ไม่ถึงกับแก้ปัญหาได้หมดแต่มันพอเห็นภาพอนาคตได้จากสไตล์กับแผนการเล่น ปัญหาจะไม่ถูกแก้ได้หมดภายในปีเดียว ต้องมีการโละผู้เล่นออก

คลอป แค่นัดแรกก็รู้ทรง วิ่งควาย เพลสหนักตั้งแต่นัดแรก ทรงมาดีตลอด ยิงเยอะ แต่เสียก็เยอะ เพราะหลังห่วย จนได้ vvd มาช่วง คริสมาส ก็ได้เข้าชิง UCL แต่ โกลไม่เก่งเลยไปเอาพ่อหมีมา จนได้ UCL กับ พรีเมียร์

ผมจำได้ ของคลอป แค่นัดแรก นักเตะก็วิ่งแบบ ผมเห้นก็รู้สึกว่า เห้ย เอาว่ะ

คือมันใจฟูตั้งแต่นัดแรก ตรงที่ วิ่งจนหอบแดกกันทั้งทีม และยังวิ่งมั่วๆกันอยุ่นะ แต่ไม่มีใครแบบหน้าตาสิ้นหวังท้อแท้อะไรเลย คือกุจะวิ่งและทำตามแผน

จุดเปลี่ยนจริงๆคือ หลังจากผ่านไป 4-5 เดือน นักเตะเริ่มอึด เริ่มวิ่งได้ทั้งเกมส์บ้างแล้วบางคน สู้ไม่ถอย และพอได้รูปแบบเป้นแกนหลักแล้วว่าจะเล่นแบบนี้นะ ก็หานักเตะ มาจับใส่แผน

อโมริมก็คล้ายๆกัน ยึดมั่นในรูปแบบ แต่ผมมองว่า ลองนักเตะเยอะไปหน่อย ส่วนบางคนที่ไม่ให้ลงก็คือชัดแล้วว่าจะปล่อยออกไม่ใช่งาน จึงไม่มีความจำเป้นที่จะต้องเอาลงเพื่อให้เข้าใจแผนเสียเวลา เอาตัวที่หวังว่าจะใช้งานส่งลงไปเพื่อให้เข้าใจแผนในระยะยาว ทำนองนั้น

คล็อป นัดแรกทรงบอลมาเลยครับ ไม่ต้องรอ
ข้อดีคือ นักบอลทุกคนในทีม พร้อมเล่นตามคำสั่งที่โค้ชบอก (ตอนนั้นซีเนียร์ในทีมดี เฮนโด้ กับ มิลเนอร์ คุมห้องแต่งตัวได้)

แมนยู ถ้าจะคุมห้องแต่งตัวให้ได้ ก็ต้องปล่อยแรสฟอร์ด(นี่มีอิทธิพลกับดาวรุ่งเยอะ) บรูโน่ (นักเตะขี้บ่น ท็อกซิกเยอะไปหน่อย) ปล่อยยืมกรานาโซ่ไปด้วยก้ดี ถึงจะทำให้อโมริมคุมห้องแต่งตัวและสั่งลูกทีมเด็ดขาดได้

ในฐานะแฟนหงส์ที่ดูทีมมายาวนานมาก สมัยก่อนหงส์เหมือสเปอร์สเป๊ะ เน้นซื้อนักเตะแบบหว่าน ค่าตัว 20-30 ล้านซื้อตัวส่วนใหญ่ไม่เข้าเป้า เช่น บาโล เบนเทเก้ ดาวนิ่ง มาโควิช ซื้อ 10 ถูก 2-3 คนเข้าเป้า 30%

พอซื้อตัวไม่ดี นักเตะในทีมก็ไม่เข้ากับแท็คติกไม่ดีพอกับการลุ้นแชมป์ การซื้อตัวแบบนี้เป็นตั้งแต่ยุคอีแวนส์ อุลลิเยร์ ยันร็อดเจอส์

มายุคคล็อป จำได้ว่าคล็อปพูดว่า squad ทีมไม่ต้องใหญ่มาก แต่ขอนักเตะที่คุณภาพจริงๆ เราจึงเห็นการซื้อตัวที่เปลี่ยนไปจริงๆจากสมัยก่อนซื้อที 6-7 ตัวตัวละไม่เท่าไหร่ กลายเป็นซื้อเฉลี่ยปีละ 2-3 คนที่เน้นสุดๆยอมจ่ายแพงแต่คุ้ม เลือกกันเข้มข้นโดยคล็อปกับเอียน เกรแฮม นัก data analyst หลักการคือต้องได้คนเจ๋งจริง ถ้าไม่ชัวร์ปีนั้นก็ยอมไม่ซื้อดีกว่า

ปีแรกคุมกลางฤดูกาล ไม่ซื้อเลยแต่ดูนักเตะในทีม โละพวกไม่ดีทิ้งไป ซาโก้ เบนเทเก้ บาโล

จากนั้นซื้อน้อย แต่เน้นละเอียด ได้มาเน่ ไวนาดุม มาติป ต่อมาได้ซาล่า โรเบิร์ตสัน ฟานไดซ์ อลิซง ฟาบินโญ่
ยุคเกรแฮม คล็อปซื้อไม่เยอะแต่เข้าเป้าเต็ม 10 ทุกตัว

สรุปแล้วทีมจะพลิกกลับมายิ่งใหญ่ได้ อยู่ที่การซื้อตัวที่ดี ปัจจัยสำคัญสุด

ผมว่าในทีมลิเวอร์พูลตอนนั้นไม่มีพวก toxin ในทีม ส่วนใหญ่มืออาชีพขยันวิ่ง วัฒธรรมองค์กรภายในแข็งแกร่งเรื่องสู้ตาย พวกกัปตันทีมเด่นเรื่องทุ่มเทตั้งแต่เจอร์ราดมาถึงเฮนโด้ ยุคร็อดเจอร์ก็เป็นทีมจอมเพลสซิ่งแดนบนอยู่แล้ว

ในมุมมองของผม แมนยูตอนนี้ต้องเทียบอาเตต้า เพราะอาเซนอลตอนนั้นมีพวก deadwood เต็มไปหมด ไหนจะ โอบา โอซิล และนักเตะอายุเยอะหลายต่ำแหน่ง แต่อาเตต้าฟันฝ่าวิกฤติด้วยพวกดาวรุ่งไฟแรงอย่างพวกซาก้า คือให้เด็กๆโชว์ฟอร์มตบหน้าซีเนียที่เล่นแบบซังกะตาย แล้วการเสริมทัพที่สร้างอิมแพคความกลมเกลียวอย่างแรมเดลกับแฝงหลังที่ชอบมาแทคมือสะใจเวลาสกัดได้ ในสายตาคนนอกแบบผมบรรยากาศแบบนี้คือนักเตะใส่กันเต็มที่อ่ะ

จุดเปลี่ยนหลักๆของลิเวอร์ในยุคคลอปป์ก็อย่างที่เคยบอกไปครับ

คือ ขายCoutinho แล้วซื้อ Alisson Fabinho VVD 3คนนี้คือแกนหลักในเกมรับ ที่ทำให้ได้แชมป์UCL,EPLครับ

ต้านัดแรกสำหรับผมก็เห็นแล้วว่าทีม Play เปลี่ยนไปทันที
แบบที่ตัวผมยัง งง ว่า เฮ้ย ทำได้ว่ะ แม้จะเสมอก็ตาม

เริ่มต้นด้วยการทำให้นักเตะเชื่อก่อนครับ อย่างคล๊อปมาปีแรกเข้าชิงยูโรป้า แล้วค่อยๆถ่ายๆนักเตะ มาเรื่อยๆแล้วขยายสควอชเดปด้วย ง่ายๆต้องมีผอ.กีฬาเก่ง หลังบ้านแน่นซื้อตัวไม่ค่อยพลาดอะ เป็ปก็เหมือนกันหลังบ้านแน่นซื้อตัวไม่ค่อยพลาดมีมาหลุดหลังๆนี่เอง ตอนนี้แมนยูเหมือนขาดแชมป์ใหญ่ไปนานมากอะไปUCLก็ตกรอบแรกงี้

เนี่ยก่อนเลยต้องทำอย่างแรก

พรี่ต้า

ครึ่งปีแรก (มากลางปี) จบที่แปด ได้เอฟเอ ช่วงลองทีม มีเล่นหลังสามช่วงแรกด้วย

ปีแรกเต็มๆ จบที่แปดอีก ซื้อตัวขัดใจ เกมบุกตัวยู เกมรับต่อบอลหน้าโกลแล้วพลาดมีให้เห็นบ่อยๆ

ปีที่สอง จบที่ห้า เริ่มซื้อตัวแพงแต่ขัดใจแฟนๆ ไวท์ แรมส์เดล โทมิ สามเกมแรกยิง0 แพ้รวด เก้าอี้ร้อนสุดๆ แต่ปราบสเปอร์สได้ ค่อยๆโกยแต้มจนเกือบได้ท็อป4ละ ไปพลาดช่วงท้ายโดนไก่แซง ปีนี้มีเชือดโอบาโชว์ด้วย

ปีที่สาม จบรองแชมป์ เห็นซุสกับซินออกทะเลทุกวันนี้ แต่บอกได้เลยว่าสองคนนี้เข้ามานี่แหละทำให้ทีมลุ้นแชมป์ ผมว่าปีนี้แหละเป็นรากฐานของพรี่ต้าถึงทุกวันนี้

ปีที่สี่ก็ปีที่แล้ว แพ้ซิตี้ไปนิสเดียว

ปีที่ห้าก็ปีนี้ เจ็บเยอะ เกมบุกไอเดียตันๆ

วางระบบ -> หา 11 ตัวจริง
Buy key player -> ระบบต้องการตัวไหนก็ตัวนั้น
ทดแทนตัวที่ไม่ได้ใช้ ลดบทยาทเป็นตัวหมุน 2-3 ตลาดก็ว่ากันไป

ทั้งต้าทั้งคล๊อปทำทั้งนั้น
แต่ปัจจัยสำคัญคือ “ การซื้อตัวเข้าเป้า“

หงส์ซื้อซาลาห์ มาเน่ VVD ฟีมิโน่…
ต่อยอดด้วยดิอาซ แมคเอลลิสเตอร์
โครงหลักทั้งแผงยังอยู่เลย

น่อลดวงดี ไอ่บีเกิด ซาลิบาเกิด
ซื้อปาเตย์ โอเด ไรซ์ ไอ่แข ก็คือการต่อยอด

คล๊อปใช้เวลา 3-4 ตลาด
ผลงานค่อยๆดีขึ้นเรื่อยๆอย่างเป็นรูปธรรม จนพีคและครองโลกอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง

ต้าปรับจากทีมติงต๊อง แก้ใหม่ทั้งระบบ
ทั้งคล๊อปทั้งต้าใช้เงินซื้อไม่น้อย แต่ผลงานมันจะสะท้อนทั้ง
มูลค้านักเตะใน transfer mkt และตารางคะแนน

การทำงานกันแบบบูรณาการทั้งในและนอกสนาม
ที่สำคัญ ซื้อตัวอย่าผิดบ่อย อันนี้ชีวิตเปลี่ยนของจริง

น่อล: ชาก้า ชาก้า ชาลิบา มาติน-เนลลี่ โอบา-เมยอง สมิธโรล เลโน่ ลากาแชต โอชิล คีแรน-เทียนี่ เอนเคเทีย, เอมี่-มาติเนช มุสตาฟี่


หงส์: คูตี้ ฟีโน่ แฮนเดอสัน ลัลลาน่า โจ-โกเมช มินยอเร่ สเตอริด เทพกี้ เอมเร่-ชาน ลอฟเรน ชาโก้ บาโล

มรดก: วัดจากชื่อชั้น น่อลดีกว่าเยอะอยู่, วัดจากฟอร์มตอนที่ทั้งคู่ดจ้าม่ น่อลดีกว่าหน่อยนึง

3 คนทีมีส่วนให้คลอปป์บินสูง คือ ไมเคิล เอ็ดเวิร์ด เอียนเกรแฮม และ jk การทำงานของสามคนนี้มันลงตัวสุดๆ

ทั้งเอ็ดกับเอียนมีดาต้าที่แน่น มีข้อมูลในมือเยอะ ซึ่งใช้ money ball ในฉบับที่พัฒนาแล้วหลังจากเละไม่เป็นท่าในยุค รอดเจอร์

คือเลิกซื้อหว่าน ซื้อเจาะ ทำงานร่วมกับโค้ช มีแพลน A B C ใช้สถิติเป็นตัวช่วย และวิเคราะห์นิสัย ทักษะต่างๆ ร่วมกันกับคลอปป์

มาเน่ ไวนัลดุม โรเบิร์ตสัน คือซื้อจากการวิเคราะห์มาทั้งนั้น ซึ่งบางทีก็ไม่ได้เห็นตรงกันทุกครั้ง คลอปป์อยากได้เกิตเซ่ แต่ไม่มา ไปเอาเน่มาแทน อยากได้จูเลี่ยน บรันด์ ได้ซาล่าห์

แต่ถ้าถามว่ามีซื้อพลาดมั้ย มี ทั้งคาริอุส ที่แตกสลายตั้งแต่นัดชิง ucl นาบี พรีออเดอร์ ที่รอเป็นปีจะเอาให้ได้ สุดท้ายเป็นผอ.โรงบาล
แต่ถามว่ามันห่วยมั้ย มันไม่ได้ห่วยขนาดนั้นแต่มันไม่ถึงระดับที่คาดหวัง อ็อกเหล็ก ที่ตั้งแต่เข่าพังกลับมาก็ไม่เหมือนเดิมอีกเลย

และล่าสุดมีบักหนูนที่กำลังจะก้าวเข้าไปอยู่ในลิสต์

ไม่พูดเรื่องแทคติกละกัน แต่ขอดูตอนจัดการกับผู้เล่น

ตอนคล็อปป์มายังไม่ได้จัดการผู้เล่นอะไรเท่าไหร่หรอก แต่พอจบซีซั่นไปปล่อยพวกไม่มีวินัย ไม่เข้าแผนออกไปเลย

รอดูพี่ริมจะปล่อยแรชออกไปมั้ย ถ้าไม่ปล่อยก็รอเป็นศพต่อไปได้เลย ตอนนี้เหมือนแรชเป็นมะเร็งของทีมละ

แก้นิดนึง Kkopp เข้ามาเพียงแค่ 2 ปีกว่า ๆ จบรองแชมป์ UCL เลยในปี 18

หรือถ้าเรานับฤดูกาลแรกที่เข้ามากลางครรภ์แบบเต็ม ๆ
จบปีที่ 4 แกยกถ้วยหูใหญ่ และพรีเมียร์ลีกส์ในปีที่ 5 ครับ