คือผมสงสัย มานาน แต่ก็ไม่เข้าใจคำอธิบายของพวก จนท.หรือ ผู้บริหารนะ

ใครก็ได้ลองสรุปแบบเข้าใจง่ายให้ทีครับ

ขอบคุณครับ

จ่ายภาษีพอๆกับประเทศพัฒนา

คุณภาพชีวิต ตาสีตาสา ยังสู้หมาทรง...ไม่ได้

เก็บภาษีแพงกว่าชาวบ้านชาวช่องเขาครับ สั้นๆ

ภาษีครับ ไม่ใช่เสียภาษีต่อเดียวนะ เสียหลายต่ออีก

ภาษีที่แพงมากๆครับ

ภาษีสรรพสารมิตร + Vat นี่ก็ประมาณ 7-8 บาทต่อลิตรละ

มีบวกกองทุนนิดหน่อย แต่เทียบแล้วผมว่าตัวหลักคือภาษีนี่แหละ

เราเป็นรัฐสวัสดิการครับเพราะฉะนั้นภาษีก็ต้องเก็บเยอะหน่อยอ่ะนะ

จ่ายภาษีพอๆกับประเทศพัฒนา

คุณภาพชีวิต ตาสีตาสา ยังสู้หมาทรง...ไม่ได้

ยกตัวอย่างเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านนะครับ ข่าว ณ วันที่ 15 มี.ค. 2564

โดย 5 สาเหตุที่ทำให้ราคาน้ำมันไทยที่ประเทศพม่าถูกกว่าในไทย เนื่องจาก

1.นโยบายภาครัฐเรียกเก็บภาษีน้ำมันของพม่าน้อยกว่าเมื่อเทียบกับไทย

2.มาตรฐานยูโรที่บ่งบอกคุณภาพน้ำมันของพม่ากำหนดไว้ที่ยูโร 2-4 ต่างกับไทยกำหนดต่ำสุดไว้ที่ยูโร 4 เป็นผลดีต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า

3.รัฐบาลพม่าไม่ส่งเสริมเรื่องพลังงานทดแทนต่างจากไทย

4.โครงสร้างราคาน้ำมันของพม่าไม่เก็บเงินเข้ากองทุนต่างๆ

5.ราคาขายปลีกน้ำมันหน้าสถานีบริการในพม่าตั้งโดยสมาคมกลุ่มผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ (Myanma Petroleum Trade Association – MPTA) โดยหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ (Myanma Petroleum Product Enterprise – MPPE)



ขณะที่ราคาขายปลีกน้ำมันสำเร็จรูปของไทย ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ 60% เป็นราคาต้นทุนน้ำมันสำเร็จรูป (ซึ่งมีการขึ้นลงตามราคาตลาดโลกและอัตราแลกเปลี่ยน) อีก 35% เป็นค่าภาษีและกองทุนที่รัฐเรียกเก็บ และ 5% เป็นค่าการตลาด รวมถึงรายได้ที่ยังไม่หักค่าใช้จ่ายของปั๊ม

“สาเหตุที่ราคาพลังงานแต่ละประเทศไม่เท่ากัน เพราะราคาที่ส่งขายออกไปให้พม่า เป็นราคาขายหน้าโรงกลั่นที่อ้างอิงจากตลาดสิงคโปร์ ซึ่งยังไม่ได้รวมภาษีตามโครงสร้างราคาของแต่ละประเทศ หรือแต่ละท้องที่กำหนดแตกต่างกันไปเหมือนราคาขายส่ง จึงทำให้ราคาที่ส่งออไปยังเมียนมาแตกต่างจากราคาขายหน้าปั๊มบ้านเราที่บวกโครงสร้างภาษีประมาณ 34% และค่าการตลาด 8% รวมถึงการนำส่งเงินเข้ากองทุนและคุณภาพน้ำมันที่เมียนมากับไทยก็มีมาตรฐานต่างกัน”

อ้างอิงข่าวจาก : https://www.khaosod.co.th/economics/news_6137656

สรุปๆ ก็คือ เราเก็บภาษีนำเข้าแพง ก็เลยต้องขายแพงไปด้วยครับ

แล้วทำไมเขาไม่ลดภาษีอะครับ แล้วกองทุนพวกนี้ช่วยอะไรมั้งครับ? เคยได้ยินว่าตอนราคาน้ำมันแพงขึ้นกว่านี้ ก็จะเอาเงินกองทุนมาช่วยหนุนทำให้มันไม่แพงเวอร์ขึ้นไปอีก

ผมอยากรู้สรุปข้อดีข้อเสียของภาษีที่เพิ่มขึ้นว่าดีแบบไหน ดียังไงอะครับ?

ชอบเห็นคนตอบราคาน้ำมันดิบขึ้น อันนี้อยากให้ขยายความมากว่าทำไม และ ไม่มีนโยบาลอะไรเลยเหรอ

แล้วก็ตอน นี้ไบโอดีเซล กะเอทานอล แพงครับ

อย่าง b100 ตอนนี้ ลิตรนึง 40 บาทได้ครับ

บ้านเราเก็บภาษีบุคคลได้น้อยครับ คนเลี่ยง/ไม่อยู่ในระบบเยอะ

เลยต้องเก็บพวกภาษีน้ำมัน สรรพสารมิต แพงๆมาชดเชย

ง่ายๆครับ ราคาน้ำมันขึ้น-ลงตามตลาดโลก แต่ที่มันแพงเพราะโครงสร้างภาษี

คิดง่ายๆถ้าลดภาษี รายได้รัฐก้ลดลง มันไม่ตัดช่องทางทำเงินตัวเองหรอกครับ

ถ้าเป็นข้อมูลที่ผมทราบนะ เอาหลักๆ ก่อนเรื่องราคา ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่าราคาน้ำมันขายปลีกหน้าปั๊มน้ำมันนั้น ไม่ใช่ราคาหน้าโรงกลั่น แต่เป็นราคาที่ผ่าน 4 แก๊งค์มาแล้วคือ 1.โรงกลั่นน้ำมัน >> 2. ผู้ค้าน้ำมันขายส่ง >>3. ปั๊มขายปลีกน้ำมัน >> 4. ภาษีรัฐ ดังนั้นในราคา 1 ลิตรจึงแยกเป็น
.
1. ราคาหน้าโรงกลั่น อ้างอิงจากตลาดสิงคโปร์(เพราะเป็นราคาที่สะท้อนถึงการซื้อขายของทุกประเทศในภูมิภาคนี้) หลักๆ เลยคือเป็นราคาที่คิดจากต้นทุนน้ำมันดิบ+ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ของโรงกลั่นเข้าไป เช่น ค่าการกลั่น ต้นทุนค่าขนส่ง อะไรก็ว่าไป
.
2. ภาษีเข้ารัฐ 3 ตัว สรรพสามิต(รัฐตีว่าเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย เอาจริงๆ คือแหล่งฟาร์มตังค์เข้าหลวง), ภาษีเทศบาล(เงินอุดหนุนพื้นที่ที่ปั้มตั้งอยู่) และ VAT 7%
.
3. กองทุน 2 ตัว : 1. เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(เอาง่ายๆ คือเงินโปะเวลาดีเซลจะทะลุ 30 บาท/ลิตร เพื่อตรึงราคาให้ดีเซลสามารถขายได้ที่ราคา 30 บาท/ลิตร กรณีราคาน้ำมันดีเซลจริงมันเกิน 30 บาทไปแล้ว)
และ 2. เงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เพื่อนำไปส่งเสริมด้านพลังงานทดแทนในประเทศ โดยน้ำมันทุกชนิดโดนเก็บเท่ากันในอัตรา 0.10 บาท/ลิตร
.
4. ค่าการตลาดของแต่ละปั้ม ผู้ประกอบการสามารถกำหนดเองได้อย่างเสรี แล้วแต่เจ้าไหนจะบวกเท่าไหร่

.

ต่อไปเรื่องส่งออกน้ำมัน เหตุผลหลักเลยคือ น้ำมันดิบที่ขุดได้ภายในประเทศเป็นรูปแบบที่กลั่นแล้วได้เบนซินมากกว่าดีเซล แต่อัตราการบริโภคน้ำมันภายในประเทศตีเลขแบบกลมๆ คือดีเซลประมาณ 70 ล้านลิตร/วัน และเบนซิน 30 ล้านลิตร/วัน ดังนั้นจึงต้องเอาน้ำมันดิบที่ขุดได้บางส่วนไปขายเพราะมันเกินความต้องการใช้ ไม่รวมกับน้ำมันดิบบางส่วนที่ขุดได้มีสารปนเปื้อนสูง และโรงกลั่นภายในประเทศไม่สามารถกลั่นน้ำมันประเภทนี้ได้ และไม่คุ้มค่ากับการลงทุนถ้าคิดจะตั้งโรงกลั่นเพื่อมากลั่นน้ำมันประเภทนี้ เพราะสัดส่วนปริมาณที่ขุดได้ไม่มาก ไม่คุ้มค่าตั้งโรงงานเพื่อกลั่น เลยส่งออกไปขายให้ต่างประเทศที่เขามีศักยภาพที่จะกลั่นได้ไป

เจอรูปนี้มาครับ แต่ปี61นะ เทียบกันได้ไหม เทียบตอนนี้ให้หน่อย

ลุงตู่ > ปูอ่ะดิ



ปลรูปเลกไปขอภัย