ยินดีต้อนรับสู่ “Real Football”

ไว้คราวหน้า X

ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย

ไปหน้าที่ 1

ไปที่หน้า

ตั้งกระทู้ใหม่

ฝากรูป

หน้าแรกบอร์ด >> ข่าวประจำวัน

19 May 2021 05:21 by เบน ฟรีคิก

ยินดีต้อนรับสู่ “Real Football”

จาก “สตอรี่” ของเกมที่ สแตมฟอร์ดบริดจ์ ในครึ่งแรกผม “อด” สงสารแทนแฟน เชลซี ไม่ได้เพราะมันส่งสัญญาณชัดเหลือเกินว่าอาจจบลงเหมือนใน เอฟเอ คัพ เมื่อ 3 วันก่อน

บุกตั้งแต่วินาทีแรก, พับสนามข้างเดียว, บอลผ่านหน้าปากประตูซ้ำแล้วซ้ำเล่าและ ติโม แวร์เนอร์ ส่งบอลเข้าประตู 2 หนกลายเป็น ออฟไซด์ และ แฮนด์บอล ไปอย่างละหน

จบครึ่งแรกเดินคอตกเข้าห้องแต่งตัวด้วยสกอร์ 0-0 และเสีย เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ตั้งแต่นาทีที่ 31 (ตามข่าวล่าสุดไม่ได้เจ็บแต่ขอออกเอง เหตุผลคือแกบอกขืนเล่นต่อเจ็บแน่ๆ)

จากเหตุการณ์ดังกล่าวทั้งหมด ถ้าภาพที่ เวมบลีย์ ไม่ลอยเข้ามาในหัว ผมว่าคุณกำลังโกหกผมอยู่แน่ๆ

แต่สิ่งที่ เลสเตอร์ เคยทำได้ในเกมรอบชิงแต่วันนี้ทำไม่ได้ คือก่อความผิดพลาดทั้ง 2 ประตูและคราวนี้ เชลซี ไม่ทิ้งโอกาสให้หลุดลอยอีกแล้ว

ลุค โธมัส วิงแบ็ควัย 19 ปีที่ฝีเท้าเกินตัว แต่ด้วยประสบการณ์ทำให้จังหวะที่จะเคลียร์ทิ้งง่ายๆแต่สองจิตสองใจจนทำเสียเตะมุมก่อนเป็นที่มาของประตู 1-0 หลังพักครึ่งมาแค่ 2 นาที

ลูก 2 เวสลี่ย์ โฟฟาน่า ไม่รู้คิดยังไงถึงไปโฉ่งฉ่างเตะด้านหลัง แวร์เนอร์ ทั้งๆที่กองหน้าสั้นขยันซอยกำลังเลี้ยงออกนอกเขตโทษซึ่งพ้นจุดอันตรายไปแล้ว แถมตอนนั้นสถานการณ์ได้เปรียบ 2 รุม 1 ด้วยซ้ำ

ที่น่าสนใจกว่าคือ ไมค์ ดีน ผู้ตัดสินแกเป่าฟาว์ลและให้เป็นฟรีคิกแต่ VAR ชี้ชัดว่าตอนโดนเตะมันเกิดขึ้นในเขตโทษ

คำถามคือถ้า ดีน เห็นว่าลูกนี้มันเกิดขึ้นในเขตโทษตั้งแต่ตอนแรกแกจะเป่าไหม?

เพราะตามหลักแล้วการทำฟาว์ลในกรอบโทษกับพื้นที่ทั่วไปความหนักเบาจะไม่เท่ากัน

กล่าวคือฟาว์ลพื้นที่ทั่วไปโดนนิดหน่อยเสียจังหวะก็เป่าแล้วมันแค่ฟรีคิกแต่ถ้าในเขตโทษการเข้าปะทะที่ไม่หนักมาก หรือประเภท สะกิดหัวเกือกกัน ผู้ตัดสินจะยิ่งไม่เป่า

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่ฝ่ายรับได้เปรียบเช่นมีตัวมากกว่า รอดักกิน ฯลฯ

แต่ในเมื่อ ดีน เป่าให้ฟาว์ลไปแล้วมันก็คือฟาว์ล พอ VAR แจ้งมาว่าในเขตโทษก็ต้องจุดโทษ

ตลอดทั้งเกม “จิ้งจอก” ตกอยู่ในสภาพเป็นรองเหมือนเกมที่ เวมบลีย์

ตอนสกอร์ 0-0 อย่าเรียกว่ามีโอกาสยิงเลยแค่เอาบอลมาบุกยังยากเต็มกลืน ทุกอย่างโฟกัสไปที่การรับมือกับการบุกอย่างบ้าคลั่งของเด็กๆ โธมัส ทูเคิล่

ทันทีที่โดนนำทั้ง 1-0 และ 2-0 ด้วยสไตล์ที่ เลสเตอร์ คุมโซนไม่ค่อยเพรสทำให้ “สิงห์บลู” ยิ่งชอบเลยคือเคาะบอลเน้นชัวร์ ไม่ไล่กูก็ไม่เสี่ยงแทงทะลุให้พวกมึงมีโอกาสเอากลับไปครอง

เจ้าถิ่นควรเล่นสบายกว่านี้ด้วยแต่ดัน build up หน้าเขตโทษพลาด (อีกแล้ว) จน อีเฮียนาโช่ ตัวสำรองยิงไล่มา 2-1 โดยมีเวลากว่า 15 นาทีที่สะสมความเครียดของทั้ง 2 ฝ่ายจนระเบิดออกมา

ด้วยความที่ว่าเกมนี้แฟนบอลเข้ามาดูในสนามราวหมื่นคนกลายเป็น key สำคัญในการปลุกเร้าอารมณ์นักเตะเต็มๆ

จริงๆจะพูดว่า “อารมณ์แค้น” มันแอบฝังอยู่ก็ไม่ผิด เรื่องแพ้รอบชิงก็ใช่ แต่เหตุการณ์ แดเนี่ยล อมาร์ตี้ย์ โยนธง “สิงห์” ในห้องแต่งตัวที่ว่อนทั่วโซเชี่ยลมันกลายเป็นปมขัดแย้งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ทำให้ตรงนี้เองเกือบมีมวยหมู่ช่วงทดเจ็บจากจุดเล็กๆที่ ริคาร์โด้ เปเรร่า ไปวางใส่ ชีลเวลล์ เพื่อนเก่า ซึ่งเราแทบไม่ได้เห็นภาพแบบนี้มาเลยตลอดทั้งฤดูกาล

อมาร์ตี้ย์ ที่ไม่ได้ลงเล่นเลยก็โดนใบเหลืองจากเหตุการณ์นัวเนียจนใช้เวลาร่วมนาทีในการจับแยกทั้ง 2 ทีมออกจากกัน

โชคดีที่ไม่มีใบแดงเพราะพอหลังเหตุการณ์นัวเนียแยกกันเรียบร้อย ผมเห็นนักเตะ เลสเตอร์ เริ่มควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ จังหวะในเกมต่อมามีติดดาบกะเอาให้ขาขาดกันไปข้าง

บังเอิญเวลาเหลือไม่เยอะ ความเดือดที่กำลังบิ๊วอารมณ์ได้ที่เลยไม่ลามท่วมทุ่งไปมากกว่านี้

จากชัยชนะเกมสำคัญนัดนี้ทำให้ เชลซี สามารถจัดการธุระให้จบด้วยตัวเองได้แล้วนั่นคือบุกเอาชนะ แอสตัน วิลล่า ในเกมสุดท้ายโดยไม่ต้องสนใจใครหน้าไหน

ในขณะที่ “จิ้งจอก” คงต้องส่งใจเชียร์ เบิร์นลีย์ ให้ช่วยเบรก ลิเวอร์พูล ในคืนนี้เนื่องจากพวกเขางานหนักกว่าใครในวันอาทิตย์คือเจอ สเปอร์ส

ถ้าปล่อยให้วันสุดท้ายเข้าเงื่อนไขใครชนะได้ไป UCL อาจจะเสียเปรียบเพราะนอกจากดูที่แต้มแล้วประตูได้เสียอาจเข้ามาเป็นตัวตัดสินด้วยเช่นกัน

ผมเชื่อว่าการ “คัมแบ็ค” ของแฟนบอลใน 2 นัดสุดท้ายมาถูกเวลาอย่างที่สุดเพราะจะมีส่วนอย่างมากต่อบรรยากาศในสนามโดยเฉพาะนักเตะที่มีทั้ง passion และ emotion สูงๆจะเล่นเหมือนเป็นอีกคนไปเลย

เสียงเชียร์ของจริงเทียบไม่ได้เลยกับซาว์ดหลอกๆที่เราทนฟังมาทั้งฤดูกาล นึกแล้วก็เสียดายแฟน “สิงห์” นั่งเงียบไปหน่อยที่ เวมบลีย์

ครับ...ความ “เรียลลิตี้” ของเสียงเชียร์มันต้องตะโกนชี้หน้าด่าสดๆหรือโวยวายกดดันผู้ตัดสิน สิ่งเหล่านี้ขาดไปก็เหมือนกิน “แคบหมู” แล้วไม่มีน้ำพริกหนุ่ม

แม้ฤดูกาลนี้กำลังรูดม่านแต่ขออนุญาต เวลคัม ทู real football ครับ...

แก้ไขล่าสุดโดย เบน ฟรีคิก เมื่อ Wed May 19, 2021 05:24, ทั้งหมด 1 ครั้ง

หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

ball_graphic , เอเดน ฮาสาร์ด , BlueDevil_1975 , toebut , Magnus , Bushi , LoCkDown , PWT , AssistKing10 , cocobumbim , CaptainMudryk , เหยดดดดดด , Jueii , taksim , Noonam001 , amba5555 , เค้าเรียกผมว่าลูกรัก , WasteLand , Blue Sh!t , Oz- , Coachkeyboard , kidnapzhere , BIRD LP , rimbuang

โหวตเป็นกระทู้แนะนำ

ออฟไลน์

PWT

กำเนิดดาวรุ่ง

Status:

: 0 ใบ

เข้าร่วม: 01 Jun 2018

ตอบ: 49

ที่อยู่:

โพสเมื่อ: Wed May 19, 2021 06:52

[RE: ยินดีต้อนรับสู่ “Real Football”]

พอมีกองเชียร์เข้ามาในสนาม
เหมือนที่ดูมาทั้งฤดูกาลไม่ใช่ฟุตบอล

หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

My Locker

ออฟไลน์

Red_Duckza

ดาวเตะกัลโช่

Status:

: 0 ใบ

เข้าร่วม: 11 Jan 2011

ตอบ: 18415

ที่อยู่: สิ่ง เหล้ าห นี

โพสเมื่อ: Wed May 19, 2021 08:11

[RE: ยินดีต้อนรับสู่ “Real Football”]

จริงๆการมีกองเชียร์กลับมานี่ผมว่าไม่แฟร์กับทีมเยือนเลยนะ ตอนนัดแรกที่เป็นเจ้าบ้านแต่กลับไม่มีแฟนมาเชียร์

หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

BlastxLIV

ได้

My Locker

ออฟไลน์

Kawjar

นักเตะท้ายซอย

Status:

: 0 ใบ

เข้าร่วม: 30 Jul 2006

ตอบ: 1148

ที่อยู่:

โพสเมื่อ: Wed May 19, 2021 08:46

[RE: ยินดีต้อนรับสู่ “Real Football”]

Red_Duckza พิมพ์ว่า:

ก็จริงครับ แต่สถานการณ์แบบนี้ ใครๆก็อยากได้เม็ดเงิน ผมว่าก็ถือว่าเป็นประสบการณ์กันไป

ว่าในครั้งต่อไปจะมีมาตรการเตรียมรับมือกับเรื่องแบบนี้ยังไง ออกเป็นกฏใหม่เลยไหม ว่าถ้าแมตส์แรกไม่มี

แมตส์ถัดมาอีกฝั่งก็ต้องไม่มี

แต่ผมว่ายาก