[RE: Haval jolion ดียังไง]
Cal2ibZo พิมพ์ว่า:
romeomd พิมพ์ว่า:
Cal2ibZo พิมพ์ว่า:
ถ้าใช้รถแบบจอดติดไฟแดงเป็นชีวิตจิตใจ 70-80% ของการขับคือติดไฟแดง กลางเมือง
ไม่แนะนำให้ซื้อนะ เพราะจะเจอการกินน้ำมันแบบรถสันดาบทั่วไป (แต่เอาจริงๆเจ้าอื่นก็ไม่ต่างกันมากมายนักหรอกในเงื่อนไขเดียวกัน เช่น Jo ได้ 11-13 เจ้าอื่นก็ตกแถวๆ 15 จอดนิ่งๆนานๆจะเอาไฟมาจากไหนก็ต้องใช้น้ำมันปั่น)
ผมขับรอบนอกเมือง เฉลี่ย 18-20 km/l ออก ตจว. 20-22 km/l สำหรับผมปกติมาก เจ้าอื่นน่าจะบวกไปได้ซํก 2+- km/l จากการที่ได้ลองขับ hrv ตัวใหม่อยู่พักนึง
พอมาดู Option น่าจะแทบไม่ต้องเทียบ ครบสุดมากสุดในคลาส กับส่วนต่าง 200-300k ซึ่งผมว่าชดเชยค่าน้ำมันได้ยันรถพังเลยนะ (ได้ 5-6ปี+แน่นอน)
(ที่พูดมาทั้งหมดไม่รวม Ultra Deal ดอกเบี้ย 0% / MA ฟรี 5ปี ฟรีคือฟรีจริงๆ 0 บาท ไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่ม และมีอื่นๆอีก แต่เอาแค่สองอย่างนี้ มูลค่ารวมเป็นแสนแล้ว ถ้าต้องจ่ายในเจ้าอื่นๆ)
ท่านไหนสนใจคลาส B-SUV หลังไมค์มาได้เลย เพราะผมลองมาทุกตัวในคลาสนี้ละ หากไม่ได้เข้าเงื่อนไขที่บอกตอนต้น Jo ถึงเป็นตัวเลือกที่ดีมากๆ ในคลาสเลย
ปล.หากไม่ติดขนาดและภายใน ผมว่าตัว Nissan Kicks ตัวใหม่ที่กำลังมาน่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลย ส่วนตัวผมชอบภายใน Jo ที่สุดแทบไม่ต้องเอาไปเทียบเลย คนละโลกกับรุ่นอื่นในคลาสเลย
ปล2.ตั้งใจจะกด HRV วันเปิดตัวพอไปดูตัวจริงรับไม่ได้กับภายในเลย จอเตาติ๊ง ปีกกระหัง คอนโซนโบราณสุดๆ แม้จะชอบภายนอกและสีขาวพิเศษมากก็ตาม
เรื่อง วัสดุภายใน ออพชั่น ราคา jo มันผ่านอยู่แล้วครับ
แต่ประเด็นสำคัญของ jo คือเรื่องที่มันไม่ประหยัดน้ำมันเลย ทั้งๆที่มันควรจะประหยัด (eco sticker ก็เว่อร์จัดๆ)
กับส่วนต่าง 200-300k กับยุคน้ำมันแพงแบบนี้ ไฮบริดที่ใช้งานได้จริง ผมว่าคุ้มค่าน้ำมันแทบไม่ต่างกับที่เสียเพิ่มไปเลยครับ
อย่างผมขับ chr ตัวเบนซิน ก็ได้ค่าเฉลี่ยเท่า jo ที่เป็นไฮบริดครับ
hybrid ค่ายอื่นในเมืองได้ 10ปลายๆ กันแทบจะเป็นเรื่องปกติเลยครับ
ยิ่งนอกเมือง บางคนกดได้ 20ปลาย ถึง 30ต้นก็มี (ผมเคยเห็นจากท่านอื่นลงรูปให้ดูในกลุ่มเฟสครับ)
ผมใช้ทั้งคู่ครับ ส่วนต่างคร่าวๆคือประมาณ 5+-km/l เติมกลับจริง
เทียบให้เห็นภาพ
เมื่อคำนวนค่าน้ำมันที่ 100,000 กิโล(say ว่า5ปี) ในอัตราส่วนต่างที่ 5km/l
ส่วนต่างค่าน้ำมันคิดที่ลิตรละ 45 บาท เมื่อครบแสนโลจะอยู่ที่ 60,000 บาทครับ
ตัวแปรเพิ่มคือสไตลการขับ / ราคาค่าน้ำมัน และ กิโลที่วิ่ง อย่างที่บ้านผม Jo ใช้น้อยกว่าเพราะผมทำงาน WFH ไมล์ต่างกันเท่าตัว อาจใช้เวลามากกว่า 5ปี ในการเติมน้ำมันส่วนต่างครบราคา 6หมื่นบาท กลับกันถ้าสมมุติน้ำมันขึ้นราคามากกว่านี้ ผมให้เวอร์เลยคือลิตรละ 90 บาท ส่วนต่างตอนแสนโล ก็จะอยู่ที่ 120,000 บาทครับ ส่วนสไตลการขับก็มีผลเช่นกัน ถ้าเหยียบหนักมากๆ ก็อาจใช้เวลาถึงส่วนต่างที่สั้นลง ในทั้งสองฝั่ง
คำนวนให้ตายยังไงก็ไม่มีทางไหนถึง 100,000 บาทได้เลยครับเมื่อถึง 1แสนโลสำหรับส่วนต่างค่าน้ำมัน นอกจากจะใช้รถ 2-3แสนโล ป่านนั้นก็ไม่รู้จะมีรถน้ำมันเหลืออยู่ไหม
ปล.ผมพยายามอธิบายด้วย Fact นะครับ แต่เข้าใจว่าซื้อของพวกนี้มันเลี่ยง Bias ไม่ได้อยู่ละ(ไม่งั้นไม่ได้ HRV มาแน่ 555+)
เทียบให้เห็นภาพ
เมื่อคำนวนค่าน้ำมันที่ 100,000 กิโล(say ว่า5ปี) ในอัตราส่วนต่างที่ 5km/l
ส่วนต่างค่าน้ำมันคิดที่ลิตรละ 45 บาท เมื่อครบแสนโลจะอยู่ที่ 60,000 บาทใช่มั้ยครับ
แต่ประเด็นคือมันส่วนต่างมันไปถึง 15km/l ครับ
อย่างผมสิงอยู่ในกลุ่มเฟส พวก chr hybrid
โดยเฉลี่ยขับกันได้20ปลายๆกันทั้งนั้นครับ
ในขณะที่ jo
โดยเฉลี่ยขับกันได้10ต้นๆ (ผมเข้าไปส่องที่เป็นกลุ่มเฟสสาธารณะของ jo มา)
เทียบบรรญัติไตรยางค์ง่ายๆ จาก 60,000 บาท ที่ 5km/l มันก็จะไปถึง 180,000 บาท ที่ 15km/l
อีกอย่าง ค่ายรถญี่ปุ่นมันมีส่วนลดราคารถด้วย ไม่เหมือน jo ที่ราคาnetแล้ว
อย่างตอนนี้ chr ส่วนลดที่ได้กันเยอะสุดช่วงนี้ที่ 70,000 บาทครับ
180,000 + 70,000 ก็จะ 3แสนแล้วครับ
แต่ไม่เป็นไรครับ ต่างคนต่างความคิด นานาจิตตังครับ
เพราะเอาจริงๆราคาน้ำมันมันก็น่าจะ 45 บาทแค่ปีนี้