องชายของ พระเจ้าเอดเวิร์ดที่ 8 แต่เรื่องของ พระเจ้าเอดเวิร์ดที่ 8 น่าสนใจกว่า

กษัตริย์ที่สละราชสมบัติเพื่อหญิงที่ตนรัก

เจ้าชายเอดเวิร์ด ดยุกแห่งวินเซอร์ หรืออดีต สมเด็จพระเจ้าเอดเวิร์ดที่ 8 (เอดเวิร์ด อัลเบิร์ต คริสเตียน จอร์จ แอนดรูว์ แพทริค เดวิด) เป็นอดีตพระมหากษัตริย์สหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์ รวมถึงดินแดนของอังกฤษในโพ้นทะเลต่าง ๆ และสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งอินเดีย



เรื่องมีอยู่ว่า *พระเจ้าจอร์จที่ 5 ที่เป็นพระราชบิดา สววรคต ในปี ค.ศ 1936 เจ้าชายเอดเวิร์ด ที่เป็นพระราชโอรสองค์โต มีตำแหน่ง เจ้าชายแห่งเวลส์ หรือมกุฎราชกุมาร ได้ขึ้นครองราชย์ต่อจากพระราชบิดาตามสายตรง

* หมายเหตุ พระเจ้าจอร์จที่ 5 เป็นหลานย่าของควีนวิคตอเรีย เป็นกษัตริย์ที่เปลี่ยนชื่อราชวงค์จากซัคเซิน-โคบูร์กและโกทาของพระราชบิดามาเป็นราชวงค์วินเซอร์(ในปัจจุบัน) เพราะยุคนั้นเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 เลยมีการต่อต้านเยอรมัน ชื่อราชวงค์เก่าเป็นชื่อราชวงค์เยอรมันมาจากเจ้าชายอัลเบิร์ต พระสวามีของควีนวิคตอเรียที่เป็นปู่ของพระเจ้าจอร์จที่ 5 เอง

คิงเอดเวิร์ดที่ 8 ครองราชย์เพียง 11 เดือน(ในปี 1936) ช่วงเวลาหลายเดือนในรัชกาล พระองค์ทรงทำให้เกิดวิกฤตการณ์ในรัฐธรรมนูญ ได้ชื่อว่าวิกฤตการณ์สละราชสมบัติด้วยการขออภิเษกสมรสกับวอลลิส ซิมป์สัน แม่ม่ายหย่าร้างชาวอเมริกัน

คิงเอดเวิร์ดกับวอลลิส ซิมป์สันพบกันตั้งแต่ก่อนเอดเวิร์ดจะขึ้นครองราชย์ นางซิมป์สันเป็นแม่หม้ายผ่านการหย่าร้างมาแล้ว 2 ครั้ง และเอดเวิร์ดต้องการจะแต่งกับเธอ แม้ว่าทางกฎหมายแล้วคิงเอดเวิร์ดจะสามารถแต่งงานกับวอลลีส ซิมป์สัน แล้วเป็นกษัตริย์ต่อไปได้

แต่คณะรัฐมนตรีได้คัดค้านการแต่งงานโดยโต้แย้งว่าประชาชนจะไม่ยอมรับเธอเป็นพระราชินีได้เลย คิงเอดเวิร์ดทรงทราบดีว่ารัฐบาลของสแตนเลย์ บาลด์วิน นายกรัฐมนตรีจะลาออกถ้าการแต่งงานคงดำเนินต่อไป อันจะทำให้ลากพระองค์ไปสู่การเลือกทั่วไปซึ่งจะเป็นการทำลายสถานะของพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญที่ทรงเป็นกลางทางการเมืองของพระองค์อย่างไม่สามารถแก้ไขได้ แทนที่จะเลิกกับนางซิมป์สัน แต่พระองค์กลับทรงเลือกที่จะสละราชสมบัติ พระเจ้าเอดเวิร์ดที่ 8 เป็นพระประมุของค์เดียวของสหราชอาณาจักรที่ทรงสละราชบัลลังก์อย่างสมัครใจ นอกจากนี้ยังเป็นพระประมุขที่ทรงครองราชสมบัติสั้นที่สุดพระองค์ในประวัติศาสตร์อังกฤษ และมิได้ทรงกระทำพิธีบรมราชาภิเษกเลย

ผู้ที่มาสืบบัลลังค์ต่อคือเจ้าชายอัลเบิร์ตที่เป็นน้องชาย ใช้พระนามว่า สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6 แห่งสหราชอาณาจักร (พระราชบิดาของควีนอลิธซาเบธที่ 2 กษัตริย์อังกฤษองค์ปัจจุบัน)

หลังจากการสละราชสมบัติ เอดเวิร์ดได้พระยศเป็น ดยุคแห่งวินเซอร์ และถูกส่งไปเป็นแค่ข้าหลวงใหญ่ประจำหมู่เกาะบาฮามัสในแถบทะเลอเมริกากลาง (ส่งไปซะไกลเลย) หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เจ้าชายเอดเวิร์ดก็ไม่ทรงได้รับการแต่งตั้งทางราชการอื่นใดอีกเลย และใช้ชีวิตร่วมกันกับ วอลลีส ซิมป์สันอย่างสันโดษจนวาระสุดท้ายของชีวิตในปี ค.ศ.1972(พ.ศ.2515) โดยมี วอลลีส ซิมป์สันอยู่ข้างกายขณะสิ้นพระชนน์

จะผู้ชายคนไหนในโลกนี้ที่รักผู้หญิงคนหนึ่งมากมายได้ขนาดยอมสละราชสมบัติได้

มีคำพูดเชิงตลกว่า ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่ชาวอเมริกันขโมยพระมหากษัตริย์ไปจากชาวอังกฤษ (วอลลีส ซิมป์สันเป็นชาวอเมริกัน)






ค.ศ.1945 (ปีที่เสียชีวิต) นายพลแพตตัน จากเรื่อง Patton (ออกฉายปี 1970 ชนะ 7 รางวัลออสการ์) แสดงโดย George C. Scott (ชนะออสการ์ดารานำชาย)




จอร์จ เอส แพตตัน George S. Patton (1885-1945) เป็นนายพลคนสำคัญของฝ่ายสัมพันธมิตรในสงครามโลกครั้งที่สอง แพ็ตตันเป็นหนึ่งในผู้บัญชาการทหารของสหรัฐฯ เขามีส่วนในบัญชาการรบที่แอฟริกาเหนือ การยกพลขึ้นบกที่เกาะชิชิลีของอิตาลี ภายใต้ปฏิบัติการฮัสกี้ (Operation Husky) จนทำให้ฝ่ายพันธมิตรยึดเกาะชิชิลีได้ และทำการยกพลขึ้นบกที่แผ่นดินใหญ่ของอิตาลีในเวลาต่อมา (Allied invasion of Italy) ด้วยลักษณะนิสัยที่มีความเคร่งครึมในตัว นายพลแพตตันจึงเป็นนายพลเพียงคนเดียวของฝ่ายพันธมิตรที่ทหารในกองทัพเยอรมันกลัว

แพตตันเป็นคนมีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 แพตตันมีความขัดแย้งกับนายพลมอนโกมอรี่ของอังกฤษอย่างมาก แต่กองทัพภายใต้การบังคับบัญชาของแพตตันก็รบได้มีประสิทธิภาพมากที่สุดหน่วยหนึ่งของสัมพันธมิตรเลย
แพตตันเคยผ่านสงครามโลกครั้งที่ 1 และเป็นนายพลในสงครามโลกครั้งที่ 2 จบชนะสงคราม แต่หลังสงครามไม่กี่เดือน แพตตันเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ในวันที่ 21 ธันวาคม 1945 ที่เมืองฮิลเดนเบิร์ก ประเทศเยอรมัน

ว่ากันว่าแพตตันเป็นคนแนะนำในกองทัพสหรัฐบุกโซเวียตรัสเซียต่อเลยหลังจากเยอรมันยอมแพ้ ด้วยเหตุว่าโซเวียตรัสเซียเป็นคอมมิวนิสต์ซักวันก็ต้องรบกัน ทำไมไม่ทำตอนนี้ ตอนที่กำลังทหารเราพร้อมและจ่ออยู่หน้าบ้านรัสเซียแล้ว นับว่าแพตตันเป็นคนเริ่มสงครามเย็นระหว่างโลกเสรีกับคอมมิวนีสต์คนแรกเลยหากเป็นเช่นนี้จริง และนี่อาจจะเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอุบัติเหตุของแพตตันก็ไม่มีใครสามารถพิสูจน์ได้

นายพลกระดูกเหล็ก ผ่านสงครามโลกมาสองครั้ง แต่มาเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุหลังสงครามสงบไม่กี่เดือน





ค.ศ. 1948 (ปีที่อสัญกรรม) มหาตมา คานธี จากหนังเรื่อง Gandhi (ออกฉายปี1982 ชนะ 8 ออสการ์) แสดงโดย Ben Kingsley(ออสการ์ดารานำชาย)




มหาตมา คานธี (Mahatma Gandhi) มีชื่อเต็มว่า โมหันทาส กะรัมจันท คานธี เป็นผู้นำและนักการเมืองที่มีชื่อเสียงชาวอินเดียและศาสนาฮินดู
เกิด ค.ศ. 1869 - อสัญกรรมในปี ค.ศ.1948 จากการลอบสังหาร

ปีค.ศ. 1888 คานธีได้เดินทางไปอังกฤษ เมื่อไปถึงอังกฤษ คานธีพบปัญหาใหญ่ในการดำเนินชีวิตในอังกฤษ นั่นคือ วัฒนธรรม มารยาท สิ่งปลูกสร้างต่างๆ ในอังกฤษนั้นไม่เหมือนอินเดีย คานธีต้องระวังตนในเรื่องมารยาทซึ่งจะมาทำตามคนอินเดียเหมือนเดิมไม่ได้ คานธีต้องปรับตัวบุคลิกต่างๆให้เข้ากับคนอังกฤษให้ได้ และในที่สุดคานธีก็สำเร็จการศึกษาและสอบได้เป็นเนติบัณฑิต และเมื่อได้เป็นเนติบัณฑิตแล้ว คานธีก็เดินทางกลับสู่อินเดียใน ค.ศ. 1892 เพื่อประกอบอาชีพ

ใน ค.ศ. 1893 คานธีได้เดินทางไปว่าความที่ประเทศแอฟริกาใต้ โดยเมื่อเดินทางไปถึง คานธีได้ซื้อตั๋วรถไฟชั้น First Class (ชั้นที่หรูหราสะดวกสบายที่สุด ค่าตั๋วแพงที่สุด) ไปยังเมืองที่ ลูกความ ต้องการ แต่ทว่า ผู้โดยสารชั้น First Class ที่ผิวขาว ไม่พอใจที่คนผิวคล้ำอย่างคานธีมาอยู่ร่วมชั้น First Class กับพวกเขา จึงไปประท้วงบอกเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่จึงเดินมาสั่งให้คานธีย้ายตู้โดยสารไปโดยสารตู้ของ Third Class (ชั้นไม่สะดวก ไม่หรูหรา แต่ค่าตั๋วถูกที่สุด) ทั้งๆที่คานธีเสียเงินซื้อตั๋ว First Class มาอย่างถูกต้อง คานธีจึงปฏิเสธ ทำให้ความขัดแย้งในรถไฟชั้น First Class รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุด คานธีก็ถูกเจ้าหน้าที่รุมทำร้าย และคานธีถูกผู้โดยสารผิวขาวโยนออกมาจากรถไฟ โดยเจ้าหน้าที่ต่างอ้างว่า รถไฟชั้นหนึ่งนี้สร้างสำหรับผู้โดยสารผิวขาวเท่านั้น

เหตุการณ์นี้ทำให้คานธีเศร้าเสียใจเป็นอย่างยิ่ง และยิ่งเศร้ามากยิ่งขึ้นเมื่อรู้ว่าชาวผิวคล้ำเกือบทุกคนถูกเหยียดหยามจากชนผิวขาวในแอฟริกาใต้ นับแต่นั้น คานธีก็ได้เข้าต่อสู้เรียกร้องสิทธิมนุษยชนของชาวผิวคล้ำในแอฟริกาใต้ และเมื่อคานธีรู้ว่าการต่อสู้ครั้งนี้ไม่จบง่ายๆ จึงได้เดินทางไปอินเดียใน ค.ศ. 1896 เพื่อพาครอบครัวมาอยู่ด้วยกันที่แอฟริกาใต้ และกลับสู่อินเดียใน ต้นปี ค.ศ. 1897 และใช้ชีวิตครอบครัวต่อจนมีลูกกับภรรยาต่ออีก 2 คน

เป็นการเริ่มต้นการต่อสู่เพื่อสิทธิมนุษยชนทั้งในอาฟริกาใต้และอินเดียที่เป็นอาณานิยมของอังกฤษทั้งคู่

ค.ศ. 1922 ได้เกิดเหตุใช้กำลังต่อสู้กันอีกครั้ง คานธีถูกจับกุมในฐานะผู้ก่อความไม่สงบ และถูกศาลตัดสินจำคุก 6 ปี แต่ถูกปล่อยตัวออกมาก่อนกำหนดเพราะเหตุผลทางสุขภาพใน ค.ศ. 1924 และตั้งแต่ถูกปล่อยตัว คานธีก็หันไปแก้ไขปัญหาที่เกิดจากภายในประเทศก่อน เช่น ฟื้นฟูเศรษฐกิจชนบท แก้ไขปัญหาการถือชนชั้นวรรณะในอินเดีย ปัญหาความขัดแย้งระหว่างศาสนาฮินดูกับมุสลิม ปัญหาความไม่เสมอภาคของสตรี และปัญหาต่างๆ ที่ไม่ได้เกิดจากการกดขี่จากต่างประเทศ

ค.ศ. 1930 คานธีหวนกลับสู่สังเวียนการเมืองอันเร่าร้อน เพราะต้องการประท้วงกฎหมายอังกฤษที่ห้ามคนอินเดียทำเกลือกินเอง เป็นสิ่งที่ไม่สมควรที่จะไม่ให้คนอินเดียใช้ทรัพยากรของอินเดีย โดยในวันที่ 12 มีนาคม คานธีได้เริ่มสัตยาเคราะห์เกลือ หรือการเดินทางไปยังชายทะเลในตำบลฑัณฑี พร้อมกับประชาชนนับแสนคนที่เต็มใจไปกับคานธี คานธีเดินทางเป็นเวลา 24 วัน 400 กิโลเมตร ก็ไปถึงชายทะเล คานธีบอกประชาชนนับแสนให้ร่วมกันทำเกลือกินเอง ดังนั้น ในวันนั้น คานธีและประชาชนนับแสนได้ทำเกลือจากทะเลกินเอง เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายที่อังกฤษตั้งไว้

คานธีต่อสู้ทางการเมืองมาตลอดจนกระทั่ง 15 สิงหาคม ค.ศ. 1947 อินเดียเป็นอิสระจากอังกฤษโดยสมบูรณ์ และในวันนั้น อินเดีย ก็แตกเป็น 2 ประเทศ คืออินเดียของชาวฮินดู กับปากีสถานของมุสลิม แต่ว่า ท้องที่ๆ คนส่วนใหญ่เป็นศาสนาหนึ่ง ก็ใช่ว่าจะไม่มีคนอีกศาสนาหนึ่งอาศัยอยู่เลย ดังนั้น ผู้ที่อยู่ในอาณาเขตประเทศที่เป็นท้องที่ที่คนส่วนใหญ่นับถือศาสนาตรงข้าม ก็ต้องอพยพ กล่าวคือ ผู้ที่เป็นมุสลิมในอินเดีย ก็ต้องอพยพไปปากีสถาน และผู้ที่เป็นฮินดูในปากีสถาน ก็ต้องอพยพมาอินเดีย คานธีไม่ต้องการให้แยกเป็นสองประเทศ และหาทางปรองดองกันระหว่างมุสลิมกับฮินดู

และในปี วันที่ 30 มกราคม ค.ศ. 1948 ในตอนเย็น ขณะที่คานธีอยู่กลางสนามหญ้า กำลังสวดมนต์ไหว้พระตามกิจวัตร ขณะที่คานธีกำลังพูดว่า "เห ราม" แปลว่า "ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า"
นาถูราม โคทเส ชาวฮินดูผู้คลั่งศาสนา ไม่ต้องการให้ฮินดูสมานฉันท์กับมุสลิม ได้ยิงปืนใส่คานธี 3 นัด จนคานธีล้มลง และเมื่อแพทย์ได้มาพบคานธี ก็พบว่า คานธีได้สิ้นลมหายใจแล้วในวัย 78 ปี






ค.ศ 1953–1959 (การปฏิวัติคิวบา) เช กูวาร่า จากหนังเรื่อง Diarios de motocicleta (ออกฉายปี2004) แสดงโดย Gael Garc?a Bernal




หมายเหตุ หนังเกี่ยวกับ เช ในวัยหนุ่มเป็นนักศึกษาแพทย์ตกลงกับเพื่อนขี่มอเตอร์ไซต์ตะเวนทั่วอเมริกาใต้

รูป เช กูวาร่าในวัยหนุ่ม



เอร์เนสโต เกบารา (ในสำเนียงสเปน) Ernesto Guevara คือชื่อจริงของ เช กูวาร่า(ออกเสียงตามภาษาอังกฤษ) คำว่า "เช" เป็นชื่อเรียกหรือฉายามาจากภาษาสเปนในอาเจนติน่าบ้านเกิดของกูวาร่า แปลว่า สวัสดีเหมือนคำว่า เชา ในภาษาอิตาลี แต่ในความหมายนี้เพื่อนนักปฏิวัติของกูวาร่าเปรียบได้ว่าคำว่า"เพื่อน"

เช เกิดเมื่อ ค.ศ. 1928 ที่อาร์เจนติน่า เชเกิดมาในครอบครัวฐานะค่อนข้างดีในอาร์เจนติน่า ขณะที่ยังเป็นนักศึกษาแพทย์ เช ได้เดินทางไปทั่วทวีปอเมริกาใต้และรู้สึกสะเทือนใจกับความยากจนข้นแค้น ความหิวโหย และโรคภัยที่เขาพบเห็นระหว่างการเดินทาง ความปรารถนาจะทำลายล้างสิ่งที่เขามองว่าเป็นการขูดรีดของทุนนิยมในลาตินอเมริกา




ต่อมา ขณะอาศัยอยู่ในกรุงเม็กซิโกซิตี้ เขาได้พบกับราอุลและฟีเดล คาสโตร เข้าร่วมขบวนการ 26 กรกฎาคม และออกเดินทางสู่คิวบา ด้วยจุดประสงค์ที่จะขับไล่ผู้นำเผด็จการ บาติสตา(ซึ่งอเมริกาหนุนหลังอยู่)ออกไป ไม่ช้าเชก็ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสำคัญในกองกำลังกบฏดังกล่าว ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรองผู้บัญชาการ และมีบทบาทสำคัญยิ่งในการสู้รบแบบกองโจรซึ่งสามารถล้มระบอบบาติสตาได้สำเร็จภายในเวลาสองปี

เช กูวาร่า กับ ฟิเดล คาสโตร



หลังจากปฏิวัติคิวบาสำเร็จ เชเป็นผู้มีอำนาจมากที่สุดรองจาก ฟิเดล คาสโตร เชได้มีส่วนอย่างมากในการปฏิรูปประเทศคิวบา จับนักการเมืองขี้โกงของคิวบายิงเป้า เป็นผู้อำนวยการฝึกกองกำลังทหาร เขียนหนังสือ และเชเป็นนักพูดที่เก่งมาก เชจึงเดินทางไปทั่วโลกในฐานะผู้แทนทางทูตจากสังคมนิยมคิวบา เป็นกระบอกเสียงให้กับสังคมนิยมต่อต้านทุนนิยม



เมื่อคิวบาได้รับการปฏิวัติแล้ว แต่งานของเชยังไม่จบ เพราะเชต้องการให้ทุกประเทศในลาตินอเมริกาเป็นสังคมนิยมทั้งหมด เชจึงเดินทางไปประเทศโบลิเวียเพื่อดำเนินการปฏิวัติที่นั่น

และเป็นที่โบลิเวียนี่เอง ในวันที่ 9 ตุลาคม ค.ศ. 1967(อายุ 39 ปี) เชได้ถูกทหารของโบลิเวียจับได้ และประหารชีวิตแบบไม่มีการไต่สวน ว่ากันว่าเบื้องหลังการจับตัวและประหารเชครั้งนี้คือ CIA



ในคิวบา เช กูวาร่า เป็นที่นับถือมาก มีการสร้างสุสานและอนุสาวรีย์เพื่อเป็นการรำลึกถึง มีมหาวิทยาลัยเป็นชื่อของเช

เช กูวาร่าไม่ใช่เพียงแค่เป็นสัญญลักษณ์ของสังคมนิยม คอมมิวนีสต์ เท่านั้น แต่ เช ยังเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้กับอำนาจของผู้ปกครองที่กดขี่ประชาชน เป็นสัญญลักษณ์ของการลุกขึ้นมาต่อสู้กับอำนาจที่เอาเปรียบในสังคม

แต่ในเมืองไทย เช กูวาร่า คือสัญญลักษณ์ท้ายสิบล้อ พอๆกับ เซอร์ปิโก้(อัล ปาชิโน่) ไม่ค่อยมีคนรู้ว่าหมอนี่คือใครแล้วทำไมมาอยู่ท้ายสิบล้อ




เครดิต

http://pantip.com/topic/32304710
แก้ไขล่าสุดโดย บุญคำ เมื่อ Thu Jul 10, 2014 21:18, ทั้งหมด 1 ครั้ง
6
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอลถ้วย ข.
Status: สะเด่าไปเลยอีน้อง
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 22 Oct 2012
ตอบ: 2299
ที่อยู่: ข้างๆหัวใจเธอ
โพสเมื่อ: Thu Jul 10, 2014 21:14
[RE: Time Line บุคคลในประวัติศาสตร์ที่มาทำเป็นภาพยนตร์]
เก้บข้อมูล
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
#23
แข้งลีกเอิง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 11 Jan 2014
ตอบ: 39776
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Jul 10, 2014 21:17
[RE: Time Line บุคคลในประวัติศาสตร์ที่มาทำเป็นภาพยนตร์]
สาระล้วนๆ !!!!!

ถ้าเป็นภาพยนต์ชอบเนื้อเรื่องของ Gladiator สุดล่ะ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

ออฟไลน์
นักบอลไทยพรีเมียร์ลีก
Status: โตเพราะกินข้าว เฒ่าเพราะอยู่นาน
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 5029
ที่อยู่: BBS PLAYPARK
โพสเมื่อ: Thu Jul 10, 2014 21:18
[RE: Time Line บุคคลในประวัติศาสตร์ที่มาทำเป็นภาพยนตร์]
NINE_FINGER พิมพ์ว่า:
เก้บข้อมูล  


ลงครบแล้ว
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอลไทยพรีเมียร์ลีก
Status: โตเพราะกินข้าว เฒ่าเพราะอยู่นาน
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 5029
ที่อยู่: BBS PLAYPARK
โพสเมื่อ: Thu Jul 10, 2014 21:20
[RE: Time Line บุคคลในประวัติศาสตร์ที่มาทำเป็นภาพยนตร์]
shinobiz13 พิมพ์ว่า:
สาระล้วนๆ !!!!!

ถ้าเป็นภาพยนต์ชอบเนื้อเรื่องของ Gladiator สุดล่ะ  


ลงครบแล้ว
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
ซุปตาร์โอลิมปิก
Status:
: 1 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 30 Jan 2010
ตอบ: 22389
ที่อยู่: BETA HOUSE
โพสเมื่อ: Thu Jul 10, 2014 21:21
[RE: Time Line บุคคลในประวัติศาสตร์ที่มาทำเป็นภาพยนตร์]
กระทู้เจ๋งมากทำซะเยอะเลย

0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
นักบอลถ้วย ข.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 22 Oct 2012
ตอบ: 6091
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Jul 10, 2014 22:49
[RE: Time Line บุคคลในประวัติศาสตร์ที่มาทำเป็นภาพยนตร์]
สารระล้วนๆ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
........................Buffon............................
Cafu Beckenbauer bobby moore Maldini
.......................Robson...........................
.......Maradona...Zidane...Ronaldinho .......
................... Pele Messi......................
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 508
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Jul 10, 2014 22:53
[RE: Time Line บุคคลในประวัติศาสตร์ที่มาทำเป็นภาพยนตร์]
แล้ว เจงกีสข่าน ไม่มีเหรอครับ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอล ดิวิชั่น 1
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 17136
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Jul 11, 2014 00:37
[RE: Time Line บุคคลในประวัติศาสตร์ที่มาทำเป็นภาพยนตร์]
GuRoCk18 พิมพ์ว่า:
แล้ว เจงกีสข่าน ไม่มีเหรอครับ  
ผมก็เลื่อนหาสองสามรอบไม่เจอ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel