ผมมาลองคิดๆ ดู
ไอ้ที่หลายคนว่า ถ้าขึ้นค่าเหนื่อยให้โม แล้วคนอื่นๆ น่าจะเข้าใจ
ผมว่าประเด็นนี้ มันดูโลกสวยไปหน่อย
เหมือนเราทำงานบริษัทอะ บริษัทเห็นว่ามีคนทำงานดี ให้เงินเดือนเยอะ
ต่อให้เราไม่ได้เจ๋งเท่าเขา แต่เราก็อยากได้เพิ่มอยู่ดี ถ้าเรารู้ว่าอีกคนได้มากกว่าเรา 2-3 เท่า
เรื่องเงิน น้อยคนที่จะยอม ยิ่งอาชีพนักฟุตบอล ทำเงินได้ไม่นาน
ตอนนี้เพดานอยู่ที่ 220k
พวกตัวท๊อปๆ มันไล่กันแบบต่างกันหลักหมื่นปอนด์
100, 120, 140, 160, 180, 200, 220k อะไรแบบนี้
มันก็ยังรู้สึกว่าต่างกันไม่มาก พอยอมรับได้
แต่ถ้าสมมติซาล่าห์ได้ 400k ปุ๊ป
พวกที่ได้ 100 ก็คงอยากได้ 150 หรือ 200
พวกที่ได้ 150 คงอยากได้ 200 หรือ 250
และอย่างฟานไดจ์ อลิซอน หรือแม้แต่มาเน่ ที่บางคนบอกฟอร์มไม่ดี
คิดว่ามาเน่ จะคิดว่า เออ ชั้นยิงสากบ่อย งั้นก็เอาแค่นี้พอแหละ ผมว่าคงไม่ใช่
เอเย่นต์คนอื่น เห็นโมได้ ยังไงก็ต้องปั่นให้นักเตะตัวเองได้บ้าง
ทีนี้จะเกิดการงัดข้อกับสโมสรแล้ว
ซึ่งแน่นอนว่า ถ้านักเตะอยากได้มั่ง แต่สโมสรไม่ให้
สุดท้ายก็คงจบที่ขอย้ายสโมสรแหละ
เพราะที่ผ่านมา ยอมรับว่า นักเตะเราเล่นให้สโมสรเรา ใจมาก่อนเงินทั้งนั้น ไม่งั้นคงย้ายไปทีมอื่นกันแล้ว
แต่ถ้าเห็นเพื่อนได้ เราก็คงอยากได้บ้าง
เลยคิดว่า มีใครอีกบ้างที่สมมติ ขอขึ้นเงินแล้วสโมสรต้องให้ ไม่ปล่อยให้ย้ายบ้าง
เช่น เทรนท์ขอ 200k
ฟานไดจ์ขอ 350k
มาเน่ขอ 300k
อลิซอนขอ 350k
ฟาบินโย่ขอ 200k
โจต้าขอ 180k
ฯลฯ

คิดกันง่ายไปไง จะบอกในทีมเข้าใจ เข้าใจแต่ไม่ทุกคน
เกิดที่ปีนี้โจต้ายิง 20 ซาล่า 25 แอสซิสเท่ากัน สโมสรจะต่อสัญญาโจต้าแค่ 120K ไม่ได้แน่ๆ
โจต้าก็หยิบไปอ้างได้ว่า ผมยิงน้อยกว่าบังจริง แต่ก็ไม่ใช่ต่างกันระดับ 2 เท่าสิ แค่นี้ก็ตายแล้ว

แล้วไอคนต่อไปก่อนอย่าง ไดร์ค อาลี เฮนโด้ มันจะรู้สึกถูกหักหลังมั้ย

แต่ถ้าจะย่ำอยู่ที่เดิม ไม่ดีในระยะยาวแน่ๆแหละ
นักเตะระดับโลกจะไม่อยากอยู่ต่อ และไม่อยากมาเพราะได้เงินน้อยกว่าทีมลุ้นแชมป์ด้วยกัน

ค่าเหนื่อยมันก็ต้องสมน้ำสมเนื้ออะนะ


ถ้าเราทำงานหนัก ผลงานดี บริษัทไม่ขึ้นเงินเดือนให้ เราก็ไม่แฮปปี้

สุดท้ายถ้าลิเวอร์วางเป้าให้ยืนในระดับเทียบเท่าแมนยู เชลซี (พูดถึงสถานะทางการเงิน)

ก็ต้องขยับเพดานค่าเหนื่อแหละ

ก็คำถามง่าย ๆ คุณจ่ายแล้วคุณกล้าพังเพดานค่าเหนื่อยไหมละ มองง่าย ๆ ให้ ซาล่า 400K นะ

ok ซาล่าเล่นได้อีก 2 - 3 ปีแล้วหมดตามอายุ มีดาวรุ่งคนใหม่ขึ้นมา หรือ นักเตะใหม่เข้ามาเล่นแบบซาล่า ทีนี้ท่านคิดว่าเขาจะขอเท่าซาล่าหลอ เขาก็ต้องขอมากกว่า แล้วพวกที่จะต่อสัญญาก็จะขอมากขึ้นเพราะมึงจ่ายได้นิ งั้นกูขอหน่อยแล้วกัน

แล้วดาวรุ่งจะต่อสัญญาก็จะขอมากขึ้นเรื่อย ๆ

นักเตะอันดับ1ของลีก อยู่ระดับท้อปมาหลายปี แต่ค่าเหนื่อยยังได้น้อยกว่านักเตะทีมอื่น เป็นซาร่า ถ้าไม่ให้ ผมก็ย้าย ไปที่ๆเขาให้ค่าเหนื่อยสมกับฝีเท้าหน่อย

ค่าเหนื่อยน้อยกว่าริ่งด้วยมั้ง แล้วดูริ่งเล่นสิ

ถ้ามองว่าฟุตบอลเป็นธุรกิจ ก็มองได้แหละ

แต่ผมคิดว่ามันไปเทียบกับบริษัท ไม่ได้ขนาดนั้น
ผลงานปัจจุบันมันเป็นตัวสะท้อนอยุ่แล้ว การให้เงินในแต่ละคนก็ต่างกันซึ่งต่างกับโครงสร้างบริษัทปกติ

ถ้าจะคล้ายที่สุดก็คงเป็นบริษัทที่เซลล์ขายได้เยอะได้ค่าคอมเยอะ

ลิวเอร์ก็ออกแนวๆ นั้นคือส่วนใหญ่จะให้เป็นค่าโบนัสอะไรแบบนี้มากกว่า คือบวกจากฐานเอา

สมัยทำงานกับบริษัทเดิม เพื่อนสนิทผมก็ทำแผนกเดียวกัน และมันทำงานดีเลยแหละ (ดูก็รู้ว่าโตไวกว่าคนอื่นๆแน่ๆ)

บวกกับผมไม่ยอมติดสัญญาเพื่อไปเทรนงานที่ญี่ปุ่น (เพราะต้องเซ็นสัญญาไปเทรน 2 ปี กลับมาชดใช้ 4 ปีรวมเป็น 6 ปี)

ดังนั้นเวลาประเมินเพื่อปรับเงินเดือน (ไม่รู้แม่มใช้เกณฑ์อะไร) มันจะได้ปรับมากกว่าผมแน่ๆ ขึ้นอยู่กับมากหรือน้อย

ให้สนิทกันแค่ไหน ถ้าอัตราการปรับมันต่างกับผมเยอะๆ ผมก็เคืองอ่ะ..เพราะงานบางทีก็แทบจะงานเดียวกันเลย ผลลัพธ์ก็ผ่านทั้งคู่

ซึ่งผมไม่ได้เคืองมันนะ แต่เคืองบริษัทเนี่ยแหละ..โอเคกูทำตามที่มรึงจ่ายกรูละกัน มันเป็นแบบนี้เสมอแหละฮะกับองค์กร

กับฟุตบอลก็ไม่ต่างกันอ่ะ เพื่อนๆมันไม่เคืองโมหรอกเพราะโมมันเก่ง แต่มันจะเคืองสโมสรที่ทำไมไม่ปรับให้แต่ละคนสูงๆมั่ง

แบบนี้บริหารคนลำบากเลยนะฮะ..ที่บอกให้ๆไปเหอะ(ไม่ใช่เงินตรู จรูไม่เดือดร้อน) แต่พอให้แล้วต้องปรับเพดานทั้งสโมสรนะ

พอปรับแล้วไม่มีเงินซื้อตัวใหม่เข้ามา ผมก็เห็นแฟนๆเนี่ยแหละที่จะเดือดร้อน


ปล. ในเหตุการณ์จริงคือเงินเดือนผมไม่ได้ต่างกับมันมากนะฮะ..แต่ประเมินทีรัยผมได้ระดับต่ำกว่าคนอื่นๆทุกคนตลอด

เพราะบริษัทให้เหตุผลเรื่องที่ผมไม่ยอมเซ็นสัญญา เลยมากดเกรด (แต่เ-ือกจ่ายงานเหมือนๆกับคนไปเทรนเป๊ะๆเลยนะ)

เมื่อถึงจุดนึงไม่พอใจก็ลาออกมาทำกับที่บ้าน..จริงๆนักบอลก็เหมือนกันแหละ ถ้าสโมสรไปโอ๋คนใดคนนึงที่เหลือก็ไม่พอใจอ่ะ

เคยเขียนไปทู้นึงละ ผมว่า fsg ถ้ายอมต่อสัญญาให้แพง ก็คือเตรียมขายได้ราคา ผมว่ายังไง fsg ไม่ยอมให้เพดานค่าเหนื่อยพังแน่ระยะยาว

พูดยากในเชิงแผนธุรกิจกับหน้างานที่มันดันมาถึงจุดต้องตัดสินใจ จริงๆผมยกตัวอย่างแมนซิ โอเคเค้ามีเงินมากกว่าทีมเรา มีนักเตะที่ค่าเหนื่อยระดับ 300k 400k

แต่พอมองคนอื่นๆมันก็ไม่ได้เฟ้อ วอคเกอร์ค่าเหนื่อยน้อยกว่าเทรนท์อีก พวกตัวหลักอื่นๆมันก็อยู่ไม่เกิน 150k ส่วนใหญ่ ถ้าคนในทีมเอาตัวเองไปเทียบกับริ่ง 300k สโตน 250k ผมว่าค่าเหนื่อยแต่ละคนมันจะมากกว่า 150k เลยนะ

ข่าวของ Chris Bascombe อะ ซึ่งคนนี้ก็ค่อนข้างแม่นนะ ผมฟัง โคตรแอ๊คมาเมื่อเช้า จริงๆอยากเข้าไปอ่านเองนะ แต่มันเสียเงิน

เค้าบอกว่า พรีเมียร์มีกฏว่า ค่าเหนื่อยทั้งหมด ห้ามเกิน 70% ของรายได้ ..... ของเรา 65% ไปแล้ว ณ เวลานี้

ผมว่ามันไม่ใช่แค่ เพดานค่าเหนื่อยที่เราคิดอะ แต่มันมีกรอบที่บอกอยู่ว่า มันได้แค่ประมาณไหน

รายได้แมนยูมากกว่าเรา แค่ค่าเหนื่อนทั้งสโมสรยังน้อยกว่าเราเลยนะ

**** ผมไม่ได้บอกว่า โมไม่สมควรได้เงิน แต่ถ้ามันมีกฏเกณฑ์บางอย่างที่วางเอาไว้อยู่ จะไปแหกกฏก็ไม่รู้จะโดนอะไรบ้าง

ตลอดเวลาที่ผ่านมาน่ะ พวกที่ชอบมาบอกว่าเท่าไหร่ก็จ่ายไปเถอะ เพราะคนพวกนี้ไม่ได้มองในมิติของเจ้าของกิจการหรือผู้บริหารไง
คือมันต้องมองในหลายมิติ ไม่ใช่เอะอะก็จะควักจ่ายอย่างเดียวโดยไม่คิดถึงผลกระทบที่จะตามมา

ลองเปิดร้านหรือกิจการอะไรซักอย่างดูแล้วจะเข้าใจแจ่มแจ้งเอง

ไม่รู้ว่าซวยหรือโชคดี ที่ต้องมาต่อสัญญาตอนที่ซาล่าฟอร์มดีที่สุด

ถ้าเป็นฟอร์มซาล่าปีที่แล้ว แล้วมาเรียก4แสน คงโดนแฟนในนี้ด่าไปหมดแล้ว

แต่ถ้าไม่ต่อ ปีหน้าคงโดนขายไปปารีสแทบจะ100%

ส่วนลิเวอร์พูล ก็มาลุ้นผู้เล่นใหม่เอา ว่าจะช่วยทีมได้มากแค่ใหน ยิงซัก 20-30 ลูก 5 ปีติดได้มั้ย

ทุกคนที่คิดว่าย้ายไปทีมใหม่ได้เงินเยอะกว่า แล้วมีความสุขคงอยากย้ายหมด


จากใจแฟนเรือ แต่สนับสนุนให้ไม่ต่อเว่อแล้วขายให้ได้ราคามากกว่า ดึงเพดานค่าเหนื่อยค่าตัวลงมาหน่อย

คลอปยังอวยว่าฟอร์มปีกอันดับ 1 ของโลกเลย ค่าเหนื่อย4แสน กับฟุตบอลยุคนี้ นักเตะระดับนี้ มันถือว่าไม่แพงจนจะให้ไม่ได้อะนะ ต้องโทษพวกทีมเศรษฐีแหละ ให้ค่าเหนื่อยนักเตะเยอะจนใครเก่ง หน่อย เอเยนต์ ก็เรียกค่าเหนื่อยแพง ค่าตัวแพงกันไปหมด