[ขอระบาย] ปัญหาชีวิต ชีวิตคู่
ผมชั่งใจอยู่นานว่าจะพูดหรือจะกล่าวออกมาดีมั้ย เพราะผมเชื่อว่าทุกๆคนต่างก็พบเจอกับปัญหาชีวิตทั้งสิ้น ไม่มีใครหนักไม่มีใครเบา อยู่ที่คนๆ นั้นรับมือได้แค่ไหนมากกว่า
แต่ในตอนนี้ผมรู้สึกเหนื่อยกับชีวิตมากๆ จากปัญหาดังเช่นเรื่องที่คนทั่วไปพบเจอครับ "เงิน" ยิ่งเศรษฐกิจแบบนี้ยิ่งพูดยาก
เกริ่นมาพอแล้ว เข้าเรื่องเลยดีกว่า ไหนๆ ก็จั่วหัวเรื่องชีวิตคู่เอาไว้แล้วก็อยากระบาย
ผมกับแฟนแต่งงานกันมาได้ 5-6 ปีแล้วครับ
เธอมีหนี้ก้อนโตพอๆ กับค่าผ่อนรถ suv ตัวท็อปได้เลย เนื่องจากเธอโดนพ่อกับแม่ของเธอหลอกให้กู้เงินมาเพื่อที่จะเอาไปใช้หนี้ให้น้องสาวที่ไปก่อเอาไว้ และไปไถ่ที่ที่พ่อของเธอเอาไปจำนอง หลังจากเคลียร์หนี้เสร็จเธอก็ถูกขับไสออกมาเพราะเธอไม่สามารถที่จะส่งเงินให้แม่เธอได้รับเหมือนเดิมไม่ได้ ตรงนี้ผมสงสารเธอมาก
ซึ่งนั่นทำให้เธอมีหนี้ติดตัวมา ผมจึงบอกกับเธอว่าให้มาเริ่มใหม่กัน ประจวบกับตอนนั้นผมสอบติดราชการจึงตัดสินใจลาออกจากงานเอกชน แม้เงินเดือนจะน้อยลงมากแต่ก็ถือว่ามีความมั่นคงขึ้น ก็คิดว่าคงช่วยเหลือกันไปเดี๋ยวก็ดีขึ้น
ในแต่ละเดือนหนี้ของเธอนั่นกินเงินเดือนผมไปกว่า 70 เปอร์เซ็นเมื่อหักจ่ายค่าเช่าห้องและค่าน้ำไฟนั่นทำให้เงินเดือนผมแทบไม่เหลืออะไร ส่วนตัวเธอก็ได้ลาออกและเปลี่ยนงานเพื่อที่จะได้ตามผมมาโดยเงินเดือนของเธอลดเกินกว่าครึ่ง ไม่แม้แต่จะจ่ายหนี้ที่พ่วงมาของเธอได้เลย พอเอามาใช้จ่ายจิปาถะแต่ละเดือน แน่นอนครับไม่เหลือเก็บแม้แต่บาทเดียว ผมก็พยายามทักท้วงแต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรมากในเมื่อเธอตัดสินใจแล้ว ก็คงมีวิธีการของเธอเองต่อไป
แต่ยิ่งอยู่นานผมก็เริ่มเหนื่อย ผมเริ่มเหมือนคนหมดแรง ผมเหมือนคนที่เดินลุยโคลนแล้วลากบางสิ่งบางอย่างที่หนักเหมือนหินตามมาด้วย ยอมรับว่ามันทำเอาผมซึมเศร้าอยู่เหมือนกัน
งานประจำของผมที่เป็นรายรับหลักๆ ก็โดนกดดันมากๆ ยิ่งงานในระบบราชการ ผมที่เคยทำเอกชนมาก่อน เจอระบบแบบนี้เข้าไปผมแทบร้อง เงินเดือนเริ่มต้นน้อยนิดงานที่ทำเกินเงินเดือนไปสามสี่เท่า
ผมพยายามหางานเสริมทำ เท่าที่มีเวลาทำได้ บางครั้งก็ขายออนไลน์ ขายของสะสมตัวเองออกไปเรื่อยๆ เพื่อที่จะได้มีรายรับเข้ามาบ้าง ศึกษาเรื่องหุ้นศึกษาเรื่องลงทุนแบบหามรุ่งหามค่ำ เพื่อที่คิดว่าชีวิตตัวเองจะต้องดีขึ้นได้ แม้แต่ทำอาหารขายตามเดลิเวอรี่ผมก็ทำ แต่ก็ไม่ได้มีเวลาทำบ่อยและต่อเนื่องมากนัก แถมยังเหนื่อยจากงานประจำ ผมก็เลยหยุดไป
ย้อนกลับมาที่แฟนผม เธอได้งานทำออฟฟิสในโกดังที่ค่อนข้างสบายแค่รอปล่อยสต็อควันละสามสี่ครั้งเท่านั้น แต่เงินเดือนก็เท่าที่งานเธอทำ
ผมบอกแล้วว่าเงินเดือนเธอทั้งเดือนไม่สามารถที่จะใช้หนี้ของเธอในแต่ละเดือนได้เลย แต่ดูเธอพอใจกับจุดนั้นมาก ไม่โดนกดดัน นั่งในออฟฟิสห้องแอร์ รอแค่คนมารับสินค้า เช็คสต็อค แล้วก็กลับไปนั่งห้องแอร์รอคิวถัดไป (ผมรู้เพราะเคยไปนั่งออฟฟิสเธอทั้งวันเพื่อที่จะดูว่าชีวิตการทำงานของเธอเป็นไงบ้าง)
ผมเคยพูดกับเธอว่าหางานใหม่ดีมั้ย มันสบายก็จริงแต่เงินมันน้อยมากๆ นะ หรือไม่ก็ขายออนไลน์หาสินค้าศึกษาดูจริงจังก็ได้ แต่ก็ไม่รู้ทำไมเมื่อผมคุยอะไรทำนองนี้ มักจะจบลงด้วยการทะเลาะกันทุกครั้ง และเป็นผมที่พูดอะไรต่อไม่ได้เอง
ผมพยายามทำทุกสิ่งเพื่อที่เธอจะได้มีเวลาไว้ค้นหาสิ่งที่จะพลิกฟื้นชีวิตได้ ไม่เว้นแม้แต่การทำงานบ้าน ทำกับข้าวทำอาหาร พยายามประหยัดขนาดที่ว่าห่อข้าวไปกินที่ทำงาน แต่กลับกันตัวเธอนั้นสั่งเซเว่นตกวันละไม่ต่ำกว่า 300 เฮ่อพูดมาถึงตรงนี้แล้วก็เหนื่อย
ในตอนนี้ผมพูดเรื่องเงินไม่ได้เลยครับ ทะเลาะกันทุกที ในตอนนี้ผมไม่คาดหวังว่าจะต้องหาเงินมาเป็นกอบเป็นกำ ผมคาดหวังแค่ว่าจะเห็นชีวิตที่ดีขึ้นของเราสองคนแค่นั้นเองครับ พูดจริงๆเลย เพราะผมคงทิ้งเธอไม่ลง เราสองคนไม่เคยมีปัญหานอกใจหรืออะไรสักครั้งครับ มีแค่เรื่องเงินอย่างเดียวที่มันทำให้อึดอัดใจอยู่ในตอนนี้
ขอบคุณที่อ่านและรับฟังนะครับ ขออภัยที่เขียนจนยืดยาว ผมคุยกับเค้าไม่ได้ก็เลยหาที่ระบาย