ขณะนี้อินเดียยังมีความสามารถแบบก้าวกระโดด ที่มีทั้งยิ่งใหญ่กว้างขวางและเข้มแข็งทั้งทางด้านเศรษฐกิจ ด้านการเมือง ด้านการทหาร ด้านวัฒนธรรม และด้านจำนวนประชากร!!!

นับตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน ค.ศ.2023 ที่เพิ่งผ่านมานี้ปรากฏว่า อินเดียมีจำนวนประชากรมากที่สุดในโลก โดยมีมากกว่าหนึ่งพันสี่ร้อยล้านคนเลยทีเดียว

สำหรับความฉลาดหลักแหลมทางด้านการต่างประเทศของอินเดียก็ไม่เป็นสองรองใคร สืบเนื่องมาจากการที่ “นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี” ยึดเหนี่ยวในหลักยืนหนึ่งด้านความเป็นกลางไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และการที่อินเดียรักษาความเป็นกลางเอาไว้เยี่ยงนี้ จึงมีผลทำให้นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ได้รับความนิยมสูงที่สุดในโลกถึง 78%

ส่วนในการที่อินเดียสามารถวางตัวเป็นสายกลางเชื่อมความสัมพันธ์อย่างเป็นอันดีระหว่างการเมืองสองขั้วใหญ่ของโลก ซึ่งนั่นก็คือ “ฝ่ายขั้วตะวันตก” ที่นำโดยสหรัฐฯและ “ขั้วทางซีกฝั่งตะวันออก” ที่นำโดยประเทศจีน

ส่วนประเด็นใหญ่ๆอยู่ที่ว่า อินเดียจะกลายเป็นประเทศมหาอำนาจระดับโลกรายต่อไปหรือไม่นั้น? เท่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ปรากฏให้เห็นว่า อัตราการเกิดของเด็กอินเดียมีเพิ่มสูงขึ้นเกือบสองเท่าตัวของจีน

ส่วนในด้านการเติบโตทางเศรษฐกิจของอินเดียปรากฏว่าในช่วงสองปีที่ผ่านมา มีการเติบโตทางเศรษฐกิจด้านจีดีพีอยู่ที่ 6.1% โดยจีนมีการเติบโตเพียงแค่ 4.5% (ข้อมูลจาก Foreign Affairs เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2023)

และหากว่าอินเดียสามารถจะแก้ไขปัญหาด้านความยากจนให้สงบลงได้ โอกาสที่อินเดียจะก้าวขึ้นเป็นมหาอำนาจด้านการผลิตอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็มีความเป็นไปได้สูง!!!

อีกทั้งขณะนี้ธนาคารโลกได้ออกมาบ่งชี้ว่า ในแง่ความเท่าเทียมของอำนาจทางการซื้อ อินเดียอยู่ในอันดับสามของโลก

อนึ่งการที่จีนมีความแข็งแกร่งด้านการผลิตและด้านโครงสร้างพื้นฐานก็ตาม แต่ขณะนี้ดูเหมือนว่าอินเดียก็มีความแข็งแกร่งทางด้านบริการและทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศแบบไม่น้อยหน้า

โดยขณะนี้ทั้งสองประเทศต่างกระหายต้องการที่จะเพิ่มพูนทรัพยากรธรรมชาติ อาทิเช่น น้ำมันเชื้อเพลิง ถ่านหิน และแร่เหล็กให้แก่ประเทศของตนทวีคูณมากยิ่งๆขึ้น ซึ่งทั้งสองประเทศต่างกำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือด



ณ ตอนนี้หลายคนมองว่า อินเดียยังติดระบบวรรณะ ก็จริง แต่ตอนนี้โรงงานอุตสาหกรรมทั่วโลกกำลังไปลงที่อินเดียแทนที่จีน ซึ่งกว่าที่จีนจะยิ่งใหญ่แบบนี้ ก็ใช่เวลา ตั้งแต่ เติ้ง เสี่ยวผิง ปฏิรูปประเทศในปี 1978 ซึ่งใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ชั่วคน แล้วใช่เวลาเกือบ 30 ปี ที่ทำให้ จีน เป็นมหาอำนาจเศรษฐกิจอันดับ 2 รองจากอเมริกา ซึ่งในอนาคตอาจจะแซงได้ ถึงแม้เศรษฐกิจจีนจะย่ำแย่อยู่ แต่ GDP จีนก็เติบโตอยู่ แต่อาจจะค่อยๆชะลอตัวไปเรื่อยๆ อาจจะแซงอเมริกาช้าลง แต่ของอินเดียอาจจะนานหน่อย เพราะทรัพยากรไม่ได้มีมากเหมือนจีน กับ อาจจะมีผลติดระบบวรรณะอยู่ แต่ยังไงก็อย่าดูถูกอินเดียมาก ยิ่งถ้าอินเดียสามารถปฏิรูปให้คนอยู่ในวงการศึกษาได้แบบจีน มีความรู้มากขึ้น สิ่งที่ตามมาคือคุณภาพของประชากร ซึ่งจะส่งผลต่อภาคการผลิตในอุตสาหกรรม แบบจีน

อินเดีย ปีนี้เป็นประเทศที่มี GDP ขยายตัวมากที่สุดแซงจีนไปแล้ว จีนโต 4.5% ว่าเยอะแล้ว แต่ อินเดีย โตถึง 6.1% ซึ่งอินเดียกับจีนมีอาวุธในการขยายเป็นมหาอำนาจเหมือนกัน 3 อย่าง คือ 1.ประชากรมากมายมหาศาล 2.ประเทศใหญ่มากทั้งคู่ 3.เมื่อประชากรเริ่มมีเงินเยอะขึ้นสิ่งที่ตามมาคือ คุณภาพชีวิต เริ่มช่วยกันผลิตภัณฑ์มากมายมากขึ้น กับ บริโภคอาหารมากขึ้น

ส่วนอินเดียจะเสียเปรียบจีนตรงที่ อินเดียประเทศเล็กกว่าจีนเกินครึ่งหนึ่ง ถึงอินเดียจะยังเป็นประเทศที่ใหญ่มากอยู่ก็ตาม แต่อีกครึ่งหนึ่งของจีนนั้นเป็นทะเลทราย ที่มีแร่ที่ใช้ทำชิป ทำแบตเตอรี่รถไฟฟ้า อินเดียไม่มีเหมือนจีน

อินเดียไม่ได้จะเป็นมหาอำนาจแทนที่จีน แต่เป็นมหาอำนาจต่อจากจีนมากกว่า อนาคตอินเดียจะมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่กว่าอเมริกาได้แน่ ถ้าโตขึ้นเรื่อยๆแบบนี้ แต่ไม่อยากให้อินเดียเติบโตมากไปเท่าไหร่ เนื่องจากจะมีชาติมหาอำนาจ ใกล้ไทย 2 ประเทศละ คราวนี้จะมีการบังคับให้เลือกข้างมากขึ้นในอนาคต ซึ่งไม่รวมทั้งอเมริกาที่เป็นมหาอำนาจไกลบ้าน ที่เราต้องคอยไว้คานอำนาจจีน ที่พยายามมีอิทธิพลต่อเรามากขึ้นไปทุกวัน

ระบบวรรณะยังคงเป็นจุดอ่อน ประชากรเยอะแต่การศึกษาสู้ไม่ได้เลย

ไทยก็วรรณะครับ

ร่วมกันเป็น จินเดีย และกลายมาเป็นมหาอำนาจ

ถ้าตามศักยภาพตัวเอง ได้แค่ที่เป็นอยู่ แต่ถ้าฝรั่งหนุนหลังดันเต็มที่ ก็เป็นไปได้ แต่ทรัพยากรอินเดียน้อยกว่าจีนเยอะ ถ่านหิน เหล็ก สินค้าส่งออกสำคัญ ก็น้อยกว่าจีน ได้เปรียบแค่จำนวนคน ชึ่งเกินครึ่งเป็นพวกยากจน พวกที่มีโอกาสก็ย้ายไปตปท สมองไหลกัน ในประเทศเหลือแต่พวกประมาณนี้ ก็ยากอยู่

จีนไม่มีระบบวรรณะ แต่ในอดีตจีนประเทศกว้างใหญ่มหาศาล ก็สามารถทำให้คนจากชนบท เข้าถึงการศึกษาได้ แต่ของอินเดียยากกว่าจีนก็จริง เพราะไม่มีแร่ธาตุใต้ดินแบบจีนในฝั่งตะวันตกประเทศจีนที่เป็นทะเลทรายออย่างทำชิปกับแบตรถยนต์ รวมทั้งเป็นคอมมิวนิสต์จึงบังคับใช้เลย แต่อินเดียก็น่าจะทำได้ละ ในเมื่อประชากรเยอะ สิ่งที่ตามมาคือ อาจจะมีเพชรในตมที่มากเหมือนกัน ถึงจะเป็นส่วนน้อยก็ตาม อินเดียเริ่มเข้าหาตะวันตกมากขึ้น รวมทั้งแรงงานในอินเดียที่ยังไม่มีงานอีกมากมาย จึงอาจจะพยายามดึงเข้ามารับการศึกษา ได้ แต่อาจใช้เวลานานกว่าจีน แล้วอำนาจต่อรองคงสู้จีนไม่ได้ละ เพราะใต้ดินอินเดียไม่ได้มีทรัพยากรแร่ที่โลกต้องการมากเหมือนจีน

ใช้คำว่าเฉพาะกลุ่ม

ไทยแค่แบ่งชนชั้นครับ(ซึ่งทั่วโลกก็เป็น) แต่แบ่งวรรณะนี่หนักกว่าเยอะมากๆ

ถ้าคุณเกิดเป็นจัณฑาล คุณจะไม่มีสิทธิ์ทำงานอะไรได้เลย แม้แต่ล้างส้วม เก็บขยะ กวาดถนน

เป็นได้แค่ขอทาน ขอเศษเงิน เศษข้าวกินไปวันๆเท่านั้น การศึกษาไม่ต้องพูดถึง

ชนะแน่นอนครับ ตอนนี้จีนติดกับดักแบบที่ญี่ปุ่นเคยเจอคือเรื่องของประชากรที่จะค่อยๆ decline ลง อีกเรื่องคือระบบเศรษฐกิจแบบคอมมิวนิสต์เนี่ยพอถึงจุดนึงมันไม่ได้มี drive มากพอให้ทำอะไรใหม่ๆเพราะเดี๋ยวรัฐก็เข้ามาคุม เลยแบบเออจะทำไปทำไม แต่กับอินเดียผมว่าประเทศนี้น่าสนมาก ประชากรเพิ่มขึ้น เก่งด้านเทคโนโลยีจัดๆ ด้าน stem ผมว่าอินเดียนี่หนึ่งในประเทศเทพเลย วิชาอะไรที่คุณไม่เข้าใจคุณลองเสิจในยูทูปแล้วต่อท้ายด้วยอินเดีย จะเจอหมด

สำหรับผมจีนคือประเทศที่โดน overrated ไปเยอะ คหสต ครับ

เจอ สตรีทฟู้ด อินเดีย หน่อย

ลึกๆ จีนก็กลัวอินเดียเหมือนกันนะ ที่ผ่านมาก็ร่วมเป็น BRICS เอาไว้สู้กับเมกาเฉยๆ

พวกอินเดียนี่เทพวิศวะ เทคโนโลยีเลยนิ แถมแรงงานอายุน้อยก็ยังเยอะอีก อนาคตคงมาแน่