ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
หัวหน้าแมวมอง
Status:
: 1 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 01 Dec 2013
ตอบ: 36606
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Jan 08, 2014 21:08
ความธรรมดา ที่ ไม่ธรรมดา ของผู้ชายที่ชื่อ "โชเซ่ มูรินโญ่"


ถ้าหากพูดถึงผู้จัดการทีมที่มีชื่อเสียง ฝีมือ
และมีทั้งคนรักและคนเกลียดมากที่สุดในปัจจุบัน....คุณจะนึกถึงใคร?
แน่นอนครับหนึ่งในนั้นที่คุณนึกถึง จะต้องมีชื่อของ "โชเซ่ มูรินโญ่" หรือ "
เดอะ แฮปปี้ วัน" อย่างแน่นอน เพราะนอกจากความสำเร็จในด้านการคุมทีม
ที่เขาทำให้เห็นกันอย่างชัดเจนแล้ว เขาคนนี้ยังมีมุมมองและประสบการณ์ในการ
ใชีชีวิตทั้งในโลกของลูกหนัง และโลกแห่งความจริง ที่อีกหลายคนยังไม่เคยเห็น
ดังนั้นในวันนี้ เรามาทำความรู้จักกันถึงแก่นแท้ของผู้ชายที่ชื่อ
โชเซ่ มูรินโญ่ กันดีกว่า





โชเซ่ มูรินโญ่ เริ่มเข้าสู่วงการลูกหนังในปี ค.ศ 1992
จากการเป็นล่ามแปลภาษาโปรตุเกสให้กับ เซอร์ บ็อบบี้ ร็อบสัน
ซึ่งเป็นผู้จัดการทีมของสโมสร สปอร์ติ้ง ลิสบอน อยู่ในช่วงนั้น
และด้วยความสนิมสนมกับกุนซือ รวมถึงความอยากที่จะเข้าไปอยู่ใน
วงการฟุตบอลอย่างเต็มตัวของเขา ทำให้ในเวลาต่อมา เขาได้เลื่อนขั้นไปเป็น
"ผู้ช่วยผู้จัดการทีม" และติดตาม "ปู่บ็อบ" ไปอยู่กับทีม บาร์เซโลน่า
ทีมยักษ์ใหญ่จากสเปน จนกระทั่งในปี ค.ศ 1996 เซอร์ บ็อบบี้ ร็อบสัน
ได้ออกจากถิ่น คัปน์ นู เพื่อที่จะไปรับงานคุมทีม
พีเอสวี ไฮลด์โอเฟ่น ในประเทศฮอลแลนด์




แต่ทาง มูรินโญ่ ก็ยังอยู่กับทีม "เจ้าบุญทุ่ม" ต่อไป โดยการทำหน้าที่
เป็นผู้ช่วยของ หลุยส์ ฟาน กัล กุนซือคนใหม่ที่เข้ามาแทนที่ "ปู่บ็อบ"
ซึ่งในระหว่างที่เขาตักตวงประสบการณ์อยู่กับทีม "บาร์ซา" นั้น
ทีมก็ได้แชมป์มาครองหลายถ้วย ทั้ง สแปนิชคิงส์คัพ ซุปเปอร์คัพ
และ ยูฟ่าคัพวินเนอร์สคัพ หรือ ถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในปัจจุบัน
โดยทาง มุรินโญ่ กล่าวเอาไว้ว่า การได้ทำงานกับยอดโค้ชทั้ง 2 คนนั้น
ถือว่าเป็นสิ่งทีดีมาก เพราะเขาได้ทั้ง ประสบการณ์เกี่ยวกับ
การวางแผนการเล่น และการคุมลูกทีมลงฝึกซ้อมจากที่นี่นั่นเอง




ซึ่งการที่กุนซือผู้นี้ได้ประสบการณ์เกี่ยวกับการวางแผนการเล่น
และการคุมลูกทีมลงฝึกซ้อมนั้น เจ้าตัวกล่าวว่า ถือเป็นจุดที่ทำให้เ
ขาประสบความสำเร็จอย่างมากในอาชีพ ผู้จัดการทีม เพราะ
ผู้จัดการทีมส่วนใหญ่จะเลือกที่เป็นคนวางแผน หรือ ไม่ก็เป็นคนที่คุม
ลูกทีมฝึกซ้อม เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งอาจจะทำให้พลาดร
ายละเอียดเล็กๆน้อยๆไป และอาจส่งผลถึงความพ่ายแพ้ของทีมก็เป็นได้




หลังจากนั้นเป็นเวลา 4 ปี ความฝันที่จะเป็นผู้จัดการทีมอย่างเต็มตัวของเ
ขาก็เป็นจริง เมื่อเขาได้รับข้อเสนอจาก เบนฟิก้า ทีมชื่อดังใน
ประเทศบ้านเกิดของเขา ติดต่อมาให้ไปคุมทีมแทนที่
จุ๊ปป์ ไฮย์เกส ซึ่งเขาก็ตอบตกลงทันที แต่เส้นทางในเป็นผู้จัดการทีม
ของเขานั้น มันไม่ได้สวยหรูอย่างที่คิด เนื่องจากว่า
เขาถูกปลดออกจากเก้าอี้กุนซือ หลังจากที่คุมทีมไปเพียงครึ่งฤดูกาลเท่านั้น
เนื่องจากทีมมีผลงานที่แย่กว่าที่ทางบอร์ดบริหารของทีมตั้งใจเอาไว้
แต่ว่าเขาก็ว่างงานไม่นาน เพราะผลงานการคุมทีมของเขา
ไปเข้าตาของสโมสร ปอร์โต้ และเขากลับมารับงานคุมทีมอีกครั้งในปี 2001
และเจ้าตัวก็ได้สร้างผลงานได้อย่างประทับใจ โดยการพาทีมไปเล่นในฟุตบอล
ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ ลีก ได้สำเร็จภายในฤดูกาลเดียว
และคุมทีมคว้าแชมป์ได้ในฤดูกาลที่ 2 ด้วยสถิติชนะ 27 เสมอ 5
และแพ้แค่ 2 เกมเท่านั้น



ไม่เพียงแค่นั้น หลังจากที่ได้แชมป์ลีกแล้ว เขายังพาทีมคว้าแชมป์
"โปรตุเกสคัพ" รวมถึง "ยูฟ่าคัพ" ได้อีก ทำให้ในฤดูกาลนั้น
ปอร์โต้ สามารถคว้าทริปเปิลแชมป์ได้สำเร็จ นั่นหมายความว่า
เขาสามารถพาทีมคว้า 3 แชมป์ได้ หลังจากเขาเข้ามาคุมทีมเพียง 2
ฤดูกาลเท่านั้น




และอีกปีต่อมา กุนซือชาวโปรตุกีสก็พาทีม ปอร์โต้ คว้าแชมป์
ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ ลีก ได้สำเร็จ จากการเอาชนะทีมอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ลาคอรุนญ่า โอลิมปิค ลียง และโมนาโกในรอบชองชนะเลิศ 3-0
ทำให้เขาได้ความสนใจจากหลายๆทีมในยุโรป ที่ต้องการดึงตัวเขาไปคุมทัพ
ซึ่ง มูรินโญ่ กล่าวว่า "ในตอนนั้น เขามีทีมที่อยากจะไปคุมอยู่ 2 สโมสร
นั่นก็คือ ลิเวอร์พูล กับ เชลซี แต่ที่เขาเลือก เชลซี ก็เพราะ
อยากจะพาทีมประสบความสำเร็จโดยไร้ข้อครหา ว่า
เป็นทีมที่ใช้เงินเพื่อซื้อความสำเร็จ"




ทำให้ในฤดูกาลถัดมา คือ ในเดือนมิถุนายน ปี ค.ศ 2004
เขาก็ได้รับการแต่งตั้งจาก โรมัน อับราโมวิช เจ้าของสโมสร เชลซี
คนใหม่ ให้มานั่งเก้าอี้กุนซือ และเพียงฤดูกาลแรกที่เขาเข้ามาคุมทีม
"สิงโตพันล้าน" ทีมก็สามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก
โดยมีคะแนนในการเป็นแชมป์ที่สูงสุด ตั้งแต่มีการแข่งขัน
ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกมา รวมถึง แชมป์ลีกคัพ ซึ่งเป็นการคว้าดับเบิลแชมป์
ตั้งแต่ฤดูกาลแรกที่เจ้าตัวเข้ามาคุมทีม




แต่หลังจากที่เขาเข้ามาคุมทีม "สิงห์บลู" ได้เพียง 3 ฤดูกาลเท่านั้น
ในปี 2007 สิ่งที่ทำให้วงการลูกหนังต้องตะลึงก็เกิดขึ้น เมื่อ ทางสโมสร
เชลซี ได้ออกมาแถลงว่า ได้ประกาศแยกทางกับ โชเซ่ มูรินโญ่ เรียบร้อย
ด้วยความยินยอมของทั้ง 2 ฝ่าย เพราะเนื่องจากในปีนั้นทีมโชว์ผลงานไ
ด้ไม่ดีเท่าที่ควร แต่ก็มีอีกกระแสข่าวออกมาว่า การที่ เชลซี
ตัดสินใจแยกทางกับ "เดอะ สเปเชี่ยล วัน" เป็นเพราะว่า
เจ้าตัวไปมีปัญหาส่วนตัวกับ "อากู๋" หรือ โรมัน อับราโมวิช
เจ้าของสโมสร ทำให้เขาต้องระเห็ดออกจากถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ไปในที่สุด




อย่างไรก็ตาม กุนซือที่มีฝีมืออย่าง โชเซ่ มูรินโญ่
นั้นไม่มีทางที่จะตกงานได้นาน เพราะหลังจากนั้นเพียงแค่ไม่ถึง 1 ปี
เขาก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ของ สโมสร อินเตอร์ มิลาน
ด้วยสัญญา 3 ปี แทนที่กุนซือคนเก่าอย่าง โรเบอร์โต้ มันชินี่
ที่โดนปลดออกไป และสามารถพาทีมคว้าแชมป์แรกได้อย่างรวดเร็ว
คือ แชมป์ซูปเปอร์ โคปา อิตาเลีย โดยการเอาชนะการดวลจุดโทษทีม โรม่า ไปได้ ในปีเดียวกันนั่นเอง




โดยความแสบสันต์ของ "เดอะ สเปเชี่ยล วัน" ก็เริ่มต้นทันที
หลังจากมาคุมทีมในอิตาลีได้ไม่นาน ซึ่งวีรกรรมแรกที่เขาได้ท
ำเกิดขึ้นในปี 2009 โดยเจ้าตัวได้ให้สัมภาษณ์ กล่าวหาสื่ออิตาลีว่า
เป็นพวกที่ชอบ "ค้าประเวณีทางปัญญา" ทำให้เจ้าตัวถูกหลายสื่อ
ในประเทศแบนไปช่วงระยะหนึ่งเลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม
ถึงแม้ว่าเขาจะมีพฤติกรรมนอกสนามที่ค่อนข้างจะ "ขวานผ่าซาก"
แต่ฝีมือการคุมทัพนั้นก็ถือว่าไม่ธรรมดา เนื่องจากว่า
เจ้าตัวสามารถพาทีม "งูใหญ่" คว้าแชมป์ กัลโช่ เซเรีย อา
ได้ตั้งแต่ฤดูกาลแรกที่เข้ามาทำทีมนั่นเอง




และเขายังสามารถที่จะปราบพยศของนักเตะที่ได้ชื่อว่า
"เกรียน" อันดับต้นๆของโลก ทั้ง มาริโอ บาโลเตลลี่
และ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ได้่อยู่หมัด โดยหัวหอกทีมชาติ สวีเดน
เคยกล่าวในหนังสืออัตชีวประวัติของตนเองเกี่ยวกับ มูรินโญ่ ไว้ว่า
"เขาเป็นคนที่ใส่ใจและสนใจในตัวนักเตะภายใต้บังคับบัญชาของเขาเสมอ
รวมถึงเขาจะกระตุ้นเราทุกครั้งก่อนลงสนาม ด้วยการนำวิดีโอนักที่เราเล่นไม่ดี
มาเปิดให้ดู และพูดให้เราอับอายและสิ้นหวัง แต่สุดท้าย
เขาก็จะกลับมากระตุ้นให้เรามีพลังมากกว่าเดิมอีกครั้ง"




ซึ่งการที่เขามีความสามารถพิเศษในการชักจูงนักเตะทั้งหลาย
ให้วิ่งทะลุกำแพงมาเพื่อเขาคนเดียว มันทำให้เปรียบเสมือนเป็น "ลายเซ็น"
ในการคุมทีมของเขาอีกอย่างนึง เพราะ "ความสัมพันธ์ส่วนตัว"
ที่เขาสร้างขึ้นมานั้น มันจะทำให้นักเตะภักดีกับเขาตลอดไป
และเคล็ดลับสำคัญที่ มูรินโญ่ ใช้เพื่อการปราบพยศนักเตะทั้งหลายก็คือ
สิ่งง่ายๆที่เรียกว่า "ความซื่อสัตย์" นั่นเอง จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าเวลาไปที่ไหน
เจ้าตัวก็มักจะมีแต่คนเข้ามาทักทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้มทุกครั้งทั้งในและ
นอกสนามฟุตบอลนั่นเอง




ต่อมาในปี 2010 หลังจากประสบความสำเร็จในถิ่น จูเซ็ปเป้ เมซซ่า
อย่างมากมาย เส้นทางในการเป็นกุนซือของเขาก็ต้องพลิกผันอีกครั้ง
เพราะเขาได้รับการติดต่อจากทีมยักษ์ใหญ่ของโลก อย่าง เรอัล มาดริด
ให้ไปคุมทีมแทนที่ของ มานูเอล เปเยกรินี่ ที่ถูกปลดออกไป
ซึ่งเป็นข้อเสนอที่ยากจะปฎิเสธ ทำให้ "เดอะ สเปเชี่ยล วัน"
ตัดสินใจอำลาทีม "งูใหญ่" และรับงานคุมทีม "ราชันชุดขาว"
ด้วยสัญญา 4 ปีด้วยกัน




แต่พฤติกรรมความ "ห่าม" ของเขาก็ยังตามมาถึงแดน
กระทิงดุ โดยในปี 2011 เหตุการณ์ที่ทุกคนน่าจะจำกันได้ก็คือ
เขาได้ใช้นิ้วไปจิ้มตา ตีโต้ บีลาโนบา ผู้ช่วยโค้ชของทีม บาร์เซโลน่า
ในศึก ซูปเปอร์คัพ ทำให้หลายคนมองว่า โชเซ่ มูรินโญ่
เป็นผู้จัดการทีมที่ชอบความรุนแรงและเน้นการใช้กำลัง
ส่งผลให้แฟนบอลของทีม "ราชันชุดขาว" นั้น แบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย
คือ ฝ่ายที่สนับสนุน มูรินโญ่ กับ ฝ่ายที่ต่อต้าน มูรินโญ่ นั่นเอง




และเจ้าตัวก็โดนกระแสกดดันมาเรื่อยๆ เพราะในปี 2013
เขาได้จับ อิเคร์ กาซิยาส ซึ่งถือว่าเป็นนักเตะที่แฟนๆ เรอัล มาดริด
ไปนั่งเป็นตัวสำรอง รวมถึงมีข่าวว่า เขาทะเลาะเบาะแว้งกับนักเตะหลายคนในทีม
ทั้ง เซร์คิโอ รามอส เปเป้ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้
ทำให้แม้เจ้าตัวจะพาทีมประสบความสำเร็จหลายรายการ ทั้ง แชมป์ สแปนิช
ซุปเปอร์ คัพ และ แชมป์ ลาลีกา ลีก แต่มันไม่ทำให้ความ
"แสบสันต์" และ ความ "ห่าม" ของเขาในสายตาแฟนบอลทั้งหลายลดลงไปได้เลย




จนกระทั่งฟางเส้นสุดท้ายของ มูรินโญ่ กับ สโมสร
ก็เกิดขึ้นหลังจากที่ทีมกระเด็นตกรอบ ฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
ฤดูกาล 2012/2013 เนื่องจากหลังจบเกม เจ้าตัวได้ออกมากล่าวว่า "
เขาอยากจะกลับไปอยู่ในที่ๆใครๆก็รักเขา" และช่วงจบฤดูกาล มูรินโญ่
และมาดริด ก็แยกทางกันด้วยความยินยอมพร้อมใจของทั้ง 2 ฝ่ายนั่นเอง




อย่างไรก็ตาม "ที่ๆทุกคนรัก" ในความหมายของเขาก็คือ
เชลซี ซึ่งทุกคนคิดว่าเป็นทีมที่เหมาะกับสไตล์และแผนการเล่นของ
โชเซ่ มูรินโญ่ ที่สุดแล้ว ทำให้ โรมัน อับราโมวิช ได้โทรศัพท์ไปหา
"เดอะ สเปเชี่ยล วัน" ด้วยตนเองว่า อยากจะให้กุนซือชาวโปรตุกีสผุ้นี้
กลับมาคุมทีม "สิงโตน้ำเงินคราม" อีกครั้ง ซึ่งมีหรือที่
ผู้จัดการวัย 50 ปีผู้นี้จะปฎิเสธโอกาสในการ "กลับบ้าน" อีกครั้ง




ทำให้ก่อนเปิดฤดูกาลของศึกพรีเมียร์ลีก 2013/2014
โช่เซ่ มูรินโญ่ ก็ได้เซ็นสัญญาคุมทีม เชลซี อีกครั้ง เป็นเวลา 4 ปี
และในวันที่เซ็นสัญญาเปิดตัว เขาได้บอกกับบรรดานักข่าวว่า ต่อไปนี้
ขอให้เรียกเขาว่า "เดอะ แฮ็ปปี้ วัน" แทนที่ "เดอ สเปเชี่ยล วัน"
เนื่องจากว่าตอนนี้ เขาได้กลายเป็นเพียงผู้ชายคนนึงที่กำลังมีความสุขมากนั่นเอง




ถึงแม้ว่า เขาจะเปลี่ยนเป็นชื่อไหนก็ตาม แต่ประสบการณ์ด้าน
การคุมทีมที่เรียกได้ว่า "ดุเด็ด" และ "เผ็ดมันส์" อย่างยิ่งยวดของเขานั้น
ก็น่าจะทำให้ใครหลายๆคนยอมรับว่า เขาคือหนึ่งในกุนซือที่แฟนบอลทั่วโลก
"จดจำ" ได้ แม้อาจจะไม่ได้รับการ "ยอมรับ" ก็ตาม
แต่บางทีการที่เป็นคนถูก "จดจำ" ก็คงน่าจะเพียงพอสำหรับอธิบาย
ทุกอย่างของผู้ชายที่มีชื่อว่า โชเซ่ มูรินโญ่ ได้่อย่างดีเยี่ยมเลยทีเดียว








ใครจะบอกว่าน้ามูคุมทีมที่มีเงินผมไม่แคร์
แฟนเชลซีที่ใครไม่ชอบน้ามูแต่ผมชอบ
แต่ผมรู้ว่าเขาคนนี้ตอนกลับมาคุมเชลซีอีกหน
แกกลับมีรอยยิ้มเสมอมาให้ผมเห็น



ที่มา : http://www.cheerball.com/news/main/view/4882
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ
ออนไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 05 Sep 2013
ตอบ: 15491
ที่อยู่: บ้านสองชั้น หมาสามตัว
โพสเมื่อ: Wed Jan 08, 2014 21:18
ถูกแบนแล้ว
Top Comment [RE: ความธรรมดา ที่ ไม่ธรรมดา ของผู้ชายที่ชื่อ "โชเซ่ มูรินโญ่"]


ออนไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 05 Sep 2013
ตอบ: 15491
ที่อยู่: บ้านสองชั้น หมาสามตัว
โพสเมื่อ: Wed Jan 08, 2014 21:18
ถูกแบนแล้ว
[RE: ความธรรมดา ที่ ไม่ธรรมดา ของผู้ชายที่ชื่อ "โชเซ่ มูรินโญ่"]


ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status: ไม่เกิดเปนมอย ไม่เข้าใจหรอก
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 1837
ที่อยู่: คนดีไม่มีที่อยู่
โพสเมื่อ: Wed Jan 08, 2014 21:19
[RE: ความธรรมดา ที่ ไม่ธรรมดา ของผู้ชายที่ชื่อ "โชเซ่ มูรินโญ่"]
ปีนี้นักเตะเล่นกันมีพลังดุดันมาก ออสก้าเก่งขึ้นแบบไม่น่าเชื่อ

อยู่กันยาวๆนะน้ามู
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
New superhero, He is a spider, stealing ball and the way he run and move
ออฟไลน์
นักบอล ดิวิชั่น 1
Status: คอลัมนิสต์ Devil Magazine
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 2081
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Jan 08, 2014 21:20
[RE: ความธรรมดา ที่ ไม่ธรรมดา ของผู้ชายที่ชื่อ "โชเซ่ มูรินโญ่"]
ผมรู้สึกเเปลกใจจริงๆที่เเกไม่ประสบความสำเร็จที่มาดริด

ผมคิดเอาไว้เลยนะว่าตอนเเกไปมาดริด

มาดริดจะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง
(ตอนนี้ก็ยิ่งใหญ่อะนะเเต่เหมือนยักษ์หลับ โดนบาซ่า เสือใต้กลบรัศมี)
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
แขวนสตั๊ด
Status: CFC,ACM,RMCF
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 18 Dec 2007
ตอบ: 52090
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Jan 08, 2014 21:25
[RE: ความธรรมดา ที่ ไม่ธรรมดา ของผู้ชายที่ชื่อ "โชเซ่ มูรินโญ่"]
ตอนน้ามูคุม แกดึงศักยภาพของโอ้ออกมาได้ดีมาก

ผมเห็นว่า2คนที่ทำให้โอเฉิดฉายได้ปรันเดลลี่กับน้ามู
พ่อมันชินี่ ดูเหมือนจะตามใจไปหน่อย บางครั้งทำได้ดี แต่บางครั้งก็ล้มเหลว
น้ากรี้ผมว่าแค่พอสอบผ่าน

แก้ไขล่าสุดโดย RazeJP เมื่อ Wed Jan 08, 2014 21:26, ทั้งหมด 1 ครั้ง
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
There is no good in anything until it is finished and Do not regret what you have done.
ออฟไลน์
นักบอลถ้วย ค.
Status: Keep the blue flag flying high.
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 05 Sep 2013
ตอบ: 7991
ที่อยู่: Bangkok
โพสเมื่อ: Thu Jan 09, 2014 09:34
[RE: ความธรรมดา ที่ ไม่ธรรมดา ของผู้ชายที่ชื่อ "โชเซ่ มูรินโญ่"]




รักเฮียมากเลยครับ
5
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะตำบล
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 21 Nov 2006
ตอบ: 2003
ที่อยู่: **Theatre Of Dream**
โพสเมื่อ: Thu Jan 09, 2014 10:56
[RE: ความธรรมดา ที่ ไม่ธรรมดา ของผู้ชายที่ชื่อ "โชเซ่ มูรินโญ่"]
ผมชอบแกมากๆเลย
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status: คุณรู้ดีผม Get High
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 22 Oct 2012
ตอบ: 118
ที่อยู่: รังโจร Undie'z
โพสเมื่อ: Thu Jan 09, 2014 15:10
[RE: ความธรรมดา ที่ ไม่ธรรมดา ของผู้ชายที่ชื่อ "โชเซ่ มูรินโญ่"]
คนรกบอร์ด พิมพ์ว่า:


 


อยากดูคลิปเต็มๆ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

ออฟไลน์
นักเตะเทศบาล
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 22 Oct 2012
ตอบ: 4716
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Jan 09, 2014 17:24
[RE: ความธรรมดา ที่ ไม่ธรรมดา ของผู้ชายที่ชื่อ "โชเซ่ มูรินโญ่"]
อยู่ทีมไหนก็ได้แชมป์หมด นี่สินะ ของจริง

แอบเชียร์ให้มาคุมแมนยู แต่ก็พลาดไป คงเป็นเรื่องภาพลักษณ์ของแกจิงๆ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 24 Sep 2013
ตอบ: 103
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Jan 11, 2014 15:26
[RE: ความธรรมดา ที่ ไม่ธรรมดา ของผู้ชายที่ชื่อ "โชเซ่ มูรินโญ่"]
BETICO พิมพ์ว่า:


ถึงแม้ว่า เขาจะเปลี่ยนเป็นชื่อไหนก็ตาม แต่ประสบการณ์ด้าน
การคุมทีมที่เรียกได้ว่า "ดุเด็ด" และ "เผ็ดมันส์" อย่างยิ่งยวดของเขานั้น
ก็น่าจะทำให้ใครหลายๆคนยอมรับว่า เขาคือหนึ่งในกุนซือที่แฟนบอลทั่วโลก
"จดจำ" ได้ แม้อาจจะไม่ได้รับการ "ยอมรับ" ก็ตาม
แต่บางทีการที่เป็นคนถูก "จดจำ" ก็คงน่าจะเพียงพอสำหรับอธิบาย
ทุกอย่างของผู้ชายที่มีชื่อว่า โชเซ่ มูรินโญ่ ได้่อย่างดีเยี่ยมเลยทีเดียว

 


เขียนได้สุดยอดมากครับ ที่นี่เราทุกคนรักนายมูรินโญ่
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน


Blues til i died
ออฟไลน์
นักเตะหมู่บ้าน
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 16 Sep 2013
ตอบ: 596
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Feb 07, 2014 14:33
[RE: ความธรรมดา ที่ ไม่ธรรมดา ของผู้ชายที่ชื่อ "โชเซ่ มูรินโญ่"]
อยากลองให้แกมาคุม Liverpool ดูเหมือนกันว่าจะไปได้ไกลแค่ไหน
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 07 Jan 2011
ตอบ: 419
ที่อยู่: หลังคา Theater of Dreams
โพสเมื่อ: Tue Mar 11, 2014 04:13
[RE: ความธรรมดา ที่ ไม่ธรรมดา ของผู้ชายที่ชื่อ "โชเซ่ มูรินโญ่"]
ขอบคุณครับสำหรับบทความ แต่ขอตินิดนึงตรงที่ คัพวินเนอร์ส คัพ ไม่ใช่ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีกส์เดิมนะครับ และที่ชนะโมนาโกรอบรอง 3 - 0 นั่นคือนัดชิงชนะเลิศ ไม่ใช่รอบรอง


ปล. ถึงแม้ที่มาจะมาจากที่อื่น แต่ผมแนะนำว่าควรจะแก้ดีกว่าครับ เผื่อคนมาอ่านทีหลังจะได้ไม่สับสน :
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
" แล้วเราจะกลับมา ! UNITED UNITED UNITED "
ออฟไลน์
นักเตะท้ายซอย
Status: AS Roma Ultrà Fans Club
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 23 Sep 2013
ตอบ: 1427
ที่อยู่: roma roma roma
โพสเมื่อ: Wed May 07, 2014 20:26
[RE: ความธรรมดา ที่ ไม่ธรรมดา ของผู้ชายที่ชื่อ "โชเซ่ มูรินโญ่"]
เยี่ยมครับ ....สำหรับบทความ ของท่าน
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
AS Roma Ultrà Fans Club
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel