ซุปตาร์ยูโร
Status:
: 0 ใบ
: 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Oct 2019
ตอบ: 13898
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Dec 08, 2021 21:15
ผมยังไม่ได้ลงใน Cypto นะครับ แต่ผมชอบอ่านบทความของพี่รันมากกกกก แกเขียนไว้ตอน มิ.ย.
นโยบาย FED กับตลาด DeFi
ขึ้นดอกเบี้ยจริงมั้ย ลด QE จริงมั้ย แล้ว DeFi จะเป็นยังไงในปี 2022
ผมยกบทความเดิมที่โพสเมื่อเดือนมิถุนายนมาปรับใหม่ให้เหมาะกับสถานการณ์ โดยจะมี ข้อความ เอาไว้ในส่วนที่ผมปรับเปลี่ยนเนื้อหาให้อัพเดทนะครับ
บทความนี้เป็นบทความเมื่อเดือนมิถุนายน 2021
ช่วงนี้มีเพื่อนๆ เริ่มคุยกันเรื่อง FED น่าจะมีแนวโน้มการดึงเงินกลับ ลด QE หรือ QE Tapering รวมถึงขึ้นดอกเบี้ยใน Q4 ปีนี้หรือ Q1 ปีหน้า สิ่งที่คนสงสัยว่าจะเกิดจริงมั้ย แล้วถ้าเกิดตลาดจะเป็นยังไงบ้าง
1. การลด QE จะเกิดจริงมั้ย..?
ตอบแบบตรงๆ คือ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ
ถ้ามองแบบ fundamental ไม่เอาเรื่องอื่นๆ มาคิดเลย ผมคิดว่า รัฐบาลสหรัฐต้องใช้เงินเยอะมากตามนโยบายการคลัง วงเงินที่ต้องใช้น่าจะสูงถึง 6-9 ล้านล้านเหรียญ คำถามคือ ถ้า FED ไม่พิมพ์เงินแล้ว จะหาเงินมาอัดฉีดตามนโยบายการคลังได้หรือไม่..? (ส่วนตัวผมยังแอบเชื่อว่ายาก แต่อะไรๆ ก็เกิดได้กับรัฐบาลสหรัฐ โกงเกมมานับไม่ถ้วน)
บทสรุปปลายปีคือ การลดวงเงินน่าจะเกิดแน่นอนจากปัญหาเงินเฟ้อเกินคาดของสหรัฐอเมริกา และอาจจะเป็นการลดแบบแข็งกร้าวด้วย แต่คำถามคือ ฝั่งการคลังจะเอาเงินที่ไหนมาอัดฉีด ถ้า FED ลด QE เร็วขนาดนี้ ยังเป็นประเด็นที่ผมยังคงไม่มีคำตอบ ถ้าจะมีกลไกใดที่จะทำให้มีเจ้าหนี้มารับไม้ต่อจาก FED จริง แปลว่าเงินทั่วโลกจะโดนดึงกลับตลาดพันธบัตรสหรัฐ ที่จะทำให้สินทรัพย์เสี่ยงทุกอย่างบนโลกปรับฐานลงแน่ๆ
2. การขึ้นดอกเบี้ย จะเกิดจริงมั้ย..?
อันนี้ผมคิดว่ามีโอกาส
ต้องเข้าใจก่อนว่า ดอกเบี้ยปัจจุบันนี้ มันเกิดจากการลดอย่างฮวบฮาบในช่วง covid outbreak ดังนั้นถ้าภาวะ covid กลับสู่สถานการณ์ปกติ การยกดอกเบี้ยกลับขึ้นไปสู่จุดที่ควรจะเป็นจึงเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล
แต่ผลกระทบที่ตามมาคือ ภาระหนี้ภาครัฐที่สูงอยู่แล้ว เจอดอกเบี้ยขาขึ้นเข้าไป หนี้จะยิ่งพุ่ง
อันนี้บทสรุปคือ ดอกเบี้ยขึ้นแน่ๆ ครับ
3. ถ้าเกิดเหตุการ QE Tapering และขึ้นดอกเบี้ย ตลาดจะเป็นยังไง..?
การดึงเงินที่อัดฉีดเข้าไปออกจากระบบมีแนวโน้มจะกระทบกับตลาดแน่ๆ และถ้าเราดูจากภาพ จะเห็นว่า ช่วงปี 2018 ที่มีการทำ QE Tapering เป็นช่วงที่ตลาด Crypto ฟองสบู่แตกพอดี ถามว่า เป็นเรื่องบังเอิญ หรือเงินไหลออกจากตลาด Crypto จริงๆ อันนี้ผมไม่สามารถให้คำตอบได้
แต่ส่วนตัวคิดว่าเป็น coincident มากกว่าครับ ช่วงนั้นฟองสบู่ Crypto บวมเป่งได้ที่พอดี แต่ที่คิดว่ามันไม่ได้สัมพันธ์กันตรงๆ ก็เพราะเม็ดเงินในปี 2018 ในตลาด Crypto นั้นส่วนใหญ่เป็นเม็ดเงินของนักลงทุนรายย่อย ไม่ได้สัมพันธ์โดยตรงกับเงินของกลุ่มสถาบันที่จะถูกดึงกลับหลังการทำ Tapering
ส่วนตลาดสหรัฐ ได้รับผลกระทบในช่วงสั้นๆ แล้วกลับวิ่งต่อได้เหมือนเดิม
ตอนนี้ผมก็ยังคิดว่า ตลาด Crypto ในปี 2018 แตก กับการลดงบดุลของ FED เป็นแค่เรื่องบังเอิญนะ แต่ความจริง ก็ไม่รู้เลยจริงๆ ว่ามันเกี่ยวกันมั้ย แต่รอบนี้ปี 2022 สถาบันมาถือ crypto ค่อนข้างเยอะอยู่ ดังนั้นถ้า FED ต้องหาเจ้าหนี้มารับไม้พันธบัตรสหรัฐต่อจริงๆ เงินน่าจะต้องไหลกลับตลาดพันธบัตรแน่ๆ อย่างที่บอกไว้ข้างต้น
โดยถ้าคิดในแง่เหตุและผลแล้ว ผมคิดว่ามีโอกาสที่จะเกิดสิ่งต่างๆ เหล่านี้
1. เงินไหลออกจากตลาด Crypto จากการเทขายของกลุ่มสถาบันใหญ่ (ซึ่งมีมากพอสมควร แต่ก็ยังเทียบไม่ได้กับเงินทั้งหมดในตลาด)
ยังคงความเห็นเดิม
2. ตลาดหุ้นตกจากความกังวลเรื่องการลด QE และขึ้นดอกเบี้ย ทำให้เงินไหลไปที่ Crypto มากขึ้น เพื่อกระจายความเสี่ยง
ยังคงความเห็นเดิม
3. ในภาพใหญ่ระดับปี หากดอกเบี้ยเป็นขาขึ้นจริงๆ คนที่จะเจ็บที่สุดคือกลุ่มผู้ถือพันธบัตรรัฐบาล เพราะจะขาดทุนจาก mark to market ถ้าเป็นแบบนั้น กลุ่มนักลงทุนที่ลงทุนในพันธบัตร จำเป็นต้องหันหน้าหาการลงทุนทางเลือกมากขึ้น
ยังคงความเห็นเดิม
ดังนั้นผมให้คำตอบแบบนี้ครับ
ในระยะสั้น ถ้าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED รวมถึงนโยบาย QE Tapering มาจริงๆ คงกระทบกับตลาด Crypto บ้างไม่มากก็น้อย ภาพสั้นๆ ตลาดอาจจะไม่ดีนัก
แต่ในภาพใหญ่ระดับปี ดอกเบี้ยขาขึ้นจะกดดันเงินบางส่วนให้เงินไหลออกจากตลาดพันธบัตร และการลงทุนทางเลือกอย่าง Crypto ยังคงเป็นหนึ่งใน asset ที่ผมคิดว่ามีโอกาสที่จะไปได้อีกในภาพใหญ่
ทั้งนี้ทั้งนั้น เราต้องดูพัฒนาการของ DeFi ว่าจะยังเติบโตไปในทิศทางที่เป็นบวก มากกว่าตลาดปั่นเหรียญแบบที่เป็นมาในช่วงที่ผ่านมาหรือเปล่าด้วยประกอบกัน
ยังคงความเห็นเดิม
PS. เพิ่มอีกประเด็นคือ การลด QE ถ้าจะทำจริงแปลว่า FED ต้องหาเจ้าหนี้รัฐบาลมาแทนตัวเอง ทำยังไงที่คนจะอยากเข้ามาถือหนี้สหรัฐในภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น ที่รับก่อนก็เจ็บก่อน..? ผมคิดว่ามีทางเดียวคือ ดอลล่าร์จะต้องแข็งขึ้น เพื่อให้เจ้าหนี้ได้กำไรจากดอลล่าร์แข็งค่า ชดเชยการขาดทุนจาก mark to market ของพันธบัตรดังนั้น หาก Tapering เกิดจริงๆ ผมคิดว่าดอลล่าร์ควรจะต้องเป็นขาขึ้นตามไปด้วย
อันนี้แอบขิงนิด ผมคาดการณ์ถูกต้องคือ ดอลล่าร์แข็งมากในปีนี้โดยเฉพาะช่วงครึ่งปีหลัง
แก้ไขล่าสุดโดย growthseek เมื่อ Wed Dec 08, 2021 21:16, ทั้งหมด 2 ครั้ง