เป็นสำนวนส่อฟ้องอุปนิสัยใจคอของผู้ชายพายเรือ กินรวบหัวรวบหาง เอาทั้งพี่ทั้งน้อง โด่งดังที่สุดในประวัติศาสตร์วรรณกรรมไทยก็เห็นจะเป็นพ่อมหาเสน่ห์ "ขุนแผน" แสนสะท้านนั่นเอง เพราะในบทเสภาเรื่องขุนช้าง-ขุนแผน ซึ่งแต่งขึ้นในสมัยอยุธยานั้น ตอนพลายแก้วเข้าหานางพิมพากับสายสองสองสาวสองพี่น้องนั้นท่านเล่าว่า
เมื่อพลายแก้วเกาะเพลาะย่องตามนางสายทองขึ้นเรือนไปหานางพิมพานั้น ขณะที่นางสายทองเกร็งเต็มที่ เพราะกลัวแม่ศรีประจันต์จะรู้ความ เจ้าพลายแก้วกลับออกแววโลภ ใช้มือลวนลามจับต้องของสงวนของนางสายทอง ทีแรกก็ทำทีเป็นเผลอเรอ แต่พอเห็นนางสายทองไม่ว่ากระไรก็ย่ามใจ
เจ้าพลายแอบกายสายทองบัง
เห็นเขานิ่งยิ่งขยำเอาเต็มที่
ผลักไสไฮ้ไม่น่าจะเอ็นดู
พลายแก้วเห็นทีสายทองโกรธ
สำคัญจิตคิดว่าพิมนิ่มนิ่มดี ทำกระทั่งถูกนมเข้าลองดู
สายทองจักระดี้คิดอดสู
นมจู้เจ้าพลายใช่พอดี
ถูกนิดหนึ่งขอโทษเสียเถิดพี่
ขอจูบทีเถอะโอ๊ยฉันลืมไป
ตกดึก ขณะพิมพาหลับไหลไปด้วยเสน่หานั้น พลายแก้วกลับนึกคึกคัก แอบย่องออกจากห้องของนางพิมเข้าไปหานางสายทองเป็นคำรบสอง แล้วสายทองก็ต้องกลมนต์เสน่ห์ของพ่อขุนแผน ตกว่าคืนนั้นพลายแก้วได้ทั้งพี่ทั้งน้องมาเป็นเมีย
๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘
นางสายทองเป็นทาสที่ขายตนเองให้แก่นางศรีประจันตั้งแต่ตนยังเล็ก ๆ ซึ่งหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช อธิบายสภาพของนางสายทองว่า "...เป็นทาสชนิดขาดค่าไถ่ คือได้รับเงินไปแล้วก็ตกลงว่าจะไม่ไถ่ตัวเองออกไปเป็นอิสระต่อไป นางสายทองนี้ทำให้เห็นลักษณะของความเป็นทาสในเมืองไทยสมัยนั้น" ถึงแม้จะเป็นทาสแต่นางสายทองก็ได้รับอนุญาตให้กินอยู่หลับนอนได้บนบ้านของเจ้านาย เหตุว่ามีหน้าที่พี่เลี้ยงนางพิมพิลาไลย บุตรสาวของนางศรีประจันซึ่งมีอายุอ่อนกว่าตนไม่กี่ปี
ด้วยเหตุนี้ นิสัยใจคอและพฤติกรรมต่าง ๆ ของนางพิมพิลาไลยก็ล้วนมาจากการปลูกฝังและชักนำของนางสายทองทั้งสิ้น
ซึ่งเสภาขุนช้างขุนแผนกล่าวว่าการร่วมเพศกันระหว่างพลายแก้วกับนางพิมนั้นเป็นไปโดยอ่อนโยน แต่ระหว่างพลายแก้วกับนางสายทองนั้นตรงกันข้ามทีเดียว โดยว่า
พลางเป่าปัถมังกระทั่งทรวง สายทองง่วงงงงวยระทวยนิ่ง
ทำตาปริบปรอยม่อยประวิง เจ้าพลายอิงเอนทับลงกับเตียง
ค่อยขยับจับเลื่อนแต่น้อยน้อย ฝนปรอยฟ้าลั่นสนั่นเปรี้ยง
ลมพัดซัดคลื่นสำเภาเอียง ค่อยหลีกเลี่ยงแล่นเลียบตลิ่งมา
พายุหนักชักใบได้ครึ่งรอก แต่เกลือกกลอกกลับกลิ้งอยู่หนักหนา
ทอดสมอรอท้ายเป็นหลายครา เภตราหยุดแล่นเป็นคราวคราว
สมพาสพิมดุจริมแม่น้ำตื้น ไม่มีคลื่นแต่ระลอกกระฉอกฉาว
ปะสายทองดุจต้องพายุว่าว พอออกอ่าวก็พอจมล่มลงไป
END
ฝ่ายนางพิมนั้นเมื่อสะดุ้งตื่นขึ้นไม่พบพลายแก้วก็ออกตามหาไปถึงห้องนางสายทองพบภาพบาดตา ก็เกิดทะเลาะเบาะแว้งกันตึงตังถึงขนาดตัดเป็นตัดตายกัน นางศรีประจันซึ่งนอนอยู่บนเรือนและควรจะตื่นตั้งแต่พลายแก้วขึ้นบ้านแล้วก็ตื่นตกใจเพราะเสียงทะเลาะตึงตังนั้น แต่ก็นอนอยู่บนเตียงแล้วร้องออกมาเพียงว่า "เรื่องอะไรกัน" นางสายทองจึงตอบกลับว่าแมวมาล้วงไหน้ำมัน และนางพิมก็เสริมว่าดีที่ตนออกมาช่วยไล่แมวได้ทัน มิเช่นนั้นน้ำมันคงหมดไหแล้ว แล้วนางศรีประจันก็หลับต่อไปโดยไม่สะกิดใจอันใด