ปิยบุตร เชื่อ บิ๊กป้อม-บิ๊กตู่ แก้รธน.ก่อนเลือกตั้ง ให้พลังประชารัฐเป็นรัฐบาลพรรคเดียว
เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.64 นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ“สุดกับหมาแก่” ดำเนินรายการโดย ดนัย เอกมหาสวัสดิ์ ทางเนชั่นทีวี ช่อง 22 ถึงการส่งสัญญาณ เตรียมพร้อมเลือกตั้งของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมว่า เรื่องนี้ต้องมองจากการแก้รัฐธรรมนูญเป็นหลัก มากกว่าสิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์ หรือพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯระบุ มองว่าหัวใจสำคัญของการแก้รัฐธรรมนูญคือ เรื่องของการเลือกตั้งเรื่องอื่นเอามาเป็นเพียงเครื่องประดับเพื่อทำให้เห็นว่าแก้เรื่องอื่นไม่ใช่แก้เรื่องเพื่อตัวเอง
การแก้รัฐธรรมนูญของพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) เป็นเพราะพปชร.มองออกแล้วว่าจากกติกาที่คุณออกแบบมาเพื่อที่จะไม่ให้พรรคเพื่อไทยได้ส.ส. เยอะ มาวันนี้มันเข้าตัวคุณเองแล้ว พปชร.คิดว่าตัวเองจะได้เป็นพรรคใหญ่เป็นพรรคไทยรักไทยเหมือนปี 2544 หรือ 2548 จึงอยากแก้กติกาให้กลับมาเป็นเหมือน2540คือส.ส.เขต 400 คนและบัญชีรายชื่อ 100คน
"รัฐบาลและพรรคพลังประชารัฐคงเชื่อว่าเมื่อเข้าสู่การเลือกตั้งตัวเองจะได้แลนสไลด์เกิน 200 เสียงก็จะแก้ปัญหาการที่มีพรรคร่วมรัฐบาล 20กว่าพรรค ได้ไม่ต้องเจอปัญหาพรรคอันดับ 2 ที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลคอยทิ่มแทงตัวเองอยู่ตลอดเวลานี่คือวิธีคิด"
พล.อ.ประยุทธ์และพล.อ.ประวิตรกำลังทำ เพราะถ้าไม่แก้รัฐธรรมนูญเขาก็จะไม่ยอมเลือกตั้ง ทำเช่นนี้ได้ประโยชน์ถึง 2 ทางทางแรกคืออาจจะได้เป็นรัฐบาลพรรคเดียวโดยที่ไม่ต้องเจอปัญหาพรรคอันดับ 2 อันดับ 3 หรืออีกทางหนึ่งคือเพื่อเป็นการพิสูจน์ว่ารัฐบาลไม่จำเป็นต้องใช้เสียงส.ว.อีกต่อไป หากเป็นไปตามนี้นี่คือการรับรองอำนาจอีกรอบหนึ่งของคุณประยุทธ์ซึ่งมีการรับรองอำนาจติดกันมาถึง 3 ครั้ง ถ้ายุบแล้วเขาจะได้กลับมาอีก แต่ในอดีตเราก็เคยได้เห็นแล้วว่าความมั่นใจในการยุบสภาแล้วจะได้กลับมากลับไม่เป็นเช่นนั้น ตัวอย่างล่าสุดคือพรรคประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้งปี2554 ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน
“การเลือกตั้งครั้งต่อไปเป็นการวัดกันแล้วว่าตกลงแล้วเราจะให้ประเทศนี้อยู่กับคนกลุ่มนี้หรือว่าเราอยากจะเปลี่ยนความอัดอั้นตันใจที่ทุกคนได้ประสบพบเจอ ถ้าไม่อยากมาชุมนุมก็สามารถแสดงออกโดยพร้อมเพียงกันได้ในการเลือกตั้งครั้งหน้า”
เมื่อถามว่า ครั้งหน้าถ้าฝ่ายรัฐบาลได้แลนด์สไลด์และได้กลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้งหนึ่งจะยอมรับได้หรือไม่ นายปิยบุตร กล่าวว่า ก็ต้องสู้กันต่อไประบอบประชาธิปไตยไม่ใช่จบกันแค่ที่การเลือกตั้ง ไม่ได้หมายความว่าประเทศนี้มีประชาธิปไตย ฉะนั้นก็ต้องสู้กันต่อโดยเฉพาะการแก้รัฐธรรมนูญ
ส่วนตัวมองว่าคงไม่ใช่การปรับเปลี่ยนใหญ่เช่น การปรับจากรัฐธรรมนูญ 60 มาเป็นรัฐธรรมนูญ 40 ผมคิดว่าเขาไม่ยอมอย่างแน่นอนแต่เขาเลือกที่จะแก้ในประเด็นที่เขาได้ประโยชน์ ดังนั้นไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาลแต่หัวใจสำคัญคือรัฐธรรมนูญ
เมื่อถามว่า อีกฝั่งเขามองว่าถ้าการเลือกตั้งครั้งถัดไปเขามาแบบแลนสไลด์นั่นหมายความว่าประชาชนเป็นผู้ตัดสิน นายปิยบุตร กล่าวว่า ถือเป็นความคิดที่ไม่ถูกต้องไม่ใช่ว่าพอเลือกตั้งแล้วทุกอย่างต้องจบ โดยเฉพาะจากฝ่ายค้านหากเป็นฝ่ายค้านจริงเราก็ต้องไปสู้ต่อเพื่อให้ได้กติกาซึ่งเป็นที่ยอมรับ ประชาธิปไตยมันเป็น unfinished project คือสู้ไปเรื่อยๆ
“การรีเซ็ตครั้งนี้ใช่แค่เรื่องฝ่ายค้านฝ่ายรัฐบาลเป็นไปได้ว่ามันอาจจะมีฉันทามติร่วมกันของนักการเมืองแบบรุ่นเก่าที่คงจะไม่ยอมให้มีพรรคแบบอนาคตใหม่หรือก้าวไกลที่จะเติบโตขึ้นมากลายเป็น 100 กว่าเสียงอันนี้ไม่ได้เกี่ยวกับฝ่ายค้านหรือรัฐบาลแต่อาจเป็นฉันทามติของนักการเมืองแบบเดิมที่มองว่าถ้ามีแกะดำพวกนี้มาอยู่เยอมากเกินไปมันปั่นป่วนกันหมดแต่ถ้าจะมีก็ขังไว้สัก 30 40 50 ไม่เกินนี้”
เมื่อถามว่ามองจังหวะก้าวเดินของตัวเองอย่างไรในบริบทเกมของ "3ป." อย่างไร นายปิยบุตร กล่าวว่าในอนาคตเชื่อว่าจะมีการขีดเส้นใหม่จะไม่ใช่แค่2549 หรือปัจจุบันมีคนที่เชียร์รัฐบาลไม่เชียร์รัฐบาล แต่ครั้งนี้อาจจะเป็นเรื่องเก่าหรือเรื่องใหม่ที่มากกว่าคำว่ารัฐประหารขึ้นอยู่กับวิธีการรณรงค์หาเสียง เชื่อว่าข้างหน้าจะเริ่มเปลี่ยนแน่นอนแนวทางของคนรุ่นใหม่ อาจจะยังไม่เยอะพอแต่จะใช้เวลาค่อยๆเติมไปเรื่อยๆจึงเห็นว่าเวลานี้พรรคอย่างพรรคก้าวไกลเดินมาถูกทาง
เมื่อถาว่ามีความหวังกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายปิยบุตร กล่าวว่าก็เคารพกันในทางการเมืองตนมองพรรคเพื่อไทยว่าต้องให้เครดิตเขาในแง่ที่ว่าตั้งแต่ไทยรักไทยเขาเปลี่ยนการเมืองจากเดิมที่เป็นการเมืองในลักษณะเลือกอะไรก็ได้ กลายเป็นเลือกเพื่อนโยบาย เลือกเพื่อเป็นรัฐบาลมีเสถียรภาพแล้วส่งมอบนโยบายที่หาเสียงได้
"ผมพูดกับเพื่อนๆอยู่เสมอว่ารัฐบาลสุดท้ายที่สามารถเปลี่ยนประเทศได้ในการเลือกตั้งน่าจะเป็นรัฐบาลคุณทักษิณ(ชินวัตร)และจะไม่มีอีกแล้วเพราะระบบนี้เขาจะไม่อนุญาตให้ให้คุณใช้ การเลือกตั้งมาเปลี่ยนประเทศได้อันนี้คือคุณูปการของเขาแต่สิ่งหนึ่งที่จำเป็นต้องปรับซึ่งผมเห็นเขากำลังทำอยู่นั่นคือเขาต้องเติมเลือดใหม่เข้าไป"
นายปิยบุตร กล่าวว่า ภูมิทัศน์ทางการเมืองจะดีขึ้นถ้าพรรคเพื่อไทยเอาคนใหม่เข้าไปประชาธิปัตย์เอาคนใหม่เข้าไปก้าวไกลก็มีคู่แข่งก็จะต้องสปีดตัวเองในขณะเดียวกันภาพรวมทั้งหมดก็จะมีคนรุ่นใหม่เข้ามาเปลี่ยน
“นักการเมืองพรรคการเมืองมีปัญหาจริงๆ แต่ถ้าเราบอกว่านักการเมืองทุกคนไม่มีความหวังเลยห่วยแตกกันหมดเลยมันจะไปเข้าทางของระบอบอำนาจนิยมที่ไม่เป็นประชาธิปไตยสุ ดท้ายคุณก็จะไปหาอรหันต์ที่ไหนก็ไม่รู้มาปกครองประเทศและสนับสนุนการยึดอำนาจแบบเดิม”
https://siamrath.co.th/n/252635