พรีเมียร์ลีก ศูนย์รวมความบันเทิงดาร์บีแมตช์

#SSxKMD | ผ่านไปแล้วหนึ่งนัดจาก 2 “บิ๊ก ดาร์บี แมตช์” ของพรีเมียร์ลีกในวีคเอนด์หลังเบรกเนชันส์ ลีก ด้วยชัยชนะของอาร์เซนอลเหนือสเปอร์ส ทีมร่วมลอนดอนเหนือ 3-1 ส่วนวันนี้ติดตามกันว่าท้องฟ้าเหนือเมืองแมนเชสเตอร์จะเป็นสีฟ้าหรือสีแดง

สื่ออังกฤษ “บิวท์อารมณ์” แฟนบอลสี่ทีมตลอด 3-4 วันก่อนแมตช์เดย์ นอกเหนือสี่ทีมโชว์ฟอร์มได้น่าจับตาแล้วยังมีการประกบคู่ไฟท์ให้ถกเถียงบนสื่อโซเชียลอย่างกว้างขวาง อาร์เตตา vs คอนเต, เชซุส vs ริชาร์ลิซอน ที่กำลังแย่งตำแหน่งเบอร์ 9 ในทีมชาติบราซิลและทั้งคู่เพิ่งย้ายทีมด้วยค่าตัวแพงลิ่ว, กวาร์ดิโอลา vs เทน ฮาก, และ ฮาลันด์ vs มาร์ติเนซ ซึ่งเปรียบเสมือนแจ็คกำลังยืนเงยหน้ามองโกไลแอธ แถมสื่อขุดตำนานที่อัลฟ์-อิงเก พ่อของเออร์ลิ่ง โดนรอย คีน อดีตกัปตันทีมพันธุ์ดุของปีศาจแดง เสียบจนนำไปสู่การแขวนสตั๊ด มาทวีความเดือดของดาร์บีแมตช์ซิตีกับยูไนเต็ดอีก

ว่ากันว่า พรีเมียร์ลีกเป็นลีกศูนย์รวมความบันเทิงของ “แมตช์เพื่อนบ้าน” ไว้มากที่สุด นอกจากดาร์บีแมตช์ นอร์ธลอนดอน, แมนเชสเตอร์ และเมอร์ซีย์ไซด์ ที่ยังได้เตะเป็นประจำทุกปีแล้ว “ไทน์-แวร์” นิวคาสเซิลกับซันเดอร์แลนด์ และ “เซคคั่น ซิตี” เบอร์มิงแฮมกับแอสตัน วิลลา ยังเป็นดาร์บีแมตช์เดือดทะลุปรอทระดับท็อป-5 ของลูกหนังเมืองผู้ดี

อุณหภูมิความเดือดของดาร์บีแมตช์วัดได้จากจำนวนใบเหลืองใบแดงที่ผู้เล่นสองฝั่งมักใส่กันไม่ยั้งไม่ให้ต่ำกว่าร้อย (เทียบได้กับความเร็ว 60 ไมล์/ชั่วโมงของรถบัสในหนังเรื่อง Speed) ล่าสุดเมื่อวาน เอเมอร์สัน รอยัล แบ็คขวาสเปอร์ส โดนไล่ออกจากสนาม ส่วนที่เมอร์ซีไซด์ถึงซีซันนี้ลงเอยโนสกอร์ แต่ก็ได้ใบเหลืองไปฝั่งละสองใบ

เฉพาะยุคลีกสูงสุดชื่อพรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูลเจอเอฟเวอร์ตัน กรรมการควักใบแดงรวมทั้งสิ้น 22 ครั้ง ชี้นิ้วไปที่จุดโทษ 13 ครั้ง ซึ่งกลายเป็นประตู 10 ครั้ง อาร์เซนอลพบสเปอร์ส แม้ใบแดงรวมแค่ 15 ครั้ง แต่มีโอกาสยิงจุดโทษมากถึง 23 ครั้ง ซึ่งพลาดเพียง 2 ครั้ง นี่ยังไม่ได้อ้างถึงจุดโทษที่เป็นประเด็นดราม่าให้สื่อมวลชน กูรูลูกหนัง และแฟนบอลได้ถกเถียงกัน

ปกติแฟนบอลอยากเห็น “สกอร์” และระดับความกระหายยิ่งสูงขึ้นหลายเลเวลเมื่อเป็นดาร์บีแมตช์ ซึ่งมีหรือนักเตะจะไม่พยายามสนองตอบโดยเฉพาะลอนดอนเหนือ ผลิตสกอร์ 171 ประตูจาก 60 นัดพรีเมียร์ลีก เฉลี่ยนัดละ 2.85 ประตู หนึ่งในนั้นคือเมื่อปี 2004 ซึ่งอาร์เซนอลบุกไปเฉือนชนะ 5-4 ที่สนามไวท์ ฮาร์ท เลน

ดาร์บีแมตช์ที่เมอร์ซีไซด์กับแมนเชสเตอร์ทำได้ 138 ประตูเท่ากัน แต่คู่แรกเตะ 61 นัด เฉลี่ย 2.26 ประตู เทียบกับอีกคู่เตะ 50 นัด เฉลี่ย 2.76 ประตู ยิ่งปีนี้แมนฯซิตีได้เครื่องจักรผลิตสกอร์อย่างฮาลันด์เข้ามาอีก

แบรดฟอร์ดกับลีดส์เป็นอีกหนึ่งดาร์บีแมตช์ที่การันตีความมันส์ มีสกอร์เกิดขึ้น 15 ประตูจากการพบกันแค่ 4 นัดในพรีเมียร์ลีก ขณะที่วูลฟ์แฮมป์ตันกับเวสต์บรอมเจอกัน 6 ครั้ง มีค่าเฉลี่ยนัดละ 3.5 ประตู ส่วนลอนดอนดาร์บีแมตช์ระดับบิ๊กอีกสองคู่ เชลซีพบเวส์แฮม 53 นัด 138 ประตูรวมทุกรายการ และเชลซีพบสเปอร์ส 61 ประตู 167 นัด

ไม่ใช่ใส่กันเกินร้อย พวกเขา(มักจะ)ไม่เลิกวิ่งสู้ฟัดจนกว่าได้ยินเสียงนกหวีดสุดท้ายจึงมีสกอร์ในช่วงเวลาที่เรียกว่า “เฟอร์กี ไทม์” เกิดขึ้นบ่อยครั้ง อย่างเดอะค็อปคงไม่ลืมประตูในนาทีที่ 96 เมื่อปี 2018 ของ ดิว็อค โอริกี

เรดอาร์มีคงมีความสุขทุกครั้งที่เห็นคลิปโรบิน ฟาน เพอร์ซีย์ ปั่นฟรีคิกใส่ตาข่ายของแมนฯซิตีในปี 2012 โดยเกมพรีเมียร์ลีกระหว่างสองทีมแมนเชสเตอร์มีสกอร์เกิดขึ้นหลังนาที 90 ทั้งสิ้น 12 ครั้ง เทียบกับ 9 ครั้งที่เมอร์ซีย์ไซด์ ส่วนลอนดอนเหนือแม้มีการถล่มตาข่ายมากมาย แต่มีประตูช่วงทดเวลาเจ็บแค่ 6 ครั้ง

ทิ้งท้ายกันด้วยอันดับดาวซัลโวดาร์บีแมตช์ในพรีเมียร์ลีก แฮร์รี เคน 13 ประตู ตามด้วย สตีเวน เจอร์ราร์ด 9 ประตู, เวย์น รูนีย์ กับ กุน อเกวโร 8 ประตู, โชเล อเมโอบี (นิวคาสเซิล) 7 ประตู และปีเตอร์ โอเดมวินกี (เวสต์บรอม) 4 ประตู ซึ่งมีโอกาสสูงที่จะโดนฮาลันด์แซงภายไนไม่กี่ปี

เรียบเรียง : KMD Content Team
อ้างอิง : The Sun England

หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

โหวตเป็นกระทู้แนะนำ