เป็ป กวาดิโอล่า "ผู้คนจะจดจำคุณก็ต่อเมื่อคุณคว้า UCL ได้สำเร็จ"
บทความนี้เอามาจากสำนักข่าว The Telegraph เขียนโดย Adam Lanigan นะครับ โดยผมรวบรวมเนื้อหาสำคัญและบทสัมภาษณ์ของ เป็ป กวาดิโอล่า เข้ามาด้วยแต่ผมอาจจะสอดแทรกความคิดเห็นส่วนตัวของผมเข้าไปด้วย(แต่จะบอกว่าอันไหนคือความคิดส่วนตัว) เอามาฝากแฟนๆ แมนซิตี้ กันเป็นการอุ่นเครื่องก่อนเจอกับ ลิเวอร์พูล ในค่ำคืนนี้ครับ
เป็ป กวาดิโอล่า ยอดเยี่ยมขนาดไหนกับ แมนซิตี้ ??
อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในยุคของ เป็ป กวาดิโอล่า นั้นแข็งแกร่งขนาดไหน การเป็นทีมเดียวในรอบหลายปีที่ผ่านมาที่สามารถป้องกันแชมป์พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ บวกกับการกวาดทุกถ้วยในอังกฤษนั่นก็คือ พรีเมียร์ลีก, เอฟเอคัพ, คาราบาวคัพ และ คอมมูนิตี้ ชิลด์ รวมกับถ้วยพรีเมียร์ลีกปีก่อนอีก 1 สมัย หมายความว่าตลอดช่วง 2 ฤดูกาลที่ผ่านมา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในยุคของ เป็ป กวาดถ้วยรางวัลไปแล้วทั้งหมด 5 ถ้วยเลยทีเดียว
แต่ถามว่าผู้คนพูดถึง แมนซิตี้ มาน้อยขนาดไหนเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ?? แน่นอนว่าส่วนใหญ่แล้วทุกคนน่าจะให้ความสนใจไปที่ ลิเวอร์พูล มากกว่า(อันนี้ความเห็นส่วนตัว) และคนส่วนใหญ่ก็ยังไม่ได้มองว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คือทีมที่ดีที่สุดในยุโรป การที่พวกเค้าไม่สามารถชนะรายการอย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ทำให้ทีม "เรือใบสีฟ้า" ไม่ได้รับการยกย่องเท่าที่ควรในฤดูกาลที่แล้ว
ถ้ายังงั้นปีนี้เป้าหมายหลักของ เป็ป ก็คือการคว้าถ้วย UCL มาครองให้ได้ใช่หรือไม่ ??
คำตอบก็คือ "ไม่จริง" เลยครับ เป้าหมายหลักของกุนซือชาวสเปนก็คือ "ป้องกันแชมป์พรีเมียร์ลีก" ให้ได้เป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกันต่างหาก เป็ป กวาดิโอล่า เคยให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่า "ฤดูกาลที่จะมาถึงนี้มันจะดีขึ้นกว่าเดิมแน่ ลูกทีมของผมทำให้ผมเชื่อว่ามันจะเป็นแบบนั้น แต่ถ้าหากมันไม่เกิดขึ้นก็คงเป็นเพราะว่าคู่แข่งของเราแข็งแกร่งขึ้นมากกว่า แต่อย่างไรก็ตามเราจะพยายามทำอย่างเต็มที่เพื่อป้องกันแชมป์ลีกเอาไว้ให้ได้" ดังนั้น เป็ป เค้าได้บอกไว้อย่างชัดเจนครับว่าสิ่งที่ "สำคัญที่สุด" ของเขาคืออะไร
ทำไม เป็ป ถึงคิดแบบนั้นล่ะ ??
มันเป็นเพราะ เป็ป มองว่า การป้องกันแชมป์ลีกสำเร็จมันถือว่าเป็นการยืนยันว่าทีมของเค้ายังคงรักษา "มาตรฐานระดับสูง" เอาไว้ได้อีกหนึ่งปี ส่วนตัวมองว่าการคว้าแชมป์ลีกได้สำเร็จนั้นเป็นเหมือนการการันตีคุณภาพของทีม เพราะการเป็นแชมป์ลีกได้สำเร็จนั้นหมายถึงการที่คุณต้องแข่งกับทุกทีมทั้งเหย้าและเยือน และที่สำคัญคุณต้องเก็บแต้มให้ได้มากที่สุดด้วย หรือพูดง่ายๆก็คือทีมนั้นจะต้องโชว์ผลงานได้ "ดีที่สุด" นั่นเอง
ถามว่าแล้วการเป็นแชมป์ UCL ล่ะ... มันก็เป็นถ้วยที่รวมทีมที่ดีทีสุดในยุโรปมาแข่งกันไม่ใช่หรอ ?? มันก็ใช่ครับ และผมก็เห็นด้วยว่าการเป็นแชมป์ยุโรปนั้นเป็นอะไรที่ยากมากๆ แต่มันเป็นความยากที่ "แตกต่าง" เพราะถ้าเรามองจากรูปแบบของการแข่งขันใน UCL นั้นมันค่อนข้างจะ "แตกต่าง" กับการแข่งขันระบบลีกพอสมควร คือถ้วย UCL เป็นถ้วยที่รวมทุกทีมที่แข็งแกร่งที่สุดในยุโรปก็จริง แต่ว่าทุกทีมไม่ได้แข่งกันหมด ซึ่งในจุดนี้เราให้การ "จับฉลาก" เข้ามามีบทบาทในการเลือกว่าใครจะเจอกับใคร ด้วยสาเหตุนี้ทำให้เรื่องของ "โชค" มีส่วนไม่น้อยเหมือนกันในการตัดสินแชมป์ ซึ่ง Adam Lanigan เค้าเปรียบเหมือนการเล่น "รถไฟเหาะ" ส่วน เป็ป เองก็เปรียบเหมือนกับ "การพนัน" นั่นเองครับ
แต่การเป็นแชมป์ UCL มันก็เป็นการันตีถึงความเป็นทีมที่ดีที่สุดในยุโรปมากกว่าไม่ใช่หรือ ??
มันเป็นเรื่องจริงครับที่การคว้าแชมป์ UCL ได้สำเร็จนั้นมีอิทธิพลต่อแฟนๆทั่วโลกมากกว่า และพวกเค้าก็จะให้การยอมรับนักเตะหรือโค้ชที่ทำสำเร็จมากกว่า ทาง Adam Lanigan เค้าก็ได้ยกตัวอย่าง 10 ผู้เล่นที่มีรายชื่อในรายการ " Best Fifa Football Awards" ซึ่งมีผู้เล่นของ ลิเวอร์พูล มากถึง 3 คนก็คือ เวอร์จิล ฟานไดจ์, โมฮัมเม็ด ซาล่า และ ซาดิโอ มาเน่ ขนาดทีมที่เป็นเพียงรองแชมป์อย่าง สเปอร์ ก็ยังมีนักเตะอย่าง แฮรี่ เคน ที่มีชื่ออยู่ด้วยเช่นกัน แต่ในขณะที่ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ที่โชว์ผลงานได้อย่างโดดเด่นเมื่อฤดูกาลที่แล้วกลับไม่มีชื่อและไม่มีผู้เล่นของ แมนซิตี้ แม้แต่คนเดียวที่มีชื่อติดเลยด้วยซ้ำไป ดังนั้นเรื่องนี้ก็น่าจะเป็นหลักฐานยืนยันถึงความสำคัญของรายการ UCL ได้มากพอสมควรครับ
ทาง เป็ป กวาดิโอล่า อาจจะมีมุมมองที่แตกต่างออกไปบ้างแต่ก็ไม่ได้ถึงขนาด "เห็นต่าง" แต่อย่างใด โดยเขากล่าวถึงเรื่องนี้ว่า
"นี่เป็นรางวัลของการเล่นใน 7 นัดเท่านั้นแหละ เมื่อคุณทำผลงานได้ดีและคว้าถ้วย UCL มาครองได้สำเร็จ คุณก็จะมีรายชื่อติดอยู่ในนั้น ส่วนผลงานระยะยาวในอีก 10 หรือ 11 เดือน มันไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับรายการนี้เลย แต่ผมก็แปลกใจเล็กๆนะว่าทำไมไม่มีลูกทีมของผมติดเลยซักคน เพราะพวกเค้าทำผลงานได้อย่างสุดยอดมากๆ"
"การที่คุณจะให้ผู้คนทั่วโลกจดจำคุณได้ล่ะก็... คุณจำเป็นที่จะต้องคว้าถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก มาให้ได้ แน่นอนว่ารายการนี้มันสำคัญมากๆและเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะทำสำเร็จ"
"แต่ผมจะไม่ยอมเดิมพันทุกอย่างที่ผมมีอยู่ เพื่อแลกกับถ้วยนั้นใบเดียวหรอก ผมอยากจะมีความสุขตลอด 11 เดือน(ทั้งฤดูกาล) และ ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ทำให้ผมมีความสุข"
"ยังไงก็ตามฟุตบอล พรีเมียร์ลีก คือรายการที่สำคัญที่สุด เพราะมันต้องแข่งในทุกสัปดาห์ แต่ใน UCL ทุกสิ่งทุกอย่างมันตัดสินกันภายใน 1 หรือ 2 เกมเท่านั้น และถ้าหากคุณมีประสบการณ์สูงกับรายการนี้มันจะเป็นเรื่องที่ช่วยคุณมากๆเลยล่ะ"
"พวกเราจะพยายามสั่งสมประสบการณ์มากขึ้นไปพร้อมๆกับการคว้าถ้วย พรีเมียร์ลีก ผมคิดว่านั่นเป็นขั้นตอนที่ถูกต้องและสำคัญมากๆ แต่ถ้าหากผมเลือกได้ล่ะก็... แน่นอนว่าผมก็คงอยากจะคว้าแชมป์เลยทันที"
อย่างงั้นแปลว่าสำหรับเป็ปแล้วการเป็นแชมป์ยุโรปไม่สำคัญ ??
ถ้าเราตีความจากบทสัมภาษณ์ของ เป็ป แล้ว มันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นเลยนะครับ นอกจากนี้ เป็ป กวาดิโอล่า ยังยอมรับด้วยว่าการคว้าแชมป์ UCL มาได้นั้นเป็นเรื่องที่ยากมากๆ เพราะต้องอาศัยทั้งคุณภาพในการเล่นและประสบการณ์อีกด้วย ซึ่งเขาเองก็ตั้งเป้าหมายว่าจะเป็นแชมป์ UCL ให้ได้เช่นกัน เพียงแต่ว่ามันอาจจะไม่ใช่ "เดี๋ยวนี้" หรือ "ภายในปีนี้" แต่มันเป็น "เร็วๆนี้" มากกว่าครับ โดยเขาต้องการให้ทีมป้องกันแชมป์ลีกให้ได้ก่อนเพื่อเป็นการรักษาคุณภาพที่ "สม่ำเสมอ" แต่ในขณะเดียวกันก็พยายามพาทีมไปให้ไกลที่สุดในรายการ UCL โดยการทำทั้งสองอย่างนี้ "พร้อมๆกัน" เป็ป มองว่าจะเป็นการสั่งสม "ประสบการณ์" ในแบบที่เขากล่าวถึงนั่นเอง
เป็ป แค่อ้างเรื่อง "ประสบการณ์" เฉยๆรึป่าว เพราะก็พูดเองนี่ว่ามันเหมือนกับ "การพนัน" ??
ผมอยากให้ท่านลองมองย้อนกลับไปดูทีมที่ได้แชมป์ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมานะครับ ตลอด 10 ปีที่ผ่านมาเราจะเห็นว่าทีมเดียวที่สามารถคว้าถ้วย UCL ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ก็คือ "เชลซี" เท่านั้น ทั้ง เรอัลมาดริด, บาร์เซโลน่า, บาเยิร์น มิวนิค, อินเตอร์ มิลาน และล่าสุดก็คือ ลิเวอร์พูล ทีมเหล่านี้เคยผ่านประสบการณ์เป็นแชมป์ UCL มามากกว่า 1 ครั้งทั้งนั้นเลย นอกจากนี้ผมอยากจะยกตัวอย่างทีมอย่าง ยูเวนตุส ที่มีโอกาสเข้าชิงมากถึง 2 ครั้งในรอบ 3 ปี แต่พวกเค้ากลับทำไม่สำเร็จเลยซักครั้ง ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ผู้บริหารของยูเว่ก็เลยต้องดึงตัว คริสติอาโน่ โรนัลโด้ ที่เคยคว้าแชมป์ในรายการนี้มาถึง 5 สมัยเข้ามาช่วยทีม เหตุผลทั้งหมดนี้น่าจะเป็นคำตอบว่าทำไมประสบการณ์ถึงสำคัญมากตามที่ เป็ป กล่าว
ไหนบอกว่าเรื่อง "โชค" เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องด้วยไง ทำไมถึงทีมที่ได้แชมป์ส่วนใหญ่ถึงมีประสบการณ์มาทั้งนั้นเลย ??
เป็นเรื่องจริงที่ว่าในรายการ UCL นั้นเป็นเรื่องของ "โชค" เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน แต่ว่าถ้าหากเรามองดูดีๆ ทุกทีมจะต้องมีช่วงเวลาที่ "โชคดี" หรือ "โชคร้าย" ทั้งนั้ันตลอดฤดูกาล คำถามสำคัญก็คือ ทีมเหล่านั้นจะสามารถจัดการกับช่วงเวลาที่ตัวเองต้องเจอกับ "โชคร้าย" ได้ดีแค่ไหนและอะไรเป็นสิ่งสำคัญในการจัดการเรื่องเหล่านี้ ?? คำตอบง่ายๆเลยก็คือการที่จะจัดการช่วงเวลาแย่ๆให้ผ่านไปได้ด้วยดีคือการนำเรื่องของ "ประสบการณ์" เข้ามาเกี่ยวข้องนั่นเอง ยกตัวอย่าง อาแจ็กซ์ พลาดตกรอบรองเพราะว่าดันไปพลาดเสียประตูในช่วงทดเวลา ทั้งๆที่อีกไม่ถึง 10 วินาทีพวกเค้าก็จะได้บินไปเล่นนัดชิงที่กรุงมาดริดกับ ลิเวอร์พูล อยู่แล้ว กลับกันทีมแชมป์อย่าง ลิเวอร์พูล มีผลงานในเกมเยือน "แย่มากๆ" ในศึก UCL รอบแบ่งกลุ่ม(แพ้รวด 3 เกมติด) แต่พอมาเป็นรอบน็อคเอ้าท์ พวกเค้ากลับทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม แถมยังสามารถสร้างปาฏิหาริย์กลับมาได้ในเกมกับ บาร์เซโลน่า อีกต่างหาก ยังไม่รวมในนัดชิงที่พูดได้เต็มปากว่าก็ไม่ได้เล่นดีมากมาย แต่สามารถที่จะ "ปิดเกม" แล้วคว้าแชมป์ได้สำเร็จ ดังนั้นเรื่องของประสบการณ์จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการคว้าแชมป์รายการนี้ครับ
สุดท้ายนี้... รายการไหนสำคัญกว่ากัน ??
เอาจริงๆมันก็สำคัญทั้งคู่ครับ เพียงแต่ว่าในแต่ละถ้วยมันมีความยากเฉพาะตัวของมันอยู่ ซึ่งความยากเหล่านั้นผมก็ได้บอกไปหมดแล้ว ดังนั้นการจะบอกว่าถ้วยนั้นสำคัญกว่าถ้วยนี้มันก็คงเป็นเรื่องที่พูดลำบาก เอาเป็นว่าถ้าสามารถคว้าได้ทั้งคู่น่าจะเป็นการการันตีทีมที่ดีที่สุดในยุโรปหรือในโลกได้แบบเต็มปากมากที่สุดครับ