ลิเวอร์พูล - เชลซี สุดสัปดาห์นี้จะเป็นแมตช์ที่กดดันสุดๆแน่นอน
เพราะหากมี3แต้มเกิดขึ้น มันจะเป็น3แต้มที่กำหนดแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลนีี้้ได้เลย
หาก3แต้มนั้นตกไปอยู่ในฝั่งสีแดง ลูกทีมของร็อดเจอรส์จะต้องการอีกเพียง4แต้มจาก2นัดสุดท้าย จะการันตีแชมป์ทันที
แต่หาก3แต้มตกไปอยู่กับมุมน้ำเงิน ทีมสีฟ้าจะขึ้นมาเป็นตัวเต็งทันที ด้วยประตูได้เสียที่ดีกว่า เปเญกรินี่ต้องชนะแมตช์ที่เหลือทั้งหมด
เพื่อเพิ่มอรรถรสในการชมนัดชิงแชมป์พรีเมียร์ลีก ผมทำรีวิวมาให้อ่านกันเพลินๆ
ครึ่งแรก
CHELSEA
- นัดนี้ต้องขอใช้คำพูดเลยว่า มูรินโย่วางแท็คติคมาทำลายเกมลิเวอร์พูลลงแบบราบคาบ
- เริ่มตั้งแต่การเล่นเกมรับตั้งแต่แดนของลิเวอร์พูล ไล่เพรสซิ่งไม่ให้ขึ้นเกมได้
- เพราะร็อดเจอรส์จะใช้รูปแบบการขึ้นเกมโดยต่อบอลหลังไปหน้าเสมอ หากขึ้นเกมไม่ได้ ก็บุกไม่ได้
- ว่ากันว่าหากลิเวอร์พูลยิงประตูได้ ซัวเรสจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
- เพราะฉะนั้นหลักการต่อมาคือ ตัดซัวเรสออกจากเกมให้ได้
- แม้จะอยู่ในแดนของลิเวอร์พูล เคฮิลยังคงต้องตามมารับผิดชอบ ไม่ให้ซัวเรสได้เล่นง่ายๆ
- จังหวะบุกของเชลซีนั้นไม่ต้องต่อกันหลายจังหวะ อาศัยบอลยาวจากหลังจังหวะเดียว
- จะเห็นว่าพื้นที่รับผิดชอบตรงนั้นมีลูคัสคนเดียว แต่มีนักเตะเชลซีถึงสามคน
- ออสก้าดึงซาโก้มาประกบ ลูคัสจ้องอยู่ที่วิลเลี่ยน ทำให้แลมพาร์ดว่างโล่งๆ
- จังหวะนี้จะเห็นว่าแนวรุกสามคนของเชลซี อาซาร์ออสก้าวิลเลี่ยน ไม่ได้ยืนกันแบบ fix ตำแหน่ง
- ทั้งสามคนจะเคลื่อนที่เข้ามาวิ่งทำทางช่วยกันตลอด ทำให้เกิดความสับสนในแนวรับของหงส์แดงว่าจะต้องประกบใคร
- เป็นอีกครั้งที่ลูคัสถูกนักเตะเชลซีถึงสองคนสอดเข้าไปในพื้นที่ของเค้าโดยที่ไม่เค้าไม่รู้ตัวเลย
- จับตาดูที่จีเจ จะเห็นว่าBRน่าจะสั่งให้ประกบแนวรุกเชลซีแบบ man-mark ทำให้วิลเลี่ยนที่เคลื่อนที่อย่างอิสระ
ดึงจีเจให้หลุดจากตำแหน่งแล้วสุดท้ายก็เป็นอาซาร์ที่เข้าไปใช้ที่ว่างตรงนั้น ยิงโล่งๆ
- การประสานงานของสามแนวรุกเชลซี ทั้งสามคนจะเข้ามาช่วยกันต่อบอลทำทางตลอด
- จับตาดูที่จีเจอีกครั้ง ออสก้าดึงจีเจให้หลุดจากตำแหน่ง แล้ววิลเลี่ยนสอดเข้าใช้ที่ว่างตรงนั้น
- นี่เป็นแท็คติคอันชาญฉลาดของมูรินโย่ในการรับมือกับการถูกประกบแบบตัว-ตัวจริงๆ
เห็นเลยว่านักเตะลิเวอร์พูลวิ่งตามสามแนวรุกเชลซีจนหลุดตำแหน่งเป็นว่าเล่น
- แมตช์นี้เป็นหนึ่งในไม่กี่เกมที่เราได้เห็นมูรินโย่ให้แบ็คทั้งสองข้างเติมขึ้นมาบ่อยๆ
- ประเด็นที่มองเห็นง่ายๆคือเพื่อสนับสนุนเกมบุก อย่างเช่นประตูขึ้นนำ2-1นี้
- แต่อีกเหตุผลหนึ่ง ก็เพื่อเพิ่มจำนวนคนที่จะใช้เพรสซิ่งในการเอาชนะแดงกลางของลิเวอร์พูล
- อย่างเช่นใน gif แรก จะเห็นว่า azpi ยืนสูงมากทีเดียว และเพรสซิ่งทันทีที่สเตอลิ่งได้บอล
LIVERPOOL
- สิ่งหนึ่งที่เชลซีจะต้องระวังให้มากๆคือลูกเซตพีซ
เพราะหงส์แดงเป็นทีมที่ทำประตูจากลูกเซตพีซได้มากที่สุดโดยยิงไปถึง24ประตู
- นอกจากนี้ลูกทีมของร็อดเจอรส์ ยังเป็นทีมที่ทำประตูจากการโต้กลับได้มากที่สุด
- โดยเฉพาะการโต้กลับโดยใช้ความเร็วของสเตอร์ลิ่ง
- นี่คือรูปแบบการเข้าทำของลิเวอร์พูลยุคร็อดเจอรส์โดยแท้
- มิดฟิวด์สองคน เฮนโด้และอัลเลนสอดขึ้นมาสนับสนุนซัวเรส แล้วใช้การทำชิ่งเร็วเข้าไป เป็นสูตรที่ลิเวอร์พูลมักใช้ตลอด
- สังเกตคู่เซ็นเตอร์ของเชลซี มัวแต่จ้องซัวเรสทั้งคู่ ไม่มีใครสนใจเฮนโด้และอัลเลนที่สอดขึ้นมาเลย
- ซัวเรสไม่ได้มีบทบาทเป็นเพียงศูนย์หน้า แต่เป็นเพลย์เมคเกอร์ด้วย
- ซัวเรสเป็นศูนย์กลางของเกมรุกลิเวอร์พูลอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะโต้กลับ สร้างสรรค์เกม หรือยิงประตู
- หลายๆครั้งจะเห็นว่าเหยินสามารถประสานงานกับสเตอร์ลิ่งได้ดีมาก มากจนผมเคยคิดว่า SAS น่าจะหมายถึงสเตอร์ลิ่งซะมากกว่า
- จะเห็นว่าโคลค่อนข้างมีปัญหาในการรับมือความสเตอร์ลิ่งมากทีเดียว
- โอกาสทำประตูของลิเวอร์พูลหลายๆครั้งก็มาจากการขึ้นเกมทางฝั่งนี้ และจะเห็นว่าเฮนโด้กับอัลเลนจะเติมขึ้นมาตลอด
- ส่วนคูตินโย่ทางฝั่งซ้ายต้องบอกว่าวันนี้น่าผิดหวัง เพราะบอลทะลุช่องแต่ละครั้งน้ำหนักไม่ดี แนวรับเชลซีดักได้ตลอด
ครึ่งหลัง
CHELSEA
- ครึ่งหลังมูรินโย่สั่งให้ลูกทีมถอยลงลึกและใช้เกมโต้กลับมากขึ้น
- การเพรสซิ่งของเชลซียังสร้างปัญหาให้ลิเวอร์พูลอย่างต่อเนื่อง
- จังหวะนี้จะเห็นว่า อาซาร์ออาก้าวิลเลี่ยน เข้ามาช่วยกันประสานงานดึงตัวประกบอีกครั้ง
- นักเตะลิเวอร์พูลเอาอาซาร์ไม่อยู่จริงๆ เกมนี้มีโอกาสเลี้ยงจี้แล้วยิงแบบนี้หลายครั้ง
- วันนี้ไม่ใช่วันที่ดีของลูคัสเท่าไหร่ โดยเฉพาะจังหวะนี้ ปล่อยให้อาซาร์เลี้ยงผ่านง่ายเกินไป
LIVERPOOL
- การเล่นลูกเซตพีซเป็นจุดแข็งของลิเวอร์พูลจริงๆ
- แม้ว่าวันนี้เชลซีจะวางแผนมารับมือกับเกมรุกหงส์แดงได้ดี แต่จังหวะแบบนี้แแหละ เป็นอีกหนึ่งทีเด็ดเลย
- ครึ่งหลังร็อดเจอรส์แก้เกมมาได้ดีขึ้น
- ครึ่งแรกจะเห็นว่า สามประสานแดนหน้าอย่างคูตินโย่ ซัวเรส สเตอร์ลิ่งยืนห่างกันมาก ทำให้ไม่สามารถประสานงานกันได้เลย
- คูตินโย่หุบเข้ากลางมาเชื่อมเกมกับคนอื่นมากขึ้น โดยให้แอ็กเกอร์เติมสูงมาที่ริมเส้นฝั่งซ้ายแทน
- หนึ่ง option เสริมของจีเจที่เห็นอยู่บ่อยๆก็คือการตัดเข้าในมายิงด้วยซ้าย
- จังหวะนี้จะเห็นเลยว่าพอจีเจหักเข้าซ้ายมา นักเตะเชลซีทุกคนหยุดเพราะคงคิดว่าแกน่าจะไปต่อไม่ได้แล้ว
สรุป
- ครึ่งแรกถึงแม้เชลซีจะโดนนำไปก่อนแต่ด้วยแท็คติคของมูรินโย่ทำให้เชลซีสามารถคุมเกมไว้ได้อย่างเด็ดขาด
- มูสั่งให้ลูกทีมเพรสซิ่งสูงตั้งแต่ปากประตูของลิเวอร์พูล กดให้สามมิดฟิวด์ของหงส์แดงต้องถอยลงไปในแดนตัวเอง
ทำให้ซัวเรสโดดเดี่ยวในแดนหน้าโดนเคฮิิลกับเทอร์รี่รุมกินโต๊ะจนแทบไม่ได้ง้างเท้ายิง
- จนในที่สุดพวกเขาก็ใช้เวลาเพียง 30นาทีในการยิงแซง 2 ประตูได้สำเร็จ
- วิธีการบุกของมูรินโย่นั้นฉลาดมาก สามแนวรุกเคลื่อนที่เข้าหากันตลอด ทำให้แนวรับหงส์แดงที่พยามจะประกบติดต้องหลุดตำแหน่งกันหลายครั้ง
- ลิเวอร์พูลถูกเพรสซิ่งจนไม่สามารถขึ้นเกมตรงกลางสนามได้อย่างที่ถนัด หลายๆครั้งจึงต้องขึ้นทางริมเส้นแทน
- แท็คติคของมูรินโย่ที่ใช้แบ็คดันสูงมาช่วยเพรสซิ่งในครึ่งแรกมีส่วนทำให้เกมของเชลซีเหนือกว่าชัดเจน
แต่ก็เป็นการเปิดพื้นที่ให้นักเตะที่มีความเร็วอย่างสเตอร์ลิ่งมีพื้นที่ในการสวนกลับหลายครั้ง
- ในแง่แท็คติคต้องบอกว่ามูรินโย่เอาชนะร็อดเจอรส์ได้ทั้งการบุกและการตั้งรับ
แต่เพราะความไม่เฉียบคมของเชลซีทำให้ลิเวอร์พูลก็มีโอกาสที่จะกลับสู่เกมได้ตลอดเหมือนกัน
*********************************************************************************
ขอบคุณทุกท่านที่อ่านจนจบ มีอะไรติชมหรือเสริมตรงไหนบอกได้เลยครับ
ขอบคุณสำหรับทุกๆแผล่บและโหวตล่วงหน้าครับ