ผู้ตั้ง
ข้อความ
เข้าร่วม: 22 Oct 2012
ตอบ: 1959
ที่อยู่: ทางตอนเหนือของอิตาลี
โพสเมื่อ: Thu Sep 03, 2015 8:50 am
เหตุการณ์ เมื่อล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๔ ทรงวางอุบายตรัสเป็น “ภาษาอังกฤษ” ก่อนเสด็จสวรรคต


พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ถือเป็นกษัตริย์พระองค์หนึ่งที่มีบทบาทด้านการนำวัฒนธรรม และเทคโนโลยีต่างๆ ที่มีประโยชน์ของตะวันตก มาประยุกต์ใช้ในสยาม และราชสำนักของพระองค์ได้อย่างชาญฉลาด อีกทั้งพระองค์ยังทรงดำริริเริ่มในการว่าจ้างชาวต่างชาติเข้ามารับราชการในยุคสมัยของพระองค์เพื่อทำนุบำรุงให้สยามมีความก้าวหน้าและเป็นที่ยอมรับในสายตาของโลก ไม่ว่าจะเป็นการว่าจ้างครูชาวต่างชาติภาษาอังกฤษเพื่อตั้งโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษอย่างที่เราเคยเขียนไปแล้ว หรือว่าการว่าจ้างนายทหารชาวอังกฤษในการจัดระเบียบการฝึกทหารของสยามให้มีความทันสมัยและก้าวทันโลก

พ.ศ. 2411 เมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเสด็จกลับจากการดูสุริยุปราคาเต็มดวงที่ ตำบลหว้ากอ จ.ประจวบคิริขันธ์ เมื่อเสด็จกลับถึงกรุงเทพมหานคร ก็ทรงเริ่มล้มป่วยด้วยโรคไข้มาลาเรีย ซึ่งสมัยนั้นถือว่าเป็นโรคที่ยังไม่ได้รับการวินิจฉัยอย่างแพร่หลาย ทำให้พระองค์ทรงทรุดลงเรื่อยๆ แม้แพทย์หลวงหรือแพทย์ชาวตะวันตกผู้ใกล้ชิด จะทำการรักษาพระองค์อย่างไรก็ไม่มีท่าทีว่าจะทรงดีขึ้น ส่วนตัวพระองค์เองนั้น ท่านก็ทรงรู้ตัวพระองค์เองอย่างดียิ่ง ทำให้ท่านจึงได้เรียกเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์เข้ามาเพื่อฝากฝังเรื่องราชการบ้านเมือง และรัชทายาท



จากนั้นจึงมีพระราชประสงค์ให้เรียกขุนนางคนสนิทเข้าเฝ้าพร้อมกันทั้งสามพระองค์ อันได้แก่ เสด็จพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงวงศาธิราชสนิท เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ ที่สมุหพระกลาโหม เจ้าพระยาภูธราภัย ที่สมุหนายก เข้าไปเฝ้าถึงข้างพระที่พระบรรทม เมื่อทรงเรียกทั้งสามเข้าเฝ้าเรียบร้อยแล้ว ท่านจึงได้กล่าวว่าขอทรงสมาธานศีลเพื่อแสดงความสัตย์สุจริตเสียก่อนที่จะทรงตรัสสิ่งต่างๆ เมื่อพระองค์ได้ทรงสมาธานศีลเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงได้ทรงตรัสออกมาเป็น ภาษาอังกฤษ หลายประโยค แล้วจึงทรงตรัสว่า

“ที่พูดภาษาอังกฤษนี้ เพื่อที่จะให้ท่านทั้งหลายเห็นว่า สติสัมปชัญญะยังเป็นปกติ ถึงภาษาอื่นมิใช่ภาษาของตน ก็ยังทรงจำได้ด้วยสติยังดีอยู่ ท่านทั้งปวงจะสำคัญในข้อความที่จะสั่ง ว่ามิได้สั่งโดยฟั่นเฟือน”



แล้วได้ทรงตรัสต่อว่า “ท่านทั้งสามพระองค์ได้ช่วยกันทำนุบำรุงแผ่นดินเป็นสุขตลอดมาจนถึงเวลาสิ้นพระชนมายุ ถ้าสิ้นพระองค์ล่วงไปแล้ว ขอให้ท่านทั้งปวงจงช่วยทำนุบำรุงแผ่นดินต่อไปให้เรียบร้อย ให้สมณพราห์มประชาราษฎรได้พึ่งอยู่เย็นเป็นสุขทั่วกัน ขอให้ทูลพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ใหม่ให้เอาเป็นพระราชธุระรับฎีกาของราษฎรอันมีทุกข์ร้อน ให้ร้องได้สะดวกเหมือนพระองค์ได้ทรงเป็นพระธุระรับฎีกามาแต่ก่อน อนึ่ง ผู้ซึ่งจะเป็นพระเจ้าแผ่นดินสืบพระบรมราชวงศ์ไป ภายหน้านั้นให้ปรึกษากันเลือกดูแต่ที่สมควร จะเป็นพระเจ้าน้องยาเธอก็ตาม พระเจ้าลูกยาเธอหรือพระเจ้าหลานเธอก็ตาม เมื่อปรึกษาเห็นพร้อมกันว่าพระองค์ใดมีปรีชาสามารถควรจะรักษาแผ่นดินได้ก็จงยกย่องพระองค์นั้นขึ้น จะได้ทำนุบำรุงแผ่นดินให้พระราชวงศานุวงศ์ข้าราชการและอาณาประชาราษฎรอยู่เย็นเป็นสุขต่อไป อย่าได้หันเหียนเอาความว่าจะชอบพระราชหฤทัยเป็นประมาณเลย เอาแต่ความดีความเจริญของบ้านเมืองเป็นประมาณเถิด”

จนกระทั่งมาถึงวันพฤหัสบดีที่ 1 ตุลาคม พ.ศ.2411 ดำรัสสั่งให้ พระยาบุรุษฯ ออกไปเชิญ ขุนนางคนสนิททั้งสามพระองค์ที่เคยเรียกให้เข้าเฝ้าครั้งนั้นได้มาเข้าเฝ้าอีกครั้งหนึ่ง และมีพระราชดำรัสว่า เห็นทีพระองค์จะทรงสวรรคตในวันนั้นเสียแล้ว และตรัสว่า

“ท่านทั้ง ๓ กับพระองค์ได้ทำนุบำรุงประคับประคองกันมา บัดนี้กาลจะถึงพระองค์แล้ว ขอลาท่านทั้งหลายในวันนี้ ขอฝากพระราชโอรสธิดาอย่าให้มีภัยอันตรายหรือเป็นที่กีดขวางในการแผ่นดิน ถ้าจะมีความผิดสิ่งไรเป็นข้อใหญ่ ขอแต่ชีวิตไว้ ให้เป็นแต่โทษเนรเทศ ขอให้ท่านทั้ง ๓ จงเป็นที่พึ่งแก่พระราชโอรสธิดาต่อไปด้วยเถิด”

เมื่อท่านทั้ง 3 ได้ฟังก็ต่างพากันร้องไห้สะอื้นอาลัย จึงดำรัสห้ามว่า “อย่าร้องไห้ ความตายไม่เป็นอัศจรรย์อันใด ย่อมมีย่อมเป็นเหมือนกันทุกรูปทุกนาม ผิดกันแต่ที่ตายก่อนและตายทีหลัง แต่ก็อยู่ในต้องตายเหมือนกันทั้งสิ้น บัดนี้เมื่อกาลมาถึงพระองค์เข้าแล้ว จึงได้ลาท่านทั้งหลาย”

พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จสวรรคตเวลา 15 นาฬิกา ของวันดังกล่าว เรียกได้ว่าพระองค์ถือเป็นพระมหากษัตริย์อีกพระองค์หนึ่งที่วางรากฐานไว้ให้พวกเราชาวไทย ซึ่งถึงแม้ตัวของพระองค์จะจากไป แต่ทรงได้ทิ้งพระราชกรณียกิจนานัปการที่ให้คุณต่อคนรุ่นหลังไว้ไม่สิ้นสุดเลยทีเดียว





Source : จดหมายเหตุเมื่อประชวร

หนังสือ “ความทรงจำ” พระนิพนธ์โดย สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ






เข้าร่วม: 30 Dec 2013
ตอบ: 3126
ที่อยู่: มอดอว์
โพสเมื่อ: Thu Sep 03, 2015 9:02 am
[RE: เหตุการณ์ เมื่อล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๔ ทรงวางอุบายตรัสเป็น “ภาษาอังกฤษ” ก่อนเสด็จสวรรคต]
สาระงี้ ต้องเม้นต้องไลน์
0
0



เข้าร่วม: 05 May 2014
ตอบ: 593
ที่อยู่: กรุงเทพ
โพสเมื่อ: Thu Sep 03, 2015 9:13 am
[RE: เหตุการณ์ เมื่อล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๔ ทรงวางอุบายตรัสเป็น “ภาษาอังกฤษ” ก่อนเสด็จสวรรคต]
หามาให้อ่านเยอะๆครับ แบบนี้ผมชอบ ขอบคุณมากครับ
0
0
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 315
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Sep 03, 2015 10:09 am
[RE: เหตุการณ์ เมื่อล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๔ ทรงวางอุบายตรัสเป็น “ภาษาอังกฤษ” ก่อนเสด็จสวรรคต]
ชอบประวัติศาสตร์เหมือนกัน
0
0
ความแน่นอน คือ ความไม่แน่นอน


เข้าร่วม: 10 Nov 2008
ตอบ: 11389
ที่อยู่: กระป๋อง
โพสเมื่อ: Thu Sep 03, 2015 10:11 am
[RE: เหตุการณ์ เมื่อล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๔ ทรงวางอุบายตรัสเป็น “ภาษาอังกฤษ” ก่อนเสด็จสวรรคต]
รู้หรือไม่ ประเทศไทยมี ร.4 สองพระองค์

ผมไม่รู้(โรงเรียนไม่ได้สอน) หรือสอนแต่จำไม่ได้ก็ไม่รุ้
0
0

เข้าร่วม: 22 Oct 2012
ตอบ: 119
ที่อยู่: กรุงเทพ
โพสเมื่อ: Thu Sep 03, 2015 10:56 am
[RE: เหตุการณ์ เมื่อล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๔ ทรงวางอุบายตรัสเป็น “ภาษาอังกฤษ” ก่อนเสด็จสวรรคต]
1ใน7 มหาราชกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่
0
0
Impossible Is Nothing

เข้าร่วม: 18 Mar 2010
ตอบ: 5555
ที่อยู่: Camp Nou , Barcelona
โพสเมื่อ: Thu Sep 03, 2015 11:08 am
[RE: เหตุการณ์ เมื่อล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๔ ทรงวางอุบายตรัสเป็น “ภาษาอังกฤษ” ก่อนเสด็จสวรรคต]
ผมว่า ร.4ทรงเป็นกษัตริย์ที่มีพระปรีชาสามารถมากๆเลยนะคับ (ความจริงก็ทุกพระองค์แหละ แต่อาจจะแตกต่างกันคนละด้าน)

แต่ผมไม่เข้าใจว่าทำไมประชาชนส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยให้ความยกย่องเท่าที่ควร อันนี้ความรู้สึกผมนะ เพราะส่วนมากจะยกย่อง ร.5มากกว่า ทั้งๆที่ ร.4ก็มีพระปรีชาสามารถไม่แพ้กันเลย

แล้วที่ผมเคยอ่านผ่านๆเจอ เขาบอกว่า พระราชกิจที่ ร.5ได้ทำ เกิดจากการวางแผนการล่วงหน้าของ ร.4ทั้งนั้น เพราะพระองค์ทรงทำไม่ทัน ร.5เป็นลูกเลยให้รับช่วงต่อ ทั้งนี้เพราะพระองค์เป็นกษัตริย์ที่ชอบมองการณ์ไกลและมีวิสัยทัศน์ก้าวไกลมากๆด้วย

บวกกับการที่ ร.5 ทรงทำนุบำรุงและพัฒนาประเทศหลายอย่างมากๆ แถมพรงองค์ทรงครองราชย์ได้ไม่นาน และยังมีพระปิ่นเกล้าทรงครองราชย์ในนามร่วมกันอีก ประวัติศาสตร์ไทยก็ไม่มีสอน น่าจะเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้หลายคนมองข้ามไป ผมจึงคิดว่าพรงองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่เป็นดั่งผู้ปิดทองหลงพระอย่างแท้จริง


เข้าร่วม: 04 Dec 2010
ตอบ: 379
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Sep 03, 2015 11:57 am
[RE: เหตุการณ์ เมื่อล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๔ ทรงวางอุบายตรัสเป็น “ภาษาอังกฤษ” ก่อนเสด็จสวรรคต]
song barca พิมพ์ว่า:
ผมว่า ร.4ทรงเป็นกษัตริย์ที่มีพระปรีชาสามารถมากๆเลยนะคับ (ความจริงก็ทุกพระองค์แหละ แต่อาจจะแตกต่างกันคนละด้าน)

แต่ผมไม่เข้าใจว่าทำไมประชาชนส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยให้ความยกย่องเท่าที่ควร อันนี้ความรู้สึกผมนะ เพราะส่วนมากจะยกย่อง ร.5มากกว่า ทั้งๆที่ ร.4ก็มีพระปรีชาสามารถไม่แพ้กันเลย

แล้วที่ผมเคยอ่านผ่านๆเจอ เขาบอกว่า พระราชกิจที่ ร.5ได้ทำ เกิดจากการวางแผนการล่วงหน้าของ ร.4ทั้งนั้น เพราะพระองค์ทรงทำไม่ทัน ร.5เป็นลูกเลยให้รับช่วงต่อ ทั้งนี้เพราะพระองค์เป็นกษัตริย์ที่ชอบมองการณ์ไกลและมีวิสัยทัศน์ก้าวไกลมากๆด้วย

บวกกับการที่ ร.5 ทรงทำนุบำรุงและพัฒนาประเทศหลายอย่างมากๆ แถมพรงองค์ทรงครองราชย์ได้ไม่นาน และยังมีพระปิ่นเกล้าทรงครองราชย์ในนามร่วมกันอีก ประวัติศาสตร์ไทยก็ไม่มีสอน น่าจะเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้หลายคนมองข้ามไป ผมจึงคิดว่าพรงองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่เป็นดั่งผู้ปิดทองหลงพระอย่างแท้จริง  


ผมกกำลังอ่านแอนนาแอนเดอะคิง แล้วต่อยอดเรื่องเกี่ยวกับร.4 เห็นด้วยเลยนะคับ ร.4เก่งมากๆเลย ปูทางให้ร.5 หลายๆอย่างแล้ว ร.5 ก็เก่ง สอบทอดต่อได้ดีมากเลยคับ
เข้าร่วม: 17 Feb 2010
ตอบ: 1420
ที่อยู่: ประเทศไทย
โพสเมื่อ: Thu Sep 03, 2015 12:21 pm
[RE: เหตุการณ์ เมื่อล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๔ ทรงวางอุบายตรัสเป็น “ภาษาอังกฤษ” ก่อนเสด็จสวรรคต]
ขอบคุณครับ
0
0