3 แต้มที่เกือบไม่ใช่ 3 แต้ม
ฟุตบอลบางทีก็เหมือนกวนตีนเราเหมือนกันนะครับ เมื่อดูจากรูปเกมและโอกาส ลิเวอร์พูล ควรชนะ เอซี มิลาน 3-0 และ น่าจะเบียด คริสตัล พาเลซ 3-2 มากกว่า
แต่เกมที่ แอนฟิลด์ ในวันเสาร์ สกอร์ไลน์สลับฝั่งกันและ “ปราสาทเรือนแก้ว” น่าจะจุกกับ margin 3 ประตูที่ไม่สะท้อนต่อคุณภาพที่แสดงออกมาในวันนี้เลย
หลายคนอาจจะ “งง” เมื่อเห็น ลิเวอร์พูล เดินออกจาก แอนฟิลด์ พร้อมเก็บ “คลีนชีต” เพราะบอกตามตรงมันไม่มีฟีลว่าวันนี้ อลิสซอน จะไม่โดนเจาะประตูหลังแค่ 3-4 นาทีแรกโดนไปแล้ว 2 เสา!!
คริสตัล พาเลซ ของ ปาทริค วิเอร่า หลังออกทะเลหมดสภาพในเกมเปิดสนามกับ เชลซี แต่จากนั้นอีก 3 เกมไม่แพ้ใครและวันนี้แสดงให้เห็นการยืดหยุ่นของแท็คติกส์จนเจ้าบ้านไม่ได้เหนือกว่าเลย
ความยืดหยุ่นที่ว่านั้นปรับไปตามช่วงเวลาเช่นต้นเกมใช้เพรสสูงเพื่อให้ ลิเวอร์พูล ขึ้นเกมลำบาก พอเห็นเจ้าถิ่นตั้งลำได้ก็ลงไปคุมโซนและปล่อยให้ วิลเฟร็ด ซาฮา กับ คริสเตียน เบนเทเก้ คอยสวนกลับ
การขาดหายไปของ อเล็กซานเดอร์ อารโนลด์ ทำให้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ต้องไปคอยช่วย โม ซาลาห์ เพื่อครอสบอลทำให้ตอนนวดเพลินๆจังหวะถูกสวนกลับกลางโบ๋และเมื่อเล่นไลน์แนวรับสูงจึงถูกแทงหวาดเสียวอยู่หลายหน
โอกาสที่ดีที่สุดของเกมนี้จากการยิงจ่อๆแค่ไม่กี่หลาของ ดิโอโก้ โชต้า ทำให้ทั้งผู้เล่นและแฟนบอลยังต้องแบกความตรึงเครียดกับรูปเกมที่พร้อมตามหลังได้ทุกเมื่อต่อไป
จนกระทั่ง มาเน่ มายิงประตูขึ้นนำในช่วง “เวลาบาป” ก่อนพักครึ่ง 2 นาทีและเหมือนเขียนสคริปต์ไว้เนื่องจากเป็นลูกที่ 9 ติดต่อกันที่ ณ เดช ยิงใส่ พาเลซ
ด้วยความที่สกอร์ไม่ขาดทำให้ก่อน ซาลาห์ จะมายิงลูก 2-0 เป็นช่วงเวลาที่เจ้าถิ่นใกล้เคียงกับการโดนตีเสมอและอาจทำให้วันนี้ลงเอยด้วยผลเสมอค่อนข้างสูง
โดยเฉพาะลูกหลุดล้ำหนา้ของ เอดูอาร์ ตัวสำรองที่ลงมาทำให้แนวรับ ลิเวอร์พูล รวนไปพักใหญ่และลูกนี้จับบอลดีๆหรือยิงสวน อลิสซอน อาจจะเงียบกันทั้งสนาม
ฟอร์มของ โม ซาลาห์ เป็นอะไรที่ “perfect” มาก ให้อารมณ์เหมือนเราดู ลีโอเนล เมสซี่ คือไม่ได้ก้มหน้าก้มตาบ้าเลี้ยงหรือมุดๆทำให้ตัวประกบยิ้มอ่อนเพราะเดาทางง่ายมาก
แต่ “โม” มี option ทั้งพิงบอลอย่างเหนียว, ดังตัวประกบเปิดทางให้เพื่อน, แทงทะลุช่อง เล่นไม่เห็นแก่ตัว
ประตูก่อนหมดเวลา 12 นาทีจึงคู่ควรกับรางวัลแห่งความพยายามและช่วยให้ “หงส์แดง” ถึงกับโล่หลังเครียดมาตลอดเกือบ 80 นาที
ฟอร์มแบบนี้ค่าเหนื่อยเกินเพดานก็คงค้องให้แล้วล่ะครับเพราะดูแล้วถ้าขาดแกไปซักคนเกมรุกจบเห่แน่ๆ
ในขณะที่ ซาดิโอ มาเน่ แม้ยิงประตูจนสถิติทั้งลูกที่ 100 (ทุกรายการ) และยิง พาเลซ 9 นัดติดแต่ฟอร์มก็ยังห่างไกลจากมาตรฐานเดิม คล้ายๆพอหมดประกันก็เครื่องพังเลย อะไรทำนองนั้น
จังหวะ “ว้าว” แบบแต่ก่อนกลายเป็นของหาดูยาก ทุกวันนี้แค่เลี้ยงไม่ให้เสียบอลหรือเล่นให้เนียนๆซักครึ่งนึงของ โม ก็แบ่งเบาภาระไปได้เยอะแล้ว
ผมขอ note ไว้ประกอบการอ่านคือการจัดตัวในวันนี้ของ JK จะเห็นได้อย่างนึงว่าแกพยายามโรเตชั่นไมให้ตัวหลักลงเล่นต่อเนื่องตั้งแต่ต้นซีซั่น
Vvd นั่งนัดที่แล้ว วันนี้กลับมา แต่พัก โจเอล มาติ๊ป ให้โอกาส อิบราฮิม่า โกนาเต้ รวมถึงพัก แอนดี้ โรเบิร์ตสัน เปิดทางให้ คอนสแตนตินอส ซิมิกาส
กลายเป็นว่า ซิมิกาส เล่นดีมากจนผมคิดว่าตัวของ “สายควัน” คงแอบนึกถึงวันที่เขาเองแย่งตำแหน่งถาวรจาก อัลแบร์โต้ โมเรโน่
วันนี้เป็นความอุ่นใจที่เห็นนักเตะ back up ลงเล่นแทนแล้วไม่เกดิความรู้สึกคิดถึงตัวจริงในระดับ “ใจจะขาด”
สปีดและความใหญ่ของของ โกนาเต้ ช่วย cover “พี่ใหญ่” ได้หลายหนแต่อาจต้องใช้เวลาอีกพักนึงในการเรียนรู้วิธีการเล่นและจับจังหวะการเล่นเพื่อนร่วมทีม
อย่างไรก็ตามสิ่งที่เริ่มเป็นภัยเงียบในแผงมิดฟิลด์เมื่อ ติอาโก้ ได้รับบาดเจ็บ จนถูกเปลี่ยนออกในนาที 61
หนักไม่หนักไม่รู้แต่เป็นสัญญาณเตือนว่าถ้าหายไปอีกคน เกอิต้า หรือ โจนส์ จะยืนระยะนานแค่ไหนกับ demand ที่สูงขึ้นในแต่ละเกม
ครับ พรีเมียร์ลีกผ่านมา 5 นัด “หงส์แดง” เจอสถานการณ์หลากหลายและต้องแก้ปัญหาหน้างานแบบไม่ซ้ำจนตอนนี้ขึ้นนำเป็นจ่าฝูงด้วยตัวเลขชนะ 4 เสมอ 1
ที่น่าสนใจคือ 5 นัดเก็บคลีนชีตไป 4 โดยเสียลูกเดียวให้ เชลซี ก่อนยกพลไปเยือนน้องใหม่ เบรนท์ฟอร์ด ในวันเสาร์หน้า
พ้นจากนี้แล้วบิ๊กแมทช์ที่ 2 ในฤดูกาลพบ แมนฯซิตี้ ที่วันนี้หลุดฟอร์มเสมอ เซาธ์แฮมป์ตัน ในบ้านตัวเองชนิดหักปากาเซียน 0-0
ถือเป็นแต้มต่อที่ “หงส์แดง” เก็บชัยในเกมที่ควรต้องได้ ในขณะที่ เป๊ป มีการบ้านในการหาตัวชดเชยช่องว่างจากความเสียหายนัดนี้นั่นก็คือเกมที่มาเยือน แอนฟิลด์ ในวันอาทิตย์ที่ 3 ตุลาคม
แต่เชื่อว่า เป๊ป เองคงไม่ได้มองข้ามช็อตไปไกลขนาดนั้นเพราะต้องเจอของหนักอย่าง เชลซี ในวันเสาร์หน้านี้ก่อน!!
สถิติ สถิติ สถิติ
ซาดิโอ มาเน่ ยิงประตูลูกที่ 100 ให้ ลิเวอร์พูล ในทุกรายการโดย 10 ในนั้นมาจากการยิงใส่ คริสตัล พาเลซ และถือว่าเป็นคู่แข่งที่หอกเซเนกัลยิงมากที่สุดแล้ว
ณ เดช ทำสถิติยิงประตูใส่ พาเลซ ได้ 9 นัดติดต่อกันและเป็นนักเตะใน พรีเมียร์ลีก คนแรกที่ยิงฝั่งตรงข้ามทีมเดิมได้รวดเดียว 9 นัดติด
3 ประตูที่ ลิเวอร์พูล ทำได้ในวันนี้ในชัยชนะเหนือ คริสตัล พาเลซ 3-0 เป็นการทำประตูจากลูกเตะมุม (รวมถึงจังหวะต่อเนื่อง) เป็นลูกที่ 16 แล้วเมื่อนับรวมจากซีซั่นที่แล้วซึ่งถือว่ามากกว่าทุกทีม
เวอร์กิล ฟาน ไดจค์ ลงเล่น พรีเมียร์ลีก นัดที่ 100 ให้ ลิเวอร์พูล โดยเป็นชัยชนะ 76 นัด เสมอ 16 และแพ้ 8
แมนฯซิตี้ ยิงเข้ากรอบแค่หนเดียวตลอดทั้งเกมที่พบ เซาธ์แฮมป์ตัน (จาก ฟิล โฟลเด้น ในนาที 90) นับเป็นสถิติที่ต่ำที่สุดของพวกเขาใน พรีเมียร์ลีก นับตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคม 2017 ที่ยิงเข้ากรอบหนเดียวตอนพบ สโต๊ค ซิคี้
ราฮีม สเตอร์ลิ่ง เป็นนักเตะคนที่ 9 ที่ลงเล่นในพรีเมียร์ลีกให้ แมนฯซิตี้ ครบ 200 นัดและเป็นนักเตะ อังกฤษ คนที่ 2 ที่ทำสถิตินี้โดยคนแรกเป็น โจ ฮาร์ท (266)
เจมส์ วอร์ด เพราซ์ ทำสถิติสุดทึ่งเมื่อลงเล่นใน พรีเมียร์ลีก 100 นัดติดต่อกัน หากนับนักเตะ outfield เขาคือคนที่ 9 ที่ทำสถิตินี้โดยอันดับ 1 คือ แฟร็งค์ แลมพาร์ด (164)
มาร์ติน โอเดนการ์ด ยิงประตูไดเร็คฟรีคิกลำดับที่ 40 ของ อาร์เซนอล ในพรีเมียร์ลีกและเป็นนักเตะ นอร์เวย์ คนแรกที่ยิงประตูไดเร็คฟรีคิกนับตั้งแต่ มอร์เท่น กัมสต์ พีเดอร์เซ่น ยิงให้ แบล็คเบิร์น ในเกมพบ อาร์เซนอล เมื่อปี 2012
เบรนท์ฟอร์ด เป็นทีมที่เลื่อนชั้นมาเล่นในพรีเมียร์ลีกทีมที่ 14 ที่ทำได้ 8+ แต้มหลังเล่นไป 5 เกมและเป็นทีมแรกที่โกยแต้มมากขนาดนี้นับตั้งแต่ วูลฟ์แฮมป์ตัน น้องใหม่ฤดูกาล 2018-19 ทำได้ 13 แต้มจนรอดตกชั้นในปีแรก
จากการถูก วัตฟอร์ด บุกมาต้อน 3-1 ทำให้ นอริช แพ้รวด 15 นัดใน พรีเมียร์ลีก ภายใต้การทำทีมของ ดาเนี่ยล ฟัลเค้ ซึ่งกลายเป็นสถิติพ่ายแพ้ที่ยาวนานที่สุดในลีกกับผู้จัดการทีมคนเดิม
แก้ไขล่าสุดโดย เบน ฟรีคิก เมื่อ Sun Sep 19, 2021 12:18, ทั้งหมด 3 ครั้ง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ
: 0 ใบ
: 0 ใบ
My Locker
