เอเชียหมดสภาพอีกทีม “สิงโต” สอนบอลครึ่งโหล
ทันทีที่ จู้ด เบลลิ่งแฮม เบิกสกอร์แรกในนาที 35 เกมที่เล่นๆหยุดๆตลอดเวลากลายสภาพเป็นบอลคนละชั้นก่อน อังกฤษ เปิดสนามต้อน อิหร่าน ขี้กระจาย 6-2
วิธีการเล่นของทีมที่เป็นรองหลักๆเลยถ้าไม่เลือก “อุด” ก็ตัดไฟต้นลมไปเลยคือตามบี้เป็นเงาเพื่อให้อีกฝ่ายทำอะไรกับบอลไม่ได้ (นอกจากหันหลังเล่นอย่างเดียว)
วิธีหลังไม่ใช่อยู่ดีๆอยากจะเล่นก็เล่น คุณต้องมีนักเตะที่รู้เท่าทัน, เร็วพอและแกร่งพอซึ่งอย่างที่เราเห็นไปแล้วว่าทีมอย่าง กาตาร์ ทำอะไรแบบนั้นไม่ได้
แท็คติกส์นี้ของ คาร์ลอส เคยรอซ ตอบโจทย์อยู่ 35 นาที เตะหวดทำฟาว์ลตามหยุดแทบทุกจังหวะแต่จู่ๆมาออกลูกเหม่อปล่อยให้ เบลลิ่งแฮม เทคโหม่งโดยไม่มีใครขึ้นประกบซะงั้น
พอเครื่องช็อตบทส่งโหดร้ายจริงๆเพราะประตูแต่ละลูกโดนง่ายเหลือเกิน
พูดก็พูดนักเตะ “สิงโตคำราม” เจอการเข้าบอลและตามติดเป็นเงาในพรีเมียร์ลีกหนักกว่านี้หลายเท่า
พอแข้ง อิหร่าน ต้องแบ่งพาร์ทิชั่นเพื่อที่จะทวงประตูคืน, space ความห่างในการเล่นเกมรับจึงไม่มีทางเหมือนตอน 0-0
ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจที่ แฮร์รี่ เคน จะเอาตัวรอดกับการล้วงบอลต่ำสร้างพื้นที่ว่างให้เพื่อนร่วมทีมก่อนรับบท “พี่นีมีแต่ให้” จัดไป 2 แอสซิสต์
ลูกเปิดให้ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ยิง 3-0 เคน ไม่ได้เงยหน้ามองเลยด้วยซ้ำแค่ใช้เส้นเขตโทษ (ที่กระชากผ่าน) เป็นพิมพ์เขียวรู้ว่าควรต้องกดปุ่ม O กี่หลอดหรือองศาจอยอยู่ตรงไหน
ซึ่งนักบอลเขาจะรู้กันว่าระยะ 6 หลาคือ meeting point บอลผ่านมาเมื่อไหร่ถ้าวิ่งจังหวะพอดีใส่สกอร์ได้เลย
“สิงโตคำราม” ออกตัว dream start เอาชนะเกมเปิดสนามที่เขาว่ากันว่าเล่นยากเสมอเนื่องจากไม่มีใครอยากเป็นผู้แพ้ในเกมเปิดหัว
บอลโลก 2 วันแรกเราเห็นอย่างกันชัดเจนว่าตัวแทน เอเชีย 2 ทีมทั้ง กาตาร์ และ อิหร่าน ยังห่างชั้นกับทีมยุโรปและอเมริกาใต้เยอะมาก (ไทยเราไม่ต้องพูดถึงนะว่าต่ำเตี้ยเรี่ยดินแค่ไหน)
ในเคสของ อิหร่าน ผมยังมองว่าแม้โดนยิงมากกว่า “เจ้าภาพ” แต่ทรงบอลแข็งกว่าเห็นๆ มีหือมีอือชวนทะเลาะเป็นพักๆแต่มาโดนจังหวะบอลไหลเพราะเกมเปิดมากกว่า
อย่างไรก็ตามพูดถึงตรงนี้ได้แต่ถอนใจเพราะบอลโลก 2026 จะเป็นหนแรกที่เพิ่มเป็น 48 ทีม มันจะมีบอลห่างชั้นอีกหลายคู่ที่เตะแล้วให้อารมณ์เหมือนดูรอบคัดเลือก
มาถึง ณ จุดนี้คนแก่อย่างผมอยู่ดีๆก็รู้สึกคิดถึงทัวร์นาเมนท์ยูโร 88 ทีมีแค่ 8 ทีมแบ่ง 2 สายวัดกันเข้มๆไปเลยหรือฟุตบอลโลกที่ผมยังเชื่อว่า 32 ทีมเป็นตัวเลขที่เพอร์เฟคสุดแล้ว
เมื่อปริมาณมีมากกว่าคุณภาพสิ่งที่ตามมาคือคุณค่าของมันย่อมลดลง แม้ในแง่ของนักกีฬาการเถลิงแชมป์บอลโลกยังคงเป็นที่สุดเช่นเดิมไม่ว่าจะมีกี่ทีม
แต่สำหรับแฟนบอลแล้วมนต์เสนห์และความขลังมันไม่เหมือนเดิมแล้วครับ...
สถิติ สถิติ สถิติ
อังกฤษ ทำสถิติยิงประตูมากที่สุดในนัดเปิดสนามในรายการเมเจอร์ (ฟุตบอลโลก/ยูโร) และเป็นเพียงหนที่ 2 เท่านั้นที่พวกเขายิงได้ถึง 6 ลูกในทัวร์นาเมนท์ใหญ่โดยครั้งแรกกดใส่ ปานามา ในบอลโลก 2018 (6-1)
ประตูที่ 6 ของ แจ็ค กรีลิช มาจากการต่อบอลมากถึง 35 ครั้งเป็นการผ่านบอลมากที่สุดก่อนยิงประตูในฟุตบอลโลก (นับตั้งแต่มีการเก็บสถิติครั้งแรกในปี 1966)
แกเรธ เซาธเกท พาทีมชาติ อังกฤษ ชนะในทัวนาเมนท์ใหญ่ (บอลโลก/ยูโร) มากกว่ากุนซือ “ผู้ดี” คนไหนๆ (ชนะ 9) แซงหน้า อัลฟ์ แรมซี่ ทำไว้ 8
จากการที่ จูีด เบลลิงแฮม (19 ปี) และ บูกาโย่ ซาก้า (21 ปี) ยิงประตูในเกมนี้ทำให้ อังกฤษ มีนักเตะอายุ 21 ปี (หรือน้อยกว่า) ควงแขนยิงได้พร้อมกันเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลกของพวกเขาเลยทีเดียว
จู้ด เป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดอันดับ 2 ที่ยิงประตูให้ อังกฤษ ในฟุตบอลโลก (19 ปี 145 วัน) โดยแชมป์เก่าเป็นรุ่นน้าอย่าง ไมเคิ่ล โอเว่น ที่ทำสถิติไว้ในบอลโลกปี 1998 (18 ปี 190 วัน)
มาร์คัส แรชฟอร์ด ใช้เวลาเพียง 49 วินาทียิงประตูหลังถูกส่งลงสนาม เป็นตังสำรองที่ยิงไวที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก
“สิงโตคำราม” จ่ายบอลสำเร็จในครึ่งแรกถึง 366 ครั้ง รั้งอันดับ 2 กับสถิติการจ่ายบอลมากที่สุดในครึ่งแรกในฟุตบอลโลกนับตั้งแต่ปี 1966 โดย สเปน พบ รัสเซีย เมื่อปี 2018 (395) ยังครองอันดับ 1 อยู่เช่นเดิม
ส่วน อิหร่าน จ่ายบอลสำเร็จในครึ่งแรกเพียงแค่ 46 ครั้งและเป็นทีมที่ผ่านบอลน้อยที่สุดในครึ่งแรกนับตั้งแต่ปี 1966 เช่นกัน
แก้ไขล่าสุดโดย เบน ฟรีคิก เมื่อ Tue Nov 22, 2022 01:21, ทั้งหมด 1 ครั้ง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ