เจ้ามันเลือดสีโคลนยังไงล่ะ

มุกใหม่ ตั้งชื่อยูสเป็นปมด้อยตัวเอง แต่ห้ามล้อนะ แต่....ตัวเองมาล้อมาแขวนคนอื่นได้

เรื่องการเมืองใน SS เนี่ย ผมเห็นมานานละ (ดูจากอายุของ user ได้) แต่ก่อนก็ไม่ใช่ฝั่งเพื่อไทย หรือแอนตี้ royalist แบบที่อ้างเลือดบริสุทธิ์ ตาสว่างมาแต่แรกแบบตอนนี้หรอก

ช่วงนายกยิ่งลักษณ์เนี่ย บอกเลยว่าเสื้อเหลือหรือ กปปส เกินครึ่งบอร์ด ใครแดงมาโดนด่า buffalo แดงทั้งนั้น ส่วนใหญ่ก็เพิ่งมาตาสว่างกันเนี่ยแหละ แต่มาเคลมเรื่องผู้รู้มาก่อนกาลกันวะเยอะ คนโดนจับไต๋ได้ก็มาข่มคนอื่นว่าตรูตาสว่างมาก่อน พวกเอ็งเป็นหนึ่งในสารตั้งต้นที่ทำให้บ้านเมืองเป็นแบบนี้นะ อล้วก็มากดมาบีบให้อยู่ฝั่งตรงข้าม แบบนี้มันต่างจากเผด็จการที่ตัวเองบอกว่าเกลียดนักเกลียดหนายังไงวะ

ปล.เป็นกำลังใจให้คุณเบนครับ

บอร์ดนี้มีออฟชั่นซ่อนความเห็นของคนนี้ไหม หรือ บล๊อคไม่ให้ติดต่อเข้ามาได้เหมือนเฟส น่าจะมี แต่ก็ไม่ได้อีกเพราะเป็น WN จริงๆเข้าใจว่า พยายามอิกนอฯ มาตลอด แต่ก็โดนจี้มาตลอด ได้ระบายบ้างก็ดี รอฟังความสองฝ่าย และอย่าเทะเลาะกันเลย เก็บแรงไว้ด่า ลต ดีกว่า

นั่นคือความต่างของการเป็นเจ้าของเว็บกับการเป็นพนักงานประจำที่ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการเว็บนั่นแหล่ะครับ

ไม่ถึงกับตรงเรื่องที่เล่ามา แต่คิดมานานแล้วถึงสถานะนี้ของเจ้าของเว็บเดิม

เหมือนโดยรวมๆไม่ต่างมากในหน้าที่ แต่ลึกๆคุณเบนนั่นแหล่ะรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่สุด

ความกดดัน ความรับผิดชอบ มันจะเป็นคนละแบบโดยสิ้นเชิง
ซึ่งวัดกันไม่ได้เลยว่าแบบไหนดีแย่กว่ากันยังไง
เพราะคนละละสถานะนะ มุมมองและ เงื่อนไข ก็จะต่างกันคนละขั้วเลย

เหตุการณ์แบบนี้จะวนๆเวียนอยู่ตลอด
และจะเกิดความรู้สึกแบบนี้อยู่ไม่หายไป

มันอาจจะมีวิธี มีจุดทึ่ทำให้พอดีได้ ไม่ใช่ไม่มี,,, แต่ยากนะ ถ้าให้พูดตามตรง

จริงๆอยากจะแนะนำ มากกว่านี้ สำหรับความคิดเห็นส่วนตัว
แต่ก็จะเหมือนก้าวก่ายไป และไม่เหมาะต่อภาพรวมธุรกิจเว็บ ที่พึ่งส่งผ่านไป

จุดนี้ขอให้กำลังใจและให้พยายามหาจุดยืนตัวเองให้ได้แล้วกันนะ

แต่ก่อนผมก็ไม่ค่อยอินกะคุณเบน ออกแนวเฉยชา
แต่หลังๆ เหมือนเข้าใจ และเห็นใจเหมือนกันนะ ที่ต้องมาอยู่ในจุดนี้ ยากครับ... ให้กำลังใจครับ

ทุกวันนี้เหตุผลที่อีกฝั่งยังอยู่ได้มั่นคงก็เพราะมีมวลชนสนับสนุนครับ แม้ที่ออกมาม็อบหลัง ๆ กี่รอบของสลิ่มจะปลุกยังไงก็ไม่ติดแต่พวกไม่ออกตัวมีเยอะ และแน่นอนว่าหากขาดมวลชนเหล่านี้ไปอีกฝั่งก็จะสั่นคลอนเรื่อย ๆ เพราะแม้จะมีเงิน ปืนและอำนาจแต่การใช้สิ่งเหล่านั้นเพื่อพยุงอำนาจตัวเองมีราคาที่ต้องจ่ายเยอะครับ ระบบมันออกแบบมาแบบนั้น

ที่ผมต้องการสื่อคือหากมีใครที่เข้าใจแล้วว่าสลิ่มไม่ดียังไงและต้องการแสดงจุดยืนใหม่ - พวกเค้าควรได้รับโอกาสนั้นมากกว่าความรังเกียจ แม้ในหลายคนจะพิสูจน์ยากว่ากลับตัวจริงหรือแค่ลดแรงเสียดทานแต่สุดท้ายการให้โอกาสพวกเค้ายังไงก็มีข้อดีมากกว่าข้อเสีย

เพราะการแบ่งคนเป็นสองฝ่ายแล้วเหยียบสองแคมปกครองนั่นคือสิ่งที่พวกเค้าเตรียมการแต่แรกและวางแผนมานานครับ พวกเค้ามีบทเรียนจากอดีตในหลายประเทศว่าการเป็นหนึ่งเดียวของประชาชนที่ต่อต้านตนไม่สามารถคุมโดยใช้อำนาจ อาวุธและทรัพยากรได้อย่างเดียว (ตามที่บอกด้านบน ยิ่งใช้บ่อยใช้นาน = ราคาที่จ่ายยิ่งสูง) และเค้าทำได้สำเร็จมานานมาก มันกำลังจะเปลี่ยนไป ยิ่งเราให้โอกาสคนที่เข้าใจแล้วเท่าไหร่อีกฝั่งยิ่งเสื่อมถอยเร็วขึ้นเท่านั้นครับ

สู้ๆละกันครับ ฟาดฟันกับแฟนบอลหงส์ด้วยกันเหนื่อยละ (ปกติไม่ค่อยวอร์กับทีมอื่น)

ส่วนเรื่องการเมือง พี่ต้องเข้าใจก่อนว่ามันมีคนแบบนี้ทุกที่ ผมก็เป็นไทยเฉย (จริงๆก็ด่ามาทุกรัฐบาลนะ) เหมือน นิรโทษ ผมก็ไม่เห็นด้วย แต่พอยุบสภาทุกอย่างก็จบ ไปเลือกกันใหม่

อย่างรอบที่ผ่านมา ผมกา เจ๊มิ่งไป เราก็เห็นว่าทำไม่ได้อย่างที่พูด อ้าว โดนด่าโง่เฉย เราจะไปรู้ได้ไงว่า 5 จาก 6 คนที่ได้จะไม่เป็นงูเห่า

สมมุติผมกา ก้าวไกล แล้วไอคนที่ผมกาๆไปเนี่ยจะไม่เป็นงูเห่า (เอาจริงๆก็มีมั่ง 4-5 คน)

ก็ทำได้แค่ อย่าไปสนใจมันครับ เราตาสว่าง เราก็ไปในแนวทางของเรา จุดที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไม่ใช่ ล่าคนคิดต่าง แต่เป็นทำให้คนคิดต่างมาคิดในแนวทางกับเรามากกว่า

เขาแค้นเรื่องแบน ส่วนเรื่องประเด็นสลิ่มนี่เอาไว้แซะ
ส่วนตัวผมว่าไปเคลียกันดีกว่า มันจะได้จบ

ผมชื่นชมพี่เบนที่ตาสว่าง เปิดใจรับฟังข้อมูลความจริงครับ

คิดอยู่ว่าจะพิมพ์ดี หรือไม่พิมพ์ดี ผมคิดว่า เรื่องถูกบนโลกนี้ มีแค่สองอย่าง คือ ถูกต้อง กับถูกใจ

หลายๆครั้งเราก็แยกไม่ออกว่า อันนั้นมันถูกต้อง หรือแค่เพราะว่ามันถูกใจ สิ่งที่อยากจะบอกก็คือ ตัวความเชื่อบางอย่าง อย่าพยายามไปปักใจว่ามันต้องถูกต้องแล้วแน่ๆ ให้พยายามคิดและวิเคราะห์ด้วยเหตุผล และหลักฐานที่มี

ถ้าหลักฐานยังไม่ชัด หรือวิเคราะห์แล้วมันมีความน่าจะเป็นหลายอย่าง ก็อย่าด่วนตัดสินว่ามันเป็นอย่างนั้นอย่างนี้เพื่อให้มันถูกใจเรา

บางอย่างก็ตัดสินกันในเวลาไม่เกิน 5 นาที บางอย่างอาจจะใช้เวลาเกิน 1 ชั่วชีวิตในการตัดสินก็ได้

ผมอยากให้คนในสังคมเรา มีความเชื่ออยู่บนเหตุและผลและหลักฐานที่มีน้ำหนักมากพอ.....

แต่อย่างว่า "ความเชื่อ" มันเป็นคำนิยามกว้างๆ ถ้าอยู่บนเหตุผลที่ดี มันก็เป็นความเชื่อถือ แต่ถ้ามันอยู่บนอะไรที่ลอยๆ มันจะเรียกว่าการงมงาย แต่คนเรามักแยกไม่ออก เลยทำให้คิดว่า สิ่งที่เชื่ออยู่ มันคือความถูกต้อง ทั้งที่จริงมันอาจจะเป็นความถูกใจก็ได้

เรื่องตาสว่างก่อน ไม่เคยเอาไปกดคนเลย แต่เอามายกตัวเองอะได้อยุ่555555

WM เคยลองประนีประนอมหรือยัง เช่นการให้สิทธิเขาเปลี่ยนชื่อเพื่อความสบายใจหรือเพื่อปกป้องป้องกันไม่ให้ท่าน G6 ถูกล้อเลียน พูดถึงในทางไม่ดี ถ้าเคยแล้ว แล้วท่าน G6 ปฎิเสธอันนี้ก็ไม่สมควรโทษเคือง WM ต่อแล้ว


ส่วนเรื่องแซะประชาธิปไตย เรื่องแบบนี้มันต้องการ "จำนวน" ของผู้เห็นด้วยเป็นสำคัญ การจะมาพูดว่าประชาธิปไตยมากหรือน้อยกว่าใครมันก็ 1 เสียงเท่ากัน

ถ้าไม่รู้ว่าจะชนะในระบอบประชาธิปไตยที่ตัวเองชอบยังไง ต้องทำยังไงเพื่อให้มันเกิดผลลัพธ์นั้น
จะเลือดข้นคนจางอะไรก็ไม่มีประโยชน์ ทำได้แค่ภูมิใจที่เป็นผู้แพ้ได้แค่นั้น


แต่ใดๆ ก็ตามรอคุณ G6 มาอธิบายในมุมของเขาก่อน

สรุป คุณจะทำยังไงกับคู่กรณีต่อ ระบายมาถึงขนาดนี้แล้ว

คนเราต่างคนมันก็มีวิจารณญาณ มีการวิเคราะห์ มีการรับสารที่แตกต่างกัน

เพราะงั้นบางคนก็ตาสว่างเร็วช้าไม่เหมือนกัน

ผมว่าในนี้หลายคนมีวิจารณญาณและเข้าใจ WM นะ

รอคู่กรณีมาชี้แจงก่อนแล้วกัน

แต่ถ้าอย่างนายกว่า เอาง่ายๆเลยนะครับ ถ้าท่านเห็นอึ ก็อย่าเอานิ้วไปจิ้มและปล่อยผ่านไปครับ

ผมเชื่อว่านายกรู้อยู่แล้วว่าตัวเองเป็นคนยังไงและยึดมั่นยังไง

ไม่ใช่แค่นายกหรอก ทุกคนแหละ มีสิ่งที่ตัวเองยึดมั่น อะไรที่รกหูรกตาปล่อยผ่านได้ก็ปล่อยเถอะครับ

ให้กำลังใจ WM นะครับ

หลายประเด็นจากที่ WM ระบายมาก็ต้องมาถกกันแบบจริงจัง

- การล้อเลียน : แรกสิ่งคือคนที่ไปล้อเลียนคนอื่นเนี่ย ควรโดนตักเตือนหรือคาดโทษก่อน ไม่ว่ากรณีไหนก็ตามแต่ เขาจะตั้งชื่อว่าอะไรนั้นคือสิทธิของตัวบุคคลนั้นๆ ซึ่งสุดท้ายยังไงก็ตามแต่แม้ว่าเขาจะเอาจุดด้อยของตัวเองมาตั้งชื่อ ก็ไม่สมควรจะไปล้อเขา แต่พูดตั้งชื่อด้วยปมด้อยของตัวเองก็ต้องเปิดใจและยอมรับความจริงว่าในสังคมอันเหลวแหลกของทุกวันนี้ มันมีคนที่พร้อมละเมิดสิทธิส่วนบุคคลเสมอ !!

- การละเมิดสิทธิส่วนบุคคล : บางคนไม่รู้ตัวว่าการแซะ บลูลี่ หรือพูดแซวแบบรุนแรง มันคือการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลในแง่ความคิดเห็นต่างๆของบุคคลนั้นๆ สิ่งที่น่าแปลกใจสำหรับผมไม่น้อย คือ "คนที่เรียกร้องประชาธิปไตย" ในปัจจุบัน กลายเป็นคนละเมิดสิทธิส่วนบุคคลในแง่ความเห็นทางการเมืองซะเอง? หลายครั้งที่ผมเม้นความเห็นทางการเมืองแล้วบอกว่า "เมืองไทย" ไม่พร้อมเป็นประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์ได้เพราะเรื่องความคิดของคนกลุ่มนี้เนี่ยแหละ พวกเขาพร้อมก้าวล่วงความเห็นต่างเสมอ เอาแค่เรื่องนี้มันก็ไม่ใช่พื้นฐานของประชาธิปไตยที่ดีแล้ว มันอาจจะเป็นระบบการเมืองอื่นๆที่ใช้ความรุนแรงทางคำพูด อารมณ์ บลาๆ ไปบังคับความคิดเห็นของคนอื่นแทน

- หลายคนใน ss พยายามตั้งตนเป็นผู้รู้แจ้ง : ประเด็นนี้มันเหมือนเป็นเส้นบางๆระหว่างการเปิดใจรับฟังและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เรื่องนี้ผมก็อาจยอมรับแม้แต่ตัวเองอาจจะเคยเข้าข่ายประเด็นนี้เช่นกัน หลายครั้งที่ผมเห็นว่าเมื่อสังคมเอนเอียงไปทางชุดข้อมูลเดียวกัน จะมีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งคิดว่าพวกเขาคือความถูกต้อง ความที่สุด ในเรื่องๆนั้นที่เขามีความรู้หรือชุดข้อมูลหนึ่งที่เป็นที่นิยม แต่หลายๆครั้งผมกับรับรู้ได้ว่าจริงแล้วมันแค่เอาสิ่งที่ตัวเองถูกใจไว้ก่อน เชียร์ฝั่งที่ตัวเองรักเสมอ ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วบางเรื่องบางคราว มันไม่ใช่แค่ "ผิดหรือถูก" แต่บางทีมันคือ "ผิดกับผิด" และ "ถูกกับถูก" ก็มี แต่ก็มีคนประเภทหนึ่งพยายามบังคับให้มีแต่ "ผิดหรือถูก" แต่ฝั่งฉันถูกเสมอและฝั่งเห็นต่างจากฉันผิดเสมอ !!

- เวลาและการสื่อสาร : สิ่งที่ผมสัมผัสมาเรื่องความเห็นทางการเมืองและ 112 คือ เราไม่อาจเปลี่ยนแปลงความผิดและความถูกต้องได้ แต่เวลาสามารถพิสูจน์หาความจริงได้ แต่อีกนั่นแหละ .. การสื่อสารมันสามารถบิดเบือนความจริงได้ บางทีองค์ความรู้ข้อมูลชุดใหญ่ที่มวลชนรับรู้ว่านี่คือตาสว่าง ณ เวลาหนึ่ง มันอาจถูกต้องใน ณ เวลาหนึ่งจากการสื่อสาร แต่เมื่อเวลาพิสูจน์ทราบความที่เคยเป็นมา มันจะเผยความจริงแท้ให้เห็น ซึ่งในเวลาต่อมาก็จะมีคนที่ได้และเสียประโยชน์ก็จะใช้การสื่อสารบิดเบือนเพื่อให้ได้มาซึ่งประโยชน์ส่วนตัว ไม่ว่าจะฝั่งไหนก็แล้วแต่ และสุดท้ายมวลชนที่เปิดรับสารและเอาไปตีความเองหรือคล้อยตามการตีความของใครๆก็จะยึดเอาข้อมูลชุดนี้เป็นความจริงในใจและเอาไปผสมความรู้สึกส่วนตัวในการตัดสินทุกเรื่องที่เกี่ยวข้อง แล้วหากในเวลาต่อมาเกิดพิสูจน์ข้อมูลต่างๆได้ความจริงผิดจากสิ่งที่รับรู้มา ตัวบุคคลนั้นๆจะยอมรับความจริงและสามารถสื่อสารอย่างตรงไปตรงมาไม่เอนเอียงได้หรือเปล่า? เพราะสื่อในปัจจุบันก็พูดได้ไม่เต็มปากว่านี่คือการสื่อสารแบบน้ำดี

- WM : สุดท้ายด้วยหน้าที่ที่เป็นผู้ใช้กฎในสังคมเสมือนสังคมหนึ่ง มันยากที่จะไม่โดนตั้งข้อสงสัยและอาจถึงขั้นก้าวล่วง "เรื่องส่วนตัว" เมื่อคนในสังคมเสมือนเอาไปเทียบกับคนใช้กฎในสังคมความจริง และยิ่งยากกว่าเมื่อเอาความจริงที่ไม่สวยงาม คนในสังคมก็แทบไม่มีใครเลยที่สามารถทำตามกฎในสังคมจริงได้ทุกข้อ เพราะฉะนั้นเมื่อพวกเขาเคยแหกกฎในสังคมจริงมาแล้วจนเคยชิน แค่กฎในสังคมเสมือนจะทำอะไรได้ เมื่อไม่พอใจก็เรียกร้องแบบผิดๆ ไม่ทำตามกฎตามเกณฑ์อย่างตรงไปตรงมา เช่นกัน WM บางทีก็อยากลดข้อพิพาทวิวาทต่างๆ บางทีก็อลุ่มอล่วยปรับกฎเกณฑ์ให้ถูกใจสิ่งที่เรียกร้องมาหรือลืมตักเตือนผู้กระทำผิดอย่างถูกต้อง จนอาจทำให้เกิดอคติแบบยึดมั่นถือมั่นในบางคนต่อ WM เกิดขึ้น

- ฝากไตร่ตรอง : ประเด็นสุดท้ายคือทั้งตัวผมเอง เพื่อนๆ ss คนอื่นๆและ WM เจ้าหน้าที่ มั่นไตร่ตรองเรื่องราวในแต่ละวัน ประโยคแต่ละคำ ตัวพิมพ์แต่ละตัวอักษร ว่าสิ่งที่เราทำอยู่เนี่ยมันสร้างผลดีต่ออะไรบ้าง? และผลเสียต่ออะไรบ้าง? ตัวเองรู้สึกยังไง คนอื่นรู้สึกยังไง สังคมรู้สึกยังไง แต่ละความรู้สึกอะไรคือเหตุผลที่ก่อให้เกิดความรู้สึกเหล่านั้น เมื่อคิดได้ครบครอบคลุมทุกภาคส่วนแล้ว มันอาจจะเข้าใจการร่วมอยู่ของสังคมไปในทางที่ดีขึ้นก็ได้ครับ