ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
24 September 2022 16:29 by ZONG'TEEN
ตัดเกรด 7 นัดพรีเมียร์ลีก (ตอน 2)


หลังจากผ่านไป 10 ทีมแรกของการให้คะแนนฟอร์มการเล่นแต่ละทีมในศึกพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ ซึ่งมีทีมที่แฟนบอลให้ความสนใจจำนวนมากอย่าง อาร์เซน่อล และเชลซี

คราวนี้เป็นอีก 10 ทีมที่เหลือ แน่นอนว่ามีหลายสโมสรที่มีกองเชียร์จำนวนมากเช่นกัน นำมาโดย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ ลองมาดูกันว่าแต่ละทีม ผลงานเป็นอย่างไรกันบ้างในช่วงออกสตาร์ตฤดูกาลใหม่นี้

เลสเตอร์ ซิตี้ อันดับ 20 จาก 1 คะแนน

ก่อนเข้าสู่ฤดูกาลใหม่ สถานการณ์ของเลสเตอร์ ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่อาจมีเพียงไม่กี่คนที่คิดว่า พวกเขาจะเริ่มต้นซีซั่นด้วยผลงานสุดห่วยขนาดนี้

จมบ๊วย พร้อมกับผลงานแพ้รวด 6 เกมติด ซึ่งรวมถึงการพ่าย ท็อตแน่ม 2-6 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้นี่คือสถิติเลวร้ายสุดของสโมสรนับตั้งแต่ปี 1983 เป็นต้นมา

ทีมของเบรนแดน ร็อดเจอร์ส ประสบกับความยุ่งเหยิงภายในทีม เสียไปแล้วถึง 22 ประตูหรือเฉลี่ยมากกว่า 3 เม็ดต่อ 1 นัด ซึ่งนี่คือสูตรสำเร็จสำหรับทีมที่กำลังเตรียมพร้อมสำหรับการหล่นชั้น

นอกจากการโดน "ไก่เดือยทอง" กระหน่ำไปครึ่งโหล พวกเขายังถูกอาร์เซน่อล ยิงไป 4 ตุง และไบรท์ตัน จัดไป 5 เม็ด ภายหลังเจอซัมเมอร์ที่วุ่นวายเสียนักเตะคีย์หลักในแดนหลังอย่าง เวสลี่ย์ โฟฟาน่า ไปให้ เชลซี ด้วยค่าตัว 70 ล้านปอนด์

อย่างไรก็ดี บางทีความล้มเหลวของเลสเตอร์ที่แท้จริงอาจเป็นการเสีย แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล นายด่านคู่บุญไปให้นีซ ซึ่งสร้างช่องว่างขนาดใหญ่ให้ แดนนี่ วอร์ด เข้ามาช่วยแต่นายด่านเวลส์ ก็ทำได้ไม่ดีพอ นอกจากนั้น ทีมจากคิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม ยังแทบไม่ได้เซ็นแข้งใหม่เข้ามาเลย

พลพรรค "จิ้งจอกสยาม" ยังมีความหวังบ้างหรือเปล่า? ก็คงจะมีนะ ดูเหมือนว่าการยิงประตูไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แม้เจมี่ วาร์ดี้ เข้าสู่ช่วงปลายอาชีพเต็มทีและยังคงไม่มีตัวตายตัวแทนที่ไว้วางใจได้ อย่างน้อยก็ในแง่ของความสม่ำเสมอในการพังตาข่าย

พวกเขายิงไปแล้ว 10 ประตูในฤดูกาลนี้ ไม่มีทีมไหนในครึ่งล่างของท้ายตารางทำสกอร์ได้มากเท่ากับพวกเขา หาก "ตาหวาน" สามารถแก้ไขปัญหาเกมรับให้ลดความผิดพลาดเงิบๆ ไปได้จากทั้งโอเพ่น เพลย์ และลูกฟรีคิก บางทีสถานการณ์อาจเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

แต่ร็อดเจอร์ส จะมีเวลาพอในการแก้ไขหรือเปล่า? โค้ชชาวไอร์แลนด์เหนือตกอยู่ภายใต้ความกดดันอย่างหนักก่อนพักเบรกทีมชาติ ซึ่งมีรายงานออกมาว่าสโมสรหันไปเหล่ โธมัส แฟร้งค์ จากเบรนท์ฟอร์ด ให้มาเป็นตัวแทนแล้ว

เชื่อว่านี่จะเป็นฤดูกาลอันยาวนานของ "เดอะ ฟ็อกซ์" แต่อย่างน้อยก็มีสัญญาณบวกบ้าง เพราะทีมเมื่อปี 1983 ของพวกเขานั้น หนีตกชั้นสำเร็จ...

เกรด F

ลิเวอร์พูล อันดับ 8 จาก 9 คะแนน

เป็นการเริ่มต้นที่ค่อนข้างตะกุกตะกักของลิเวอร์พูล หลังพลาดแชมป์แชมเปี้ยนส์ ลีก และพรีเมียร์ลีก เมื่อปลายซีซั่นก่อน ซึ่งอาจดูเหมือนว่าพวกเขายังแฮงค์ไม่เลิกจนถึงตอนนี้

"หงส์แดง" ต้องใช้เวลานานถึง 4 เกมกว่าจะได้เฮหนแรก ภายหลังจากเสมออย่างน่าผิดหวังกับ ฟูแล่ม และคริสตัล พาเลซ ก่อนยกพลไปพ่ายอริสำคัญอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ทีมของเยอร์เก้น คล็อปป์ ระบายความอัดอั้นยิงบอร์นมัธ ไม่ปราณี 9-0 ตามด้วยการเฉือนชนะนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ท้ายเกมแบบสุดระทึก อย่างไรก็ดี พวกเขาทำคะแนนหายจากการเสมอ เอฟเวอร์ตัน ในศึกเมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้

ฟอร์มในแชมเปี้ยนส์ ลีกของพวกเขาก็ดูไม่เข้าที่เข้าทาง บุกไปโดนนาโปลี ยิงยับ 0-4 ตามด้วยการเอาชนะอาแย็กซ์ จากประตูชัยท้ายเกมของโจเอล มาติป ที่ต้องเติมมาช่วยคว้าสามแต้มให้กับทีม

ทีมจากแอนฟิลด์ มีปัญหาในช่วงซัมเมอร์ เพราะไม่มีทางที่จะหาตัวตายตัวแทนของ ซาดิโอ มาเน่ได้ หลังปีกเซเนกัล ขอยุติความสัมพันธ์พร้อมเก็บของย้ายไปบาเยิร์น มิวนิค

ดูเหมือนว่าตอนนี้ คล็อปป์ ยังไม่ค่อยแน่ใจกับสามประสานแดนหน้าของตัวเอง มีเพียง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ คนเดียวที่ตีตั๋วตัวจริงแบบนอนมา ส่วนคนอื่นสลับกันไประหว่าง โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่, ดิโอโก้ โชต้า, หลุยส์ ดิอาซ และดาร์วิน นูนเญซ

"หนูน" ย้ายมาจากเบนฟิก้า ด้วยค่าตัวมหาศาล 85 ล้านปอนด์ ซึ่งยังเร็วเกินไปที่จะตัดสินฟอร์มโดยรวมของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องโดนแบนยาว 3 แมตช์เพราะออกลูกเกเรจนโดนใบแดง แต่เขาก็ยังอยู่ห่างไกลเหลือเกินในการเข้ามาทดแทนมาตรฐานที่มาเน่ ได้สร้างเอาไว้

นอกจากนั้น "หงส์แดง" ยังมีคำถามมากมายในตำแหน่งมิดฟิลด์ที่ขาดขุมกำลังเชิงลึก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นักเตะที่พวกเขาฝากความหวังว่าจะเข้ามาแทนที่ชั่วครั้งชั่วคราวอย่าง เจมส์ มิลเนอร์ ก็โรยราเต็มที

นี่อาจเป็นหนึ่งในฤดูกาลหฤโหดที่สุดของคล็อปป์ แต่มันก็ยังห่างไกลจากการกาชื่อพวกเขาออกจากการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก

เกรด C-

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อันดับ 2 จาก 17 คะแนน

ดูเหมือนค่อนข้างแปลกที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต้องเข้าช่วงซัมเมอร์ด้วยการควานหาดาวยิงตัวเป้ารายใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากกระชากแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครองอีกฤดูกาลแม้มีลิเวอร์พูล เป็นคู่ท้าชิงสำคัญ

ความสำเร็จของพวกเขาเกิดขึ้นทั้งที่ไม่มีตำแหน่งเบอร์ 9 ดังนั้นไม่ใช่เรื่องน่าเซอร์ไพรส์เท่าไหร่ที่ได้เห็นพวกเขาจัดการฉีกสัญญาเออร์ลิ่ง ฮาลันด์ มาจากโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์

การย้ายสังกัดครั้งนี้ทำให้บรรดาคู่แข่งของพวกเขาหวั่นวิตกอย่างยิ่ง และมันก็ใช้เวลาเพียงแค่ 7 นัดเท่านั้นในการแสดงเหตุผลนั้นออกมาเพราะฮาลันด์ กำลังยิงเป็นไฟ

หัวหอกนอร์วีเจี้ยน กดไปแล้ว 11 ตุง ซึ่งมากกว่าเกือบสองเท่าจากคู่แข่งลุ้นดาวซัลโวอย่าง แฮร์รี่ เคน หรืออเล็กซานดาร์ มิโตรวิช

ไม่ใช่แนวรุกของซิตี้ เท่านั้นที่ทำผลงานโดดเด่น แต่พวกเขาติดระดับท็อปของทุกชาร์ทนอกเสียจากตำแหน่งจ่าฝูง โดยมีคะแนนตามหลังอาร์เซน่อล เพียงแต้มเดียว

เควิน เดอ บรอยน์ จัดแอสซิสต์ไปมากที่สุด 6 ครั้ง, โรดรี้, รูเบน ดิอาส, เชา คันเซโล่ และไคล์ วอล์คเกอร์ ก็เป็นระดับท็อปของการจ่ายบอลในลีก ขณะที่เอแดร์ซอน นายประตูแซมบ้า เก็บคลีนชีทไปมากที่สุด

แม้พวกเขาไม่ได้สมบูรณ์แบบเพราะบุกไปเสมอ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด และแอสตัน วิลล่า แต่มันก็ไม่ได้ห่างไกลกับคำว่าเพอร์เฟ็คต์ แม้บททดสอบที่แท้จริงกำลังรออยู่

หลังพักเบรกทีมชาติ ทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอเล่า ต้องรับมือกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งดูเหมือนว่าอาจเป็นศึกสำคัญในการลุ้นแชมป์ ก่อนยกพลบุกลิเวอร์พูล ในอีก 2 สัปดาห์ต่อมา

จนถึงตอนนั้น เราก็จะน่าจะพบว่า ซิตี้ จะเป็นพวกเก่งกับทีมเล็กแต่กดทีมใหญ่ไม่ได้ หรือฮาลันด์ และผองเพื่อน จะนำลิ่วคว้าแชมป์แบบม้วนเดียวจบกันแน่

เกรด A

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อันดับ 5 จาก 12 คะแนน

คุณจะไม่ได้พบทีมไหนที่ออสตาร์ตฤดูกาลแบบรถไฟเหาะที่สุดคลาสสิกไปมากกว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ก้าวเข้าสู่ฤดูกาลใหม่แบบที่ไม่มีใครทราบว่าจะคาดหวังอะไรได้ในยุคใหม่ของพวกเขา เพราะนักเตะหน้าเก่าอย่าง ปอล ป็อกบา ย้ายออกไปตอนซัมเมอร์ ขณะที่มีนักเตะใหม่หลายคนย้ายเข้ามา รวมถึง เอริก เทน ฮาก บอสใหญ่

แต่ยูไนเต็ด ออกสตาร์ตได้อย่างย่้ำแย่จากการแพ้ ไบรท์ตันที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ก่อนโดนเบรนท์ฟอร์ด ยิงครึ่งเดียวไป 4-0

ไม่ใช่แค่สกอร์เท่านั้นที่แสนห่วยสำหรับ "ปีศาจแดง" แต่แมตช์ที่ จีเทค คอมมูนิตี้ สเตเดี้ยม ยังเป็นเกมที่สุดอลหม่านและสะท้อนอะไรมากมายจากมุมมองของคนภายนอกต่อทีมจากโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในเวลานั้น

คริสติอาโน่ โรนัลโด้ สุดนอยด์ท่ามกลางความพยายามขอย้ายสโมสร ลิซานโดร มาร์ติเนซ เซ็นเตอร์ใหม่โดนเปลี่ยนออกช่วงพักครึ่ง ขณะที่แฮร์รี่ แม็คไกวร์ กัปตันทีมก็แทบไม่เหลือความมั่นใจในการเล่นเกมรับ ซึ่งผลงานของทั้งทีมโดนกูรูทั้งหลายสับเละกลางอากาศ ถึงขนาดที่แกรี่ เนวิลล์ ตบะแตกด่าทีมของโค้ชชาวดัตช์ว่าเล่นเหมือนทีมรุ่นอายุไม่เกิน 9 ขวบ

แต่สิ่งที่สอบสนองหลังจากเกมนั้น เทน ฮาก กล้าตัดสินใจด้วยการดรอปโรนัลโด้ ภายหลังความพ่ายแพ้ต่อเบรนท์ฟอร์ด ก่อนที่ชัยชนะเหนือ "หงส์แดง" 2-1 ยิ่งเติมความมั่นใจพุ่งพรวดๆ ให้กับลูกทีมของเขา

การเอาชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน และเลสเตอร์ ซิตี้ แบบหวุดหวิดคือผลงานต่อมา แถมด้วยการดับซ่า อาร์เซน่อล 3-1 ในโรงละครแห่งความฝัน ทำให้ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังเข้าฝักแล้ว

แค่เพียงไม่กี่สัปดาห์ จากทีมที่โดนล้อกระจาย ยูไนเต็ด อาจกลับมาเป็นสโมสรที่มีลุ้นแชมป์อีกครั้งในฤดูกาลนี้

แต่ชัยชนะ 4 เกมรวดอาจไม่ได้มีความหมายอะไรมากมายเพราะยังมีรอยแตกหักภายในทีมอีกมากที่เทน ฮาก ต้องแก้ไข ดูเหมือนว่าทีมยังขาดขุมกำลังเชิงลึก ที่แสดงออกมาให้เห็นจากการแพ้ เรอัล โซเซียดาด คาบ้าน ในศึกยูโรป้า ลีก ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงตัวจริงเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งรวมถึง โรนัลโด้ด้วย อย่างไรก็ดี ยังมีมุมบวกมากมายให้พวกเขาชื่นชมก่อนทำศึกแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้

เกรด B+

นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด อันดับ 10 จาก 8 คะแนน

ทีมที่ทุกคน ค่อนข้างแปลกใจภายหลังออกสตาร์ตซีซั่นใหม่ไป 7 นัด

ความคาดหวังของแฟนๆ ในเซนต์ เจมส์ พาร์ค เปี่ยมล้นในปัจจุบันหลังทุนซาอุดิอาระเบีย เข้ามาเทคโอเวอร์สโมสร และพยายามปรับปรุงขุมกำลังของทีมอย่างหนัก ขณะที่เอ็ดดี้ ฮาว ก็แฮปปี้กับช่วงซัมเมอร์เพราะได้เงินทุนมาช้อปปิ้งตามที่ตั้งใจเอาไว้

บางทีอาจเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ว่า "สาลิกา" ไม่ได้เซ็นแข้งโด่งดังเข้ามาเพียงอย่างเดียว แต่เน้นการเสริมทัพที่สมเหตุสมผลเพื่อการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไปอาจทำให้พวกเขาก้าวขึ้นมาในทีมแถวหน้าของลีก

คำถามก็คือ แข้งใหม่ที่เข้ามาส่งผลกระทบต่อช่วงออกสตาร์ตหรือไม่ ทีมของฮาว ไม่ชนะเลยนับตั้งแต่การปราบน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ น้องใหม่ในเกมเปิดหัวซีซั่น กระนั้นพวกเขาก็พิสูจน์ให้เห็นว่ากลายเป็นทีมแพ้ยาก พ่ายนัดเดียวคือเกมเยือน "หงส์แดง" จากประตูช่วงทดเวลา

ผลเสมอ 5 นัดคือที่เหลือ รวมถึงเกมที่น่าตื่นตาตื่นใจเสมอ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 3-3 บททดสอบที่แสนโหดผ่านไปบ้างแล้ว และสิ่งที่เราสามารถสรุปได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ก็คือ พวกเขาจะไม่ต้องดิ้นรนหนีการตกชั้นในฤดูกาลนี้ และดูเหมือนว่า ทีมจากแดนอีสาน จะสามารถแข่งขันได้กับทุกทีมยามลงสนาม

อเล็กซานเดอร์ อิซาค เจ้าของค่าตัว 63 ล้านปอนด์ ยิงไป 2 ประตูจาก 3 เกมที่ลงสนาม แม้อันดับของทีมค่อนข้างผิดหวังตรงกลางตาราง แต่ความคาดหวังคือพวกเขาน่าจะไต่อันดับขึ้นไปเรื่อยๆ มากกว่าไถลลงไปช่วงท้ายของตาราง

เกรด B-

น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ อันดับ 19 จาก 4 คะแนน

นี่คือฤดูกาลที่โหดร้ายสำหรับน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ โดยไม่เกี่ยวว่าพวกเขาเข้าสู่ฤดูกาลแบบไหน

จากการที่นักเตะหลายคนกลับไปอยู่กับสโมสรแม่หลังหมดสัญญายืมตัว บริซ แซมบ้า นายประตูคนสำคัญกลับไปฝรั่งเศส นักเตะอีกหลายคนก็เก็บของย้ายออกไป ทำให้มีหนทางเดียวสำหรับ "เจ้าป่า" ในการทำธุรกิจบนตลาดนักเตะคือการเสริมทีมอย่างหนัก

แต่ใครจะไปคิดว่าจนถึงตอนนี้ พวกเขาเซ็นนักเตะใหม่มามากมายถึง 23 ราย ซึ่งภายหลังปิดตลาดพวกเขาก็ยังไปเซ็น อัดนาน คานูริช นายประตูมาแบบฟรีๆ อีกต่างหาก

ไม่น่าแปลกใจที่ได้เห็นทีมของสตีฟ คูเปอร์ มีปัญหา รั้งอันดับรองบ๊วยก่อนพักเบรกทีมชาติจากชัยชนะหนเดียวต่อ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ที่ซิตี้ กราวน์

สภาพจิตใจก็ย่ำแย่ เพราะแพ้รวด 4 เกมหลัง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการโดน "เรือใบสีฟ้า" ถลุงแหลก 6-0 อย่างไรก็ดี สกอร์ที่เลวร้ายกว่าคือการโดน บอร์นมัธ และฟูแล่ม สองทีมน้องใหม่เช่นกัน บุกมาชนะคาบ้าน 3-2

ดูเหมือนว่าจะต้องใช้เวลาสักระยะเพื่อทำให้ทีมเล่นเกมรับกันเป็นขบวน ซึ่งนี่คือหนึ่งในปัญหาสำคัญของพวกเขา และส่งผลโดยตรงต่อฟอร์มการเล่น

แต่ความหวังก็ยังมีเพราะ 4 ประตูที่พวกเขายิงได้ล่าสุด อย่างน้อยก็แสดงให้เห็นถึงคุณภาพในแนวรุก กระนั้น คูเปอร์ จะยังคงพยายามผสมผสานนักเตะใหม่เข้าด้วยกันไปอีกนานเท่าไหร่ ท่ามกลางความหวั่นวิตกเพราะเขายังไม่เซ็นสัญญาฉบับใหม่กับสโมสร และถูกจับตามองจากหลายทีมที่น่าสนใจ

เกรด D+

เซาธ์แฮมป์ตัน อันดับ 14 จาก 7 คะแนน

เป็นเรื่องลำบากที่จะทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับเซาธ์แฮมป์ตัน ที่ดูเหมือนว่าฤดูกาลนี้ไม่รู้ว่าจะออกหัวหรือออกก้อยสำหรับพวกเขา

ภายหลังแพ้ ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ 2-4 ในวันเปิดซีซั่น ก็มีข่าวลือออกมาทันทีว่านักเตะ "นักบุญ" ไม่แฮปปี้กับ คาล์ฟ ฮาเซนฮุทเทิ่ล ที่ได้อยู่ต่อแม้ชนะหนเดียวจาก 13 เกมสุดท้ายเมื่อซีซั่นก่อน

การกลับมาเสมอ ลีดส์ ยูไนเต็ด 2-2 ต่อด้วยการบุกไปชนะเลสเตอร์ ซิตี้ ทำให้ข่าวลือทั้งหลายเงียบลงไป แม้แพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในบ้าน แต่พวกเขาก็ตอบโต้ด้วยการเฉือนเชลซี 2-1 ในอีก 3 วันถัดมา

แต่การจบสกอร์สุดห่วยของเช อดัมส์ ก็ทำให้บุกไปแพ้ วูล์ฟส์ 0-1 และพ่ายในสกอร์เดียวกันให้กับแอสตัน วิลล่า นัดล่าสุด "เดอะ เซนต์ส" ยิงตรงกรอบไปแค่ 2 ลูกจากเวลา 3 ชั่วโมงกว่า

การเสริมทัพของเซาธ์แฮมป์ตัน เน้นไปที่เด็กมากกว่า เกวิน บาซานู ประตู, โรเมโอ ลาเวีย กองกลาง และฮวน ลาริออส แบ็คซ้ายทั้งหมดเก็บของย้ายมาจากเอติฮัด สเตเดี้ยม ด้วยค่าตัวรวมกว่า 30 ล้านปอนด์ และแน่นอนว่าพวกเขายังไม่ได้ระเบิดฟอร์มเด็ดออกมา และมีเพียงเวลาที่จะเป็นคำตอบว่า แข้งเหล่านี้จะเป็นอย่างไร

ตอนนี้ ฮาเซนฮุทเทิ่ล อยู่กับสโมสรมานาน 4 ปีแล้ว แต่เขาพาทีมจบเหนืออันดับ 15 ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น แม้นี่ยังเป็นเพียงช่วงเริ่มแรกของซีซั่น แต่มันก็คุ้มค่าที่จะมาถกกันว่า เขาจะพาทีมไปได้ไกลกว่านี้หรือไม่ หรือเขาจะทำงานแบบเดิมๆ คือการพาทีมหนีตกชั้นให้ตื่นเต้นกันอีกครั้ง

เกรด D+

ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ อันดับ 3 จาก 17 คะแนน

ท็อตแน่ม ทำผลงานดีต่อเนื่องในปี 2022 ซึ่งเป็นผลมาจากการแต่งตั้ง อันโตนิโอ คอนเต้ หลังเกือบเจอหายนะกับ นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต้ เมื่อต้นฤดูกาลที่แล้ว

กุนซือคนโปรดชาวอิตาเลี่ยน ปรับเปลี่ยนสโมสรอย่างยิ่งและพาทีมกลับไปเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีกได้อย่างน่าชื่นชม แถมยังออกสตาร์ตดีจากฟอร์มคงเส้นคงวาในซีซั่นนี้

"ไก่เดือยทอง" เป็นหนึ่งในสองทีมรวมกับ ซิตี้ ที่ยังไม่แพ้ใครในลีก ซึ่งแสดงให้เห็นได้ว่า ในวันที่อะไรไม่เป็นใจพวกเขาก็ยังคงมีแต้มติดมือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเสมอ เชลซี 2-2

ตอนเจอกับเวสต์แฮม ฟอร์มของพวกเขาก็ไม่ได้ตามมาด้วย แต่ก็ยังออกจากลอนดอน สเตเดี้ยม ด้วย 1 คะแนน บวกกับการชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน, วูล์ฟส์, น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์, ฟูแล่ม และล่าสุดคือการระเบิดถังเลสเตอร์ 6-2

แต่ดูเหมือนว่ายังมีจุดที่พวกเขาเปราะบาง ในหลายนัดพวกเขาทำงานหนักเพื่อครองบอลสร้างโอกาสที่มีไม่มากนัก แต่ต้องยกเครดิตให้ความเฉียบคมในการจบสกอร์ ขณะที่ ซน ฮึง-มิน ดูเหมือนจะกลับมาแล้วหลังลงสำรองจัดแฮตทริกในเกมล่าสุด หลังยิงไม่ได้เลยนับตั้งแต่เริ่มต้นฤดูกาล

อีกหนึ่งสัญญาณของฟอร์มการเล่นที่ค่อนข้างโคลงไปเคลงมาคือการเอาชนะท้ายเกมต่อ โอลิมปิก มาร์กเซย ที่เหลือ 10 ตัวในแชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งตามมาด้วยการแพ้ สปอร์ติ้ง ลิสบอน 0-2

นั่นคือเหตุผลว่าทำไม แม้ตอนนี้มีคะแนนเท่ากับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่ก็ไม่ได้มีใครที่มองว่าพวกเขาเป็นคู่แข่งจริงจังในการแย่งแชมป์ อย่างน้อยก็จนถึงตอนนี้

แฟนๆ ต่างหวังว่านักเตะใหม่ตอนซัมเมอร์อย่าง ริชาร์ลิซอน และอีฟ บิสซูม่า จะปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว แต่บททดสอบที่แท้จริงของคอนเต้ กำลังมาในเดือนหน้า และไม่มีอะไรยิ่งใหญ่ไปกว่าเกมเจอ อาร์เซน่อล ในนอร์ธ ลอนดอน ดาร์บี้ ขณะที่เกมเยือน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะเป็นนัดสำคัญที่ได้เห็นว่าพวกเขาพัฒนาไปไกลแค่ไหนภายใต้การนำทัพของกุนซืออิตาเลี่ยน

พวกเขาจะกลายเป็นคู่แข่งแย่งแชมป์เต็มตัว หรือเป็นอีกหนึ่งฤดูกาลที่ไร้แชมป์ ก็ต้องมาลองดูกัน?

เกรด A

เวสต์แฮม ยูไนเต็ด อันดับ 18 จาก 4 คะแนน

ทุกอย่างผิดพลาดไปหมดสำหรับเวสต์แฮม ยูไนเต็ด ที่หลายซีซั่นผ่านมาได้เครดิตมากมายจากการลุ้นพื้นที่ยุโรป แต่กลับออกสตาร์ตได้แบบสุดห่วยทั้งที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงทีมมากนัก รวมถึงตำแหน่งผู้จัดการทีมด้วย

เดวิด มอยส์ ยังยืนคุมทีมข้างสนาม พวกเขายังเก็บเดคลาน ไรซ์ หัวใจแดนกลางเอาไว้ได้ คนที่ออกไปก็ไม่ได้มีผลกระทบต่อทีมมากนัก แม้มาร์ค โนเบิ้ล จะเสียงดังในห้องแต่งตัวแต่ในสนามนั้นเขาไม่ได้เป็นตัวจริงมานานหลายปีแล้ว

แล้วทำไม "ขุนค้อน" ถึงเข้าสู่ช่วงเบรกทีมชาติด้วยการอยู่ในโซนตกชั้น?

แม้จะไม่ใช่เหตุผลทั้งหมด แต่พวกเขาลงเล่นไปแล้ว 4 เกมในยูโรป้า คอนเฟอเรนซ์ ลีก ซึ่งไม่ใช่ผลบวกในการเตรียมพร้อมสำหรับเกมพรีเมียร์ลีก แน่นอนว่าการลงเล่นในถ้วยใบน้อยของยุโรป จะไม่ได้เป็นประโยชน์สักเท่าไหร่ต่ออนาคตของเวสต์แฮม

แต่มันคือสถานการณ์เดียวกันของทีมเมื่อปีก่อนที่ได้ลุ้นท็อปโฟร์ยาวนาน พร้อมๆกับการผ่านไปถึงรอบตัดเชือกของยูโรป้า ลีก ดังนั้นชัดเจนว่าปัญหาอยู่ที่อื่น

ปัญหาคือมันยากที่จะชี้ว่าอุปสรรคอยู่ตรงไหน แทบไม่มีข้อบ่งชี้ว่าลูกทีมไม่สนับสนุนกุนซือสกอตติช ขณะที่แฟนบอลก็ไม่ได้ตามล่าหัวของเขาอะไรเลย

บางที จุดที่น่าห่วงที่สุด คือการยิงประตูแม้ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเป็นทีมที่เล่นได้อย่างมีวินัย การหาประตูไม่เจอของจาร์ร็อด โบเว่นในช่วงต้นซีซั่นสะท้อนให้เห็นว่าเขากำลังฟอร์มตก และการประสานงานกับมิคาอิล อันโตนิโอ กำลังมีปัญหา คนมาใหม่อย่าง จานลูก้า สกามัคค่า ยังพยายามปรับตัวในลอนดอน ทำให้พวกเขายิงไปแค่ 3 ประตูจาก 7 นัดแรก

ลูคัส ปาเกต้า พยายามพยายามทำผลงาน และแม้ว่านี่ไม่ใช่เวลาที่จะตระหนกอะไรมากมาย แต่มันก็มีข้อห่วงกังวลแล้วว่า นี่คือซีซั่นที่ยากลำบากสำหรับพวกเขา

เกรด D

วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส อันดับ 17 จาก 6 คะแนน

ตำแหน่งบนตารางไม่ได้มีความจริงจังมากเท่าไหร่ในช่วงเริ่มต้นฤดูกาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากพวกเขาเอาชนะอีกนัดก็จะมีแต้มเท่ากับลิเวอร์พูล

แต่มันก็มีสัญญาณเตือนดังขึ้นที่โมลินิวซ์ กราวน์ และก็ไม่ยากที่จะชี้ไปว่า ปัญหาเหล่านั้นคืออะไร

การทำประตู นี่ไม่ใช่อุปสรรคที่เพิ่งเกิดขึ้น วูล์ฟส์ ต้องดิ้นรนในแนวรุกนับตั้งแต่เสีย ดิโอโก้ โชต้า ไปให้ "หงส์แดง" เมื่อ 2 ปีก่อน นี่คือปัญหาที่ดูเหมือนว่าพวกเขาแก้ไม่ตก ไม่ว่าจะเป็นยุคของนูโน่ เอสเปริโต้ ซานโต้ หรือ บรูโน่ ลาจ

ไม่มีทีมไหนยิงไปน้อยกว่า 3 ประตูที่พวกเขาทำได้ในฤดูกาลนี้ และแน่นอนว่ามันไม่ใช่สถานการณ์ที่ดีแม้ว่าพวกเขาจะเล่นกันอย่างไร

แนวรับของ "หมาป่า" แม้ไม่ได้ดีที่สุด แต่ก็ถือว่าใช้ได้ในลีกสูงสุด และแดนกลางพวกเขายังมีมิดฟิลด์คุณภาพที่สร้างเกมรุกได้ แต่เมื่อพวกเขาเข้าสู่พื้นที่สุดท้าย ก็ดูเหมือนว่าไอเดียทั้งหลายจะหายไปสิ้น

เกมกับท็อตแน่ม และแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมของลาจ ทำเกมบุกได้ ครองบอลด้วยความมั่นใจ แต่กลับไม่สามารถทำลายแนวรับของคู่แข่งทั้งสองได้

ดังนั้นเลยมีความพยายามหาทางออกในแนวรุก ดิเอโก้ คอสต้า เข้ามาในฐานะฟรีเอเยนต์เพื่อพยายามเพิ่มมิติใหม่ในแดนหน้า

การฝากความหวังเอาไว้ที่อดีตกองหน้าของเชลซี อาจมีความเสี่ยง แต่หากวูล์ฟส์ ทำให้เขาฟิตและยิงได้ หัวหอกวัย 33 ปี ก็อาจสร้างความแตกต่างและตอบโจทย์นี้ของพวกเขา

หากเขาไม่สามารถทำได้ มันก็อาจเป็นอีกหนึ่งฤดูกาลที่ต้องดิ้นรนหนีการตกชั้นท่ามกลางสถานการณ์ที่แฟนๆ พยายามกดดันให้ลาจ พัฒนาทีมขึ้นมามากกว่าเดิม

เกรด D
แก้ไขล่าสุดโดย ZONG'TEEN เมื่อ Sat Sep 24, 2022 16:29, ทั้งหมด 1 ครั้ง
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ
ออฟไลน์
นักเตะหมู่บ้าน
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 25 Jan 2006
ตอบ: 805
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Sep 24, 2022 21:40
[RE: ตัดเกรด 7 นัดพรีเมียร์ลีก (ตอน 2)]
รอตอน 3 ครับ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status: ID เก่าโดนแฮก
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 16 Jan 2020
ตอบ: 794
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Sep 25, 2022 05:59
[RE]ตัดเกรด 7 นัดพรีเมียร์ลีก (ตอน 2)
ลิ้วพูล จาก C- เปลี่ยนเป็น D ได้มั้ย

เปิดฤดูกาลมาเล่นดีนัดเดียว

นัดอื่นที่เก็บแต้มได้ต้องใช้คำว่า เอาตัวรอดมาได้

ปีนี้เหนื่อยมากบอกเลย

โพสต์บนแอป Soccersuck บน iOS
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน


ออฟไลน์
นักเตะท้ายซอย
Status: Without football, my life is worth nothing.
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 12 Aug 2017
ตอบ: 1052
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Sep 26, 2022 13:26
[RE: ตัดเกรด 7 นัดพรีเมียร์ลีก (ตอน 2)]
ดีนะ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel