(อุทาหรณ์) พ่อสงสัยลูกแรกเกิดไม่มีคิ้ว พบโรงพยาบาลสลับตัวเด็ก..
โรงพยาบาลชุ่ย สลับตัวเด็กแรกเกิด ส่งกลับบ้าน พ่อถ่ายรูปไว้ทุกวันสงสัย ทำไมลูกตัวเองไม่มีคิ้ว ชี้ถ้าไม่เอะใจลูกคงไปอยู่พม่าแล้ว ขอให้ รพ.รับผิดชอบ 2 แสน ได้รับคำตอบ ต้องไปเรี่ยไรเงินมาให้ก่อน ไม่รับปากจะได้หรือไม่
วันที่ 16 กันยายน ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ชื่อ คุณอนุชา (สงวนนามสกุล) ได้โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ภรรยาไปคลอดลูกที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง แล้วปรากฏว่า ตอนลูกกลับบ้าน โรงพยาบาลสลับเอาตัวเด็กอีกคนหนึ่งที่ไม่ใช่ลูกของตัวเองกลับบ้าน ซึ่งรายละเอียดมีดังต่อไปนี้
#เหตุการณ์เด็กแรกเกิดสลับตัวกัน!!!
ลูกสาวผมเกิดวันที่ 11/8/67 น้องหายใจเร็วเลยต้องแยกห้องกับแม่..แม่นอนห้องพักฟื้น ลูกนอนห้องอภิบาลแล้วต้องมีการให้ยาฆ่าเชื้อ 7 วันโรงบาลให้เยี่ยมได้
18:30-20:00 น. ผมกับแฟนก็ไปเยี่ยมตั้งแต่วันที่ 12 ในห้องอภิบาลเขาห้ามถ่ายรูปแต่ผมก็แอบถ่ายลูกผมไว้ทุกวันไว้ส่งให้แม่ผมดู ส่งให้ญาติๆ ผมตามปกติ
วันที่ 13-14-15-16 ผมก็ไปเยี่ยมปกติผมก็แอบถ่ายรูปลูกผมไว้ทุกวันพอวันที่ 17 ก็ไปเยี่ยมหน้าลูกผมเปลี่ยนจากผมยาวก็สั้น
..จากมีคิ้วคิ้วก็หายป้ายชื่อที่ข้อมือซ้ายกับขาขวาก็หายเสื้อผ้าผ้าขนหนูก็ไม่ใช่ของลูก
ผมสอบถามพยาบาลก็ตอบว่าป้ายชื่อหายไปไหนครับเขาบอกว่าอาจหายตอนอาบน้ำแล้วเสื้อผ้าในกล่องอ่ะครับอาจจะสลับกันได้ตอนแรกกะว่าจะเดินดูเด็กทุกคนแต่มีเด็กข้างๆ มีการเอกซเรย์เลยต้องออกจากห้องก่อนแล้ว
วันที่ 18 ลูกผมครบกำหนดให้ยาฆ่าเชื้อก็กลับบ้านก็ไปรับกลับบ้านผมมองลูกที่ได้กลับมาบ้านมองยังไงก็ไม่ใช่ลูกผมสับสนกับตัวเองว่าใช่หรือไม่ใช่ดูรูปที่ถ่ายใว้กับตัวจริงตลอด
จนวันจันทร์ผมได้โทรไปสอบถามโรงบาลอีกทีว่า..ผมสงสัยว่าไม่ใช่ลูกผม..ผมช่วยให้โรงบาลการันตีหรือพูดให้ผมสบายใจหน่อยได้ไหมว่าคนนี้เป็นลูกผม..
เขาก็บอกว่าลูกของคุณพ่อไม่เหมือนเด็กคนอื่นลูกคุณพ่อต้องให้ยา 7 วันที่ข้อมือจะมีรอยช้ำจากการถูกเจาะเลือดมันก็มีจริง
ผมก็ถามไปอีกว่าแล้วทำไมผมสั้นลงคิ้วหายไป..เขาก็บอกว่าเด็กหน้าเปลี่ยนทุกวันจนคืนวันอังคารผมทนไม่ไหวเลยโพสต์ลงในกลุ่มข่าวกระทุ่มแบนให้เพื่อนๆ ดูว่าเด็กในรูปคนเดียวกันไหม
..ส่วนใหญ่บอกว่าคนละคนแนะนำให้ไปโรงบาลไปตรวจ DNA รวมกับในใจก็คิดว่าคนละคน
Spoil
เช้าวันพุธที่ 21/8/67 จึงรีบพาลูกกับแฟนไปโรงบาลเพื่อตรวจสอบแล้วก็เล่าเหตุการณ์ให้พยาบาลฟังทั้งหมด..แล้วก็เริ่มการเจาะเลือดผมแฟนผมแล้วก็เด็กที่ผมนำกลับบ้านไป
วันที่ 18/8/67.. ผลออกมาคือเด็กกรุ๊ป B ผมกรุ๊ป AB แฟนผมกรุ๊ป A
ผมโกรธและโมโหมากเสียใจมากสงสารลูกผมมาก
แล้วรอง ผอ.ก็มาคุย..ผมบอกทำยังไงก็ได้ผมขอเจอลูกผมตัวจริงวันนี้คือวันที่ 21/8/67 ทางโรงบาลก็หามาจนเจอก็มีการเจาะเลือดทั้งสองครอบครัว ครอบครัวเขา B ทั้งบ้าน
ส่วนลูกผม AB แล้วผมได้คุยกับอีกครอบครัวนั้นเขาบอกว่าน่าจะสลับวันเสาร์เพราะเขาก็ว่าอยู่ทำไมลูกเขามีคิ้วทั้งที่ตอนแรกไม่มี ครอบครัวนั้นเป็นพม่านะครับ
ลูกผมถูกให้ยาฆ่าเชื้อเกินลูกพม่าถูกให้ยาฆ่าเชื้อขาดกำหนดคือต้อง 7 วันตามที่พยาบาลบอกผม วันแรกที่ลูกผมแยกห้องกับแม่เขาแล้วก็ไม่รู้ว่าจะมีผลอะไรไหม ตอนนี้ที่ทางโรงบาลรับผิดชอบคือเจาะเลือดให้ฟรีแล้วก็พาไปตรวจ DNA ที่โรงบาลรามา
ตอนนี้รอผล DNA แล้วจะนัดไกล่เกลี่ยกันอีกทีครอบครัวเราควรทำยังไงดี
#เสียใจมากๆถ้าเราไม่มีหลักฐานรูปถ่ายเราคงเลี้ยงลูกคนอื่นไปจนโตไปแล้ว..รอการอัปเดตอีกครั้งหลังจากผล DNAออกจะมาเล่าให้ฟังว่าทางโรงบาลเขารับผิดชอบอย่างไรบ้างนะครับ
#อัปเดตล่าสุด 15/9/67 ผล DNA ออกแล้ว ผมได้ไปคุยกับทางโรงบาลมาแล้ว
ในวันศุกร์ที่ 13/9/67 ผลก็เป็นไปตามนั้น
เด็กสลับตัวกันจริง
ทางโรงบาลจึงรับผิดชอบโดยให้สิทธิรักษาลูกผมฟรีแบบพิเศษ
แบบพิเศษที่เขาว่าคือไม่ต้องต่อคิว
ถ้าจะไปให้โทรไปบอกเขาว่าเป็นไรเขาจะเตรียมทำเอกสารไว้ให้จนน้องอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ครับแค่นั้น
..ผมจึงขอค่าเยียวยาจิตใจไปสองแสนบาท
โดยแบ่งให้บ้านของพม่าด้วยหนึ่งแสนบาท
..โดยสองครอบครัวไม่ได้เข้าไปคุยพร้อมกันนะครับคุยคนละวันแต่ที่หมอบอกเขาจะให้สิทธิเหมือนกันครับทั้งสองครอบครัว
..โดยทางโรงบาลบอกว่ารักษาฟรีทำได้เลยทันทีส่วนเงินเขาให้รอไปอีก 2 อาทิตย์ แต่ไม่รับปากนะว่าจะได้ครบไหมอาจจะครบหรือไม่ครบ เขาจะไปลงขันรับบริจาคกันก่อน
..มีแบบนี้ด้วยเหรอครับ??
ไม่เป็นไรรอก็รอครับเรื่องแบบนี้ทางโรงบาลน่าจะทำให้จบให้เร็วที่สุดไม่น่าปล่อยเวลาให้มันนานเดี๋ยวมันจะเป็นเรื่องใหญ่
ฝากด้วยครับเพื่อนๆ ทำไรอย่าประมาททำไรควรมีหลักฐานยืนยันในกรณีนี้ถ้าผมไม่มีหลักฐานยืนยันจบครับลูกผมไปอยู่พม่าแล้ว!!!
#ผมมาโพสต์เป็นกรณีศึกษาไว้นะครับ
ที่มา https://www.matichon.co.th/local/news_4793145
::ล่าสุด รพ.ได้ออกมาแถลงว่า
รพ.กระทุ่มแบน ยอมรับผิด ‘สลับตัวเด็กทารก’ คาด ช่วงดูแลให้น้ำเกลือ-การอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเด็กอ่อน ต้องตัดสายรัดข้อมือออก อาจเกิดผิดพลาด พร้อมเยียวยาทุกกรณี ตามข้อเรียกร้องของทั้ง 2 ครอบครัว
วันที่ 16 กันยายน 67 ที่โรงพยาบาลกระทุ่มแบน อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร นายแพทย์สุรวิทย์ ศักดานุภาพ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร (สสจ.) พร้อมด้วย นายแพทย์ธรรมวิทย์ เกื้อกูลเกียรติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกระทุ่มแบน รองผู้อำนวยการ และหัวหน้าฝ่ายการพยาบาล ได้ร่วมกันให้ข้อมูลพร้อมชี้แจงเหตุ ‘สลับตัวเด็กทารก’ ตามที่พ่อของเด็กได้โพสต์ลงในกลุ่ ข่าวกระทุ่มแบนก่อนหน้านี้ ตามที่มีการเสนอข่าวออกไปนั้น
Spoil
นายแพทย์สุรวิทย์ ศักดานุภาพ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเหตุผิดพลาดที่เกิดขึ้นจริง จากการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลกระทุ่มแบน ซึ่งทางโรงพยาบาลกระทุ่มแบนได้ยอมรับผิด และขอแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด โดยก่อนหน้านี้ก็ได้มีการพูดคุยกับพ่อของเด็กที่เป็นคนไทยไปแล้วครั้งหนึ่ง และยังได้นัดทั้ง 2 ครอบครัว มาเจรจาถึงความชัดเจนกันอีกครั้งเกี่ยวกับการเยียวยาทั้งหมดตามที่ร้องขอมา
นายแพทย์สุรวิทย์ กล่าวว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อประมาณกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งเด็กแรกเกิดทั้ง 2 ราย เป็นบุตรของครอบครัวคนไทย กับคนต่างด้าว(เมียนมา) และเด็กทั้ง 2 รายมีอาการเจ็บป่วยต้องสงสัยว่าจะติดเชื้อฯ จึงได้รับไว้ในตึกผู้ป่วยที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ช่วงที่ทำการรักษามีเด็กที่ป่วยทั้งหมดกว่า 10 ราย
ส่วนเหตุที่เกิดการสลับตัว จากการสอบถามผู้ดูแลเด็กและหัวหน้าตึก พอสรุปได้ว่า เด็กทั้ง 2 รายมีอาการติดเชื้อและจำเป็นต้องให้การรักษาด้วยยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือด กับให้น้ำเกลือ ดังนั้น ช่วงที่มีการดูแลด้วยหัตถการ ทั้งการให้น้ำเกลือและการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้กับเด็กอ่อน จึงต้องมีการตัดสายรัดข้อมือออก และนี่เองอาจจะทำให้เกิดความผิดพลาดขึ้น จนนำมาสู่การสลับตัวเด็ก
ทั้งนี้ ภายหลังโรงพยาบาลรับทราบข้อมูลจากบิดาของเด็กไทย และร้องขอให้มีการตรวจ DNA เด็ก ทางโรงพยาบาลฯ ก็ดำเนินการให้ทันที ซึ่งผลที่ออกมาครั้งแรกเป็นไปตามที่พ่อเด็กไทยสงสัย คือ มีการสลับตัวเด็กเกิดขึ้นจริง จากนั้นก็ได้มีการตามหาตัวเด็กทารกที่สลับกันพบ และส่งคืนให้พ่อ-แม่ตัวจริง อีกทั้งยังได้มีการส่งไปตรวจ DNA ซ้ำ เพื่อยืนยันความชัดเจนอีกครั้งที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ซึ่งผลก็ออกมาเป็นการยืนยันว่ามีการสลับตัวเด็กจริงๆ และเป็นความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากทางโรงพยาบาลกระทุ่มแบน
พร้อมกันนี้ ทางโรงพยาบาลยินดีที่จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นทั้งหมด รวมถึงการเยียวยาดูแลรักษาให้บริการทางการแพทย์ในระยะยาวแก่เด็กทั้ง 2 คน อย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกัน นอกจากนี้ยังพร้อมที่มอบเงินเพื่อเยียวยาตามที่ทางผู้ปกครองของเด็กไทยได้มีการร้องขอมาด้วย ซึ่งก็จะได้มีการนัดหมายทั้ง 2 ครอบครัวมาชี้แจงทำความเข้าใจที่ชัดเจนกันต่อไป
นายแพทย์สุรวิทย์ กล่าวด้วยว่า ความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ทางโรงพยาบาลได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง และได้มีการทบทวนมาตรการและกำหนดแนวทางในการเพิ่มความปลอดภัยแก่เด็กทารก ซึ่งมาตรการป้องกันด้วยการใช้สายรัดเพียงอย่างเดียว คงไม่พอ จะต้องมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดเพิ่ม และสามารถตรวจสอบได้ทุกมุม รวมถึงยังได้เน้นย้ำกับเจ้าหน้าที่เอง ก็ต้องมีความรอบคอบรัดกุมในการดูแลแยกแยะเด็กแรกเกิดให้มากกว่านี้ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำได้อีก
cr.สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว