เด็กไทยการบ้านเยอะเกินไปไหม
คุณคิดว่าเด็กไทยการบ้านเยอะเกินไปไหม
บทความจากเพจเลี้ยงลูกนอกบ้านนะครับ
https://www.facebook.com/1383393308644684/posts/pfbid0JMn9AoHDg5hSc3r2hAWfN7MbSZ7yChYDSCAq6tJS9M2ZVJrXZnNnbNghr7pzivoul/
#การบ้านร้ายทำลายตัวตน
คนไข้ในคลินิกวัยรุ่นบ่นเรื่องนี้กันเยอะมาก
"หนูนอนเกือบเที่ยงคืนตีหนึ่งทุกวัน การบ้านมันเยอะมาก"
"ผมทำการบ้านไม่ทันหรอก ส่วนใหญ่ก็ลอกเพื่อนส่งๆ ไป"
"มันยากกก แล้วก็เยอะมากอะ บางอันก็ไม่รู้จะทำไปทำไม คนสั่งเค้าไม่คุยกันมาบ้างหรือไง"
“ไม่มีเวลาออกกำลังกายอะไรหรอกครับ แค่ต้องทำการบ้านก็หมดเวลาแล้ว”
วัยรุ่นที่ยัง “กัดฟันสู้” ก็ทำไปบ่นไป
อีกส่วนหนึ่งคือยอมแพ้ไป และหนีหายไปจากรั้วโรงเรียน
ประเทศที่พัฒนาแล้วและมีความเจริญด้านการศึกษาจะมีการบ้านให้กับเด็กน้อยมาก
ประเทศไทยเป็นประเทศที่ติดอันดับความล้าหลังในด้านการศึกษา และน่าจะเป็นประเทศที่มีการบ้านมากเป็นอันดับต้นๆ ประเทศหนึ่งในโลก
...................................
ปัญหาการศึกษาบ้านเรา เป็นปัญหาที่หยั่งรากลึก และหลายครั้งมันบั่นทอนศักยภาพมนุษย์
ปัญหาที่มาจากรากคิด ว่าต้องรู้เยอะ เรียนเยอะ ถึงจะประสบความสำเร็จ
รากคิด ที่ทำให้เด็กหลายคน เริ่มหล่นหายไปจากเส้นทางของการเรียน
โรงเรียน…
ควรเป็นที่ที่ทำให้เด็กค้นเจอศักยภาพ ไม่ใช่ทำลายศักยภาพ
ควรเป็นที่ที่ทำให้รู้สึกว่าการเรียนรู้คือเรื่องสนุก ไม่ใช่คือความทุกข์ที่ต้องกัดฟันฟันฝ่า
การศึกษาที่ดี คือการศึกษา ที่ทำให้เกิดการเรียนรู้ที่ทำด้วยใจที่ “มีความสุข” สนุกกับการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ มีเป้าหมาย ในการทำสิ่งที่มีความหมาย
การบ้านหรือบทเรียนที่มากเกินไป ทำให้เกิดความเครียดและความกดดัน บั่นทอนความสุขทางใจ และทำให้เด็กๆ ใช้ชีวิตเหมือนหนูถีบจักรไปวันๆ
เด็กๆ ควรมีเวลาวิ่งเล่น เห็นโลกกว้าง ตั้งคำถามกับสิ่งที่เจอ เกิดจินตนาการ จนอาจพัฒนาเป็นความชอบ หรือการรู้จักตัวเอง และควรมีเวลาสร้างความสัมพันธ์ เพื่อการพัฒนาตัวตน
..................................
เพราะการรักการเรียนรู้ สำคัญกว่าการมีความรู้
โปรดหยุดการบ้านมหาศาล ที่ทำลายการเรียนรู้ของนักเรียน
#หมอโอ๋เพจเลี้ยงลูกนอกบ้าน
ผู้พบว่าตอนนี้คลินิกวัยรุ่นเต็มไปด้วยเด็กเครียดเรื่องการเรียน กับเด็กหมดไฟในการเรียนเต็มคลินิก
ป.ล. เรามีสิทธิ์ที่จะส่งเสียงไปที่โรงเรียนเสมอ ถ้าเราพบว่าการศึกษาที่เป็นอยู่ มันเป็นการทำร้าย มากไปกว่าการพัฒนานะคะ “เราต่างเป็นเจ้าของระบบการศึกษาและโรงเรียน” พึ่งพาข้างบนไม่ได้ แต่มั่นใจว่าเสียงของเราสร้างการเปลี่ยนแปลงได้