สวัสดีครับมิตรรักแฟนประวัติศาสตร์ทั้งหลาย ผมลิงกบตะขบหมา ไม่ได้มาพบกับเพื่อนๆนักประวัติศาสตร์ทั้งหลายในSSเป็นเวลานาน เรื่องสุดท้ายที่ผมพิมพ์ลง SS ก็เมื่อคราวบอร์ดเก่า
เนื่องจากผมคิดถึงทุกท่านเลยอยากพิมพ์เรื่องเกี่ยวกับประวัติศาสตร์มาให้ทุกท่านอ่านอีกครั้ง วันนี้เป็นเรื่องของฮันนิบาล ยอดแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ในยุคโบราณ ที่มีความสามารถไม่แพ้อเล็กซานเดอร์ หรือซีซาร์ ที่อยู่ในยุคใกล้เคียงกันเลย (อเล็กซานเดอร์ยุคก่อนฮันนิบาล 100 ปี ฮันนิบาลยุคก่อนซีซาร์ 100 ปี )
*เนื่องจากพิมพ์แล้วพิมพ์เลยไม่ได้ตรวจทานอีกครั้ง ถ้าเกิดความผิดพลาดขอภัยไว้ ณ ที่นี้
ฮันนิบาล บาร์คา
ฮันนิบาลเวอร์ชั่น BBC
ยอดแม่ทัพแห่งคาร์เธจ
เกิด 274 ปี ก่อนคริสตกาล
ตาย 183 ปี ก่อนคริสตกาล
ชีวิตในวัยเยาว์
ฮานนิบาลเกิดเมื่อ 247 ปี กคศ. เป็นบุตรชายของ ฮามิลคาร์ บาร์คา (บาร์คาแปลว่าฟ้าผ่า ได้มาจากความสามารถในการรบของฮามิลคาร์)
ฮามิลคาร์มีลูกทั้งหมดหลายคน(กี่คนผมไม่ทราบ เพราะพี่/น้องสาวของฮันนิบาลมีกี่คนผมไม่ทราบ) คนโตเป็นผู้หญิงได้แต่งงานกับคนสำคัญในยุคนั้นที่ชื่อว่า ฮาสดรูบาล ส่วนลูกชายอีก 3 คน ตามลำดับคือ ฮันนิบาล , ฮาสดรูบาล (ชื่อเหมือนพี่เขย) , มาโก (มีน้องชายชื่อฮานโนอีกหรือเปล่าไม่ทราบ หนังสือบางเล่มบอกมีบางเล่มก็ไม่ได้กล่าวถึง)
พ่อของฮานนิบาลขณะนั้นเป็นเป็นแม่ทัพสูงสุดของชาวคาร์เธจ ได้รบในสงครามพิวนิคครั้งที่ 1 แต่ล้มเหลว กองทัพของคาร์เธจแพ้โรม(ที่จริงควรเรียกว่าเสมอแต่ฝ่ายคาร์เธจเสียเปรียบกว่า) ทางรัฐบาลคาร์เธจในขณะนั้นก็ได้ทำสนธิสัญญาสงบศึกกับกรุงโรม
ในวัยเด็กฮันนิบาลได้รับการศึกษาอย่างดีจากอารจารย์ชาวกรีก (สมัยนั้นกรีกเป็นวัฒนธรรมที่เจริญที่สุด) และยังได้เรียนการทหารจากบิดาด้วย เมื่ออายุ 9 ปี ฮันนิบาลขอติดตามบิดา ไปในกองทัพด้วย ในการยกทัพไปสเปน กองทัพของฮามิลคาร์ ที่มีฮันนิบาลอยู่ด้วย รบอยู่ในสเปน ถึง 9 ปี และสามารถประสบความสำเร็จอย่างสูงในการขยายอำนาจของคาร์เธจในสเปน
ขณะเมื่อฮันนิบาลอายุได้ 18 ปี บิดาของฮันนิบาลก็จมน้ำตายจากการล่อทหารเคลต์ที่ซุ่มโจมตีขณะเขาและลูกๆกำลังขี่ม้าเที่ยวเล่น(ฮามิลคาร์ล่อทหารเคลต์ไปเพื่อช่วยชีวิตลูกๆ)
ฮาสดรูบาล (พี่เขย) ได้เป็นแม่ทัพต่อ ต่อมาด้วยวัยเพียง 25 ฮันนิบาลได้เป็นแม่ทัพม้า หลังจากนั้น 1 ปี ต่อมา ฮาสดรูบาลถูกลอบสังหาร จึงทำให้ฮันนิบาลได้ขึ้นเป็นแม่ทัพใหญ่
*ฮามิลคาร์ บิดาของฮันนิบาล ในขณะที่ขยายอำนาจในสเปนได้สร้างเมืองขึ้นหลายเมืองหนึ่งในนั้นคือเมืองบาร์เซโลน่า (แปลว่าค่ายของบาร์คา)
ทำสงครามพิวนิคครั้งที่ 2
หลังได้ขึ้นเป็นแม่ทัพ ซึ่งนั่นรวมถึงการเป็นผู้ปกครองสเปน ฮันนิบาลมีแผนการที่จะบุกโรมทันที ฮันนิบาลจึงสร้างกองทัพขึ้นมาโดยใช้ทหารรับจ้างซึ่งมีอยู่ทั่วไปในยุคนั้น
โดยฮันนิบาลได้สร้างความประหลาดใจให้พวกโรมันด้วยการนำทัพข้ามเทือกเขาแอลป์ซึ่งชาวโรมันคิดไว้ว่ามันคงเป็นไปไม่ได้แน่ที่ฮันนิบาลจะนำกองทัพข้ามมาทางนั้น เนื่องจากไม่เคยมีใครนำกองทัพข้ามเทือกเขาแอลป์มาก่อน
ชาวโรมันจึงไปตั้งกองทัพรับไว้ทางอื่น ฮันนิบาลเริ่มนำทัพข้ามเทือกเขาแอลป์ในปี 218 กคศ. ซึ่งนั่นถือเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและเป็นที่จดจำมากที่สุดของฮันนิบาล
เพราะเทือกเขาแอลป์นั้นเต็มไปด้วยอันทั้งจากชนเผ่าตามแถวนั้นที่กองทัพฮันนิบาลต้องโดนการโจมตีอยู่เป็นระยะ แต่ที่ร้ายยิ่งกว่าคือสภาพอากาศที่ผันแปรและคาดเดาไม่ได้ นั่นทำให้ฮันนิบาลต้องเสียทหารไปมากพอสมควร
แต่ในที่สุดฮันนิบาลก็สามารถนำกองทัพข้ามเทือกเขาแอลป์ซึ่งดูเป็นสิ่งที่เป็นไม่ได้มาได้ด้วยระยะเวลา 2 เดือน โดยผ่านหุบเขาโพจนมาถึงเมืองตูริน
ฮันนิบาลสั่งให้ทหารมอบอาวุธให้แก่พวกชนเผ่าที่จับมาได้ในระหว่างการรบ และสั่งให้พวกเขาต่อสู้กันเอง ผู้ชนะจะได้รับอิสระส่วนผู้แพ้ต้องพบกับความตาย
ฮันนิบาลและเหล่าทหารมองพวกชนเผ่าเหล่านั้นต่อสู้อย่างกล้าหาญเพื่อชีวิตรอด ฮันนิบาลจึงอธิบายกับทหารของเขาว่า พวกเขาได้ดูการต่อสู้อันเยี่ยมยอดของผู้คนที่สิ้นหนทางและพวกเขาต่อสู้อย่างถึงที่สุด ฮันนิบาลบอกว่าพวกเขาก็เป็นเช่นพวกชนเผ่าเหล่านี้ คือถูกสถานการณ์บังคับกดดันและสามารถแสดงความเยี่ยมยอดออกมา เนื่องจากไม่มีหนทางให้ถอยกลับ
เพราะกองทัพไม่สามารถข้ามเทือกเขาแอลป์กับไปได้อีกแล้ว และเบื้องหน้าคือกองทัพโรมันซึ่งไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เมื่อชาวโรมรู้ว่าฮันนิบาลข้ามเทือกเขามาแล้ว ก็เตรียมกองทัพใหม่เพื่อจัดการกับฮันนิบาล
กองทัพโรมันนั้นใหญ่กว่ากองทัพของฮันนิบาลมาก แต่ส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านที่ไม่เคยฝึก ฮันนิบาลจึงสามารถเอาชนะกองทัพนี้ได้ด้วยความรวดเร็วที่เทรเบียด้วยการส่งทหารม้าไปซุ่มอยู่ที่ป่าด้านข้าง รอให้ฝ่ายโรมันบุกเข้ามาหาทหารราบ ทหารม้าของฮันนิบาลจึงบุกเข้ามากระหนาบ และตีกองทัพโรมันแตกอย่างรวดเร็ว
นี่คือเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ครั้งแรกของฮันนิบาลที่มีต่อโรมัน หลังจากนั้นโรมันก็พ่ายแพ้อีกครั้งที่ทะเลสาบทราซิเมเน โดยฮันนิบาลล่อกองทัพโรมันให้เข้ามาในแนวซุ่มโจมตีของเขา และสามารถทำลายกองทัพโรมันลงได้
เมื่อชาวโรมันทราบถึงความพ่ายแพ้ที่ทราซิเมเนนั้น ชาวโรมันต่างตื่นตกใจเป็นอย่างมาก และไม่มีการป้องกันใดๆอีก ฮันนิบาลและกองทัพอยู่ห่างกรุงโรมเพียงระยะทางไม่กี่ไมล์ เหล่าทหารขอให้ฮันนิบาลยึดกรุงโรมเสีย
แต่ฮันนิบาลกลับปฏิเสธ จนทำให้แม่ทัพหลายคนของฮันนิบาลถึงกับบ่นว่าฮันนิบาลรู้จักวิธีเอาชนะศึก แต่ไม่รู้วิธีเอาชนะสงคราม ฮันนิบาลไม่ยอมยึดโรมด้วยสาเหตุใดนั้นไม่มีใครทราบแน่ชัด นักประวัติศาสตร์หลายคนก็ให้เหตุผลต่างกันไป (ส่วนผมไม่ขอออกความเห็น)
ฮันนิบาลเคลื่อนทัพอ้อมโรมไปทางใต้ของอิตาลีและพบกับการรบครั้งใหญ่และประสบความสำเร็จที่สุดของเขา คือการรบที่คานส์ ทหารโรมันกว่า 8 หมื่นคน ถูกส่งมาเพื่อกำจัดฮันนิบาลให้พ้นจากอิตาลี โดยฮันนิบาลมีทหารเพียง 5 หมื่น (นักประวัติศาสตร์บางท่านบอกว่า 3 หมื่น)
ฮันนิบาลหลอกให้โรมันทำลายทหารแนวหน้าของเขา เพื่อให้ทหารโรมันเชื่อมั่นและทะลวงเข้ามาโจมตีกลางกองทัพ ซึ่งเป็นดังคาด ทหารโรมันที่มั่นใจว่าจะชนะได้แน่นอน ไม่ได้ระวังปีกที่เปิดโล่ง ฮันนิบาลจึงสั่งทหารราบให้เดินหน้าเข้าปะทะกับปีกโรมัน และสั่งทหารม้าให้ตัดหลังเพื่อปิดทางหนี ทหารโรมันจึงถูกบีบเข้าหากัน และพ่ายแพ้ในที่สุด การรบวันนั้นทหารโรมัน 5-7 หมื่นคน ถูกสังหาร โดยที่ฝ่ายฮันนิบาลเสียทหารไปเพียง 6 พันคนเท่านั้น
หลังจากนั้น ฮันนิบาลยังคงเคลื่อนทัพอยู่ในตอนใต้ของอิตาลี ทำการยึดเมือง เผาเมือง แต่ก็มีเมืองไม่กี่แห่งที่ยอมร่วมมือกับฮันนิบาล ในที่สุดทางโรมก็สามารถฟื้นฟูกลับมาได้อีกครั้ง และคราวนี้แข็งแกร่งกว่าเดิม
คอร์เนเลียส สกิปิโอ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพ เขาศึกษาการรบของฮันนิบาลเป็นอย่างดี และเคยอยู่ในกองทัพที่เคยพ่ายแพ้ฮันนิบาลในขณะที่เขายังหนุ่ม พ่อของเขาซึ่งเป็นแม่ทัพก็ถูกสังหาร
สกิปิโอ เลือกวิธีที่ชาญฉลาดที่สุดที่จะทำให้ฮันนิบาลถอนทัพออกจากอิตาลี คือแทนที่จะเข้าปะทะกับกองทัพฮันนิบาลตรงๆ สกิปิโอนำกองทัพของเขาข้ามทะเลบุกตรงไปยังกรุงคาร์เธจทันที และสกิปิโอก็ทำได้ตามแผน
สภาสูงของคาร์เธจเรียกฮันนิบาลและกองทัพกลับไปป้องกันเมือง และการรบครั้งสุดท้ายของสงครามพิวนิคครั้งที่ 2 เกิดขึ้นที่ทะเลทรายนอกเมืองคาร์เธจ ในการรบที่ซามา ปี 202 กคศ.
*ผมเคยพิมพ์การรบที่ซามาลงเว็บแล้วในบอร์ดเก่า แต่มันหายไปแล้ว ขอนำมาลงใหม่ในที่นี้
การรบที่ซามา
การรบที่ซามาเป็นการรบที่ตัดสินสงครามพิวนิคครั้งที่ 2 ระหว่างโรมันกับคาร์เธจ หลังจากที่ฮันนิบาล บาร์คา แม่ทัพของคาร์เธจข้ามเทือกเขาแอลป์และสามารถรบชนะกองทัพโรมันหลายต่อหลายครั้ง ทางฝั่งโรมันไม่สามารถขับไล่ฮันนิบาลออกไปจากอิตาลีได้ จึงเปลี่ยนแผนโดยการส่งแม่ทัพสคิพีโอ บุกตรงไปยังแอฟริกาโดยไปทางสเปนแทน หลังได้รับชัยชนะในสเปนสคิพีโอกลับโรม และได้รับเลือกเป็นกงสุล และยกทัพตรงไปที่คาร์เธจ และสามารถเอาชนะกองทัพของคาร์เธจ (ฮาสดรูบาลเป็นแม่ทัพ) ได้ทำให้สภาสูงของคาร์เธจต้องทำสัญญาสงบศึกกับโรม และเรียกตัวฮันนิบาลกลับสู่คาร์เธจ ใน 203 ปี กคศ. ต่อมาคาร์เธจได้ทำการระเมิดสัญญาสงบศึกโดยการปล้นเรือสินค้าของฝ่ายโรมัน
ทั้ง 2 ฝ่ายเตรียมกองทัพไว้พร้อม ฝ่ายคาร์เธจนำโดยฮันนิบาลเป็นแม่ทัพ มีทหาร 51,000 คน เป็นทหารราบ 45,000 และทหารม้า 4,000 รวมถึงช้างศึกอีก 80 ตัว ฝ่ายโรมันนำทัพโดยสคิพีโอ มีทหาร 40,000 คน ทหารราบ 34,000 และทหารม้า 9,000
ทั้ง 2 ฝ่ายเดินทัพมาพบกันที่ ซามา
ทั้ง 2 ฝ่ายตั้งทัพประจันหน้ากัน โดยสคิพีโอ ให้ทหารม้าชาวนูมินเดียเป็นปีกขวา ทหารม้าของโรมันเป็นปีกซ้าย ตั้งทหารเป็น 3 แนว แถวแรกเป็นกองทหารฮัสตาติ (Hastati เป็นทหารชั้นล่างของโรมัน ถือหอกยาว สวมเกราะเบาและโล่ยาวนิยมใช้เป็นแนวหน้าส่วนใหญ่มาจากครอบครัวที่ยากจนและเป็นวัยรุ่น) แถวที่สองเป็นกองทหารปรินเซปส์ (Principes เป็นทหารที่่มาจากครอบครัวที่มีฐานะสวมใส่เกราะอย่างดี นิยมใช้เป็นแนวรบที่ 2) แนวที่สาม เป็นทหารเทรียเรียส (Triarii ทหารชั้นสูงเป็นพวกที่รวยที่สุด และมีอายุขึ้นมาหน่อย ใส่เกราะดีมาก)
ฝ่ายฮันนิบาล ตั้งทหารราบเป็น 3 แนวอยู่ข้างหลังช้างศึก 80 เชือก แนวแรกเป็นทหารกองผสม กองที่สองเป็นทหารชาวคาร์เธจ และกองที่สามเป็นทหารที่ร่วมรบกับฮันนิบาลมาที่อิตาลี
สคิพีโอรู้ดีว่า ฮันนิบาลต้องใช้ช้างลุยขึ้นมาก่อน และรู้ว่าช้างจะวิ่งตรงไปข้างหน้าเท่านั้น สคิพีโอจึงคิดแผนมาเพื่อป้องกันช้างโดยเฉพาะโดยให้มีช่องว่างระหว่างแต่ละกอง เผื่อจะได้ขยายและหลบช้างที่วิ่งตรงมาได้ (ถ้าไม่สร้างช่องช้างวิ่งมาใส่จะทำให้กองทหารราบแตก และจะแพ้เหมือนหลายๆครั้งที่ผ่านมา) แผนของเขาคือให้ช้างวิ่งผ่านช่องที่จะเปิดออก แล้วค่อยยำ
ฮันนิบาลนั้นต้องการอาศัย ทหารม้าในการสร้างความแตกตากในการรบ ซึ่งทำให้เค้าชนะในการรบหลายๆครั้งที่ผ่านมา แต่สคิพีโอที่ศึกษาการรบของฮานิบาลมาอยากละเอียดรู้ในข้อนั้นดี จึงเอาทหารม้ามาเต็มที่ และมากกว่าที่ฮันนิบาลมี ฮันนิบาลหวังให้ช้างรุกให้กองทหารราบของฝั่งโรมันระส่ำ และใช้ทหารราบรุกซ้ำเพื่อปิดบัญชี ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายเรียกได้ว่า ประจันหน้ากันแล้ว !!!
ฮันนิบาลเริ่มรุกก่อน โดยส่งช้างศึก และทหารราบ รุกเข้าไปที่กองทัพโรมัน แต่สคิพีโอเตรียมการไว้แล้ว โดยสั่งให้ทหารม้า เป่าแตรเสียงดังเพื่อทำให้ช้างตกใจ และก็ได้ผลช้างศึกหลายตัวตกใจและวิ่งหนีเข้าไปปีกซ้ายของฝ่ายคาร์เธจเสียเอง ทำให้เกิดความปั่นป่วนขึ้น
สคิพีโอไม่รอช้า อาศัยจังหวะนี้ส่งกองทหารม้านูมินเดียเข้ากระหน่ำตีปีกซ้ายของ คาร์เธจทันที ส่วนช้างที่ไม่ได้หนี ก็งงอยู่ในช่องของกองทัพสคิพีโอและโดยเชือดไปทีละตัว ทางปีกซ้ายทหารม้าโรมัน ก็บุกเข้าใส่ปีกขวาทหารม้าคาร์เธจเช่นกัน โดยทหารม้าของคาร์เธจนั้น ฮันนิบาลได้สั่งให้ล่อทหารม้าของฝ่ายโรมันออกไปจากการรบ (เนื่องจากฮันนิบาลรู้ว่าฝ่ายโรมันมีทหารม้ามากกว่า และไม่ต้องการให้มาโจมตีทางด้านข้างของทหารราบ)
สคิพีโอสั่งเคลื่อนทหารราบทั้งหมดเข้ารบ ฮันนิบาลส่ง ทหารสอง แนวแรกเข้ารบ ส่วนแนวที่สามให้เป็นกองหนุน การรบดำเนินไปอย่างดุเดือด กองทหารแนวแรกของโรมันสามารถไล่แนวแรกของฝ่ายคาร์เธจให้ถอยร่นไปได้ ฮันนิบาลให้ทหารแถวแรกที่ถอยมาเสริมเป็นปีกของแถวที่สอง และสั่งแถวที่สอง โจมตี การรบดำเนินไปอย่างดุเดือดกองทหารฮัสตาติ ของฝ่ายโรมันเป็นฝ่ายแพ้ต้องถอยไปบ้าง สคิพีโอจึงสั่งให้ทหารแถวที่สองเข้าช่วยเหลือ และสามารถ เอาชนะทหารแถวที่สองของฮันนิบาลได้
ทหารแถวที่สองที่ถอยมาถูกจัดไปเป็นปีกในแถวที่สาม และตอนนี้ทหารราบทั้งสองฝ่าย แลกกันอย่างดุเดือดประดุจดั่งเอล คลาซิโก้ที่สเปน หรือวันแดงเดือดที่อังกฤษ แผนของฮันนิบาลดูเหมือนกำลังไปได้สวย เพราะไม่มีวี่แววของทหารม้าฝ่ายโรมันมาก่อกวนการรบเลย โดยทหารม้านั้นคาร์เธจเมื่อพาทหารม้าโรมันออกทะเลไปได้ไกลพอสมควร พวกเขาหันกลับมาต่อสู้ แต่ก็แพ้และแตกทัพไป ระหว่างนั้นทหารราบทั้งสองฝ่าย หยุดการรบเพื่อรวบรวมและจัดกองกันใหม่ สคิพีโอถ่วงเวลาให้นานที่สุดเพื่อรอทหารม้ามา จากนั้นสคิพีโอสั่งบุก การรบดำเนินไปอย่างดุเดือด แต่แล้วทั้งฝั่งโรมันก็ได้ชัยเมื่อทหารม้ากลับมาในการรบและเข้าโจมตีกองทัพคาร์เธจจากด้านหลัง ทำให้ทหารคาร์เธจแตกทัพ ทหารคาร์เธจหลายพันคนรวมทั้งฮันนิบาลหนีไปได้ ทหารคาร์เธจ 20,000 คนตายในที่รบ 20,000 ทุกจับเป็นเชลย ฝ่ายโรมันเสียทหารไปแค่ 2,500 คน
อยากได้แบบเห็นภาพดูวีดีโอเอาด้วยก็ได้ครับ
หลังฮันนิบาลพ่ายแพ้ สกิปิโอก็แสดงความมีน้ำใจโดยการไว้ชีวิตเขา และทหารคาร์เธจทั้งหมด และทำสัญญาสงบศึกกับคาร์เธจ โดยคาร์เธจต้องส่งบรรณาการให้โรมทุกปี และฮันนิบาลยังได้รับเลือกให้เป็นผู้ปกครองคาร์เธจไปอีก 7 ปี
บั้นปลายชีวิต
ทางโรมยังคงมีผู้ที่เครียดแค้นฮันนิบาลและคอยกดดันสภาสูงอยู่เรื่อยๆ ในที่สุดพวกเขาก็กล่าวหาฮันนิบาลว่าจะคิดกบฎต่อโรม ฮันนิบาลจึงหนีไปเป็นที่ปรึกษาทางการทหารหลายที่ในตะวันออกกลาง และยังคงแสดงอัจฉริยะภาพทางการทหารให้เห็นอีกหลาย เช่น การทำเครื่องยิงงู แต่ทางโรมันก็ส่งกองทัพมาไล่ตามฮันนิบาลอยู่เรื่อยไป ในที่สุดฮันนิบาลในวัย 64 ปี ก็จนมุมและเลือกที่จะปลิดชีวิตตัวเอง ในปี 183 กคศ.
แม้ว่าสุดท้ายฮันนิบาลจะพ่ายแพ้ในสงครามพิวนิคครั้งที่ 2 แต่เขาได้เคลื่อนทัพผ่านเทือกเขาแอลป์และตรึงฝ่ายโรมันอยู่ถึง 15 ปี ในบ้านของโรมันเอง ในยุคต่อๆมาไม่มีใครสนใจว่าฮันนิบาลจะพ่ายแพ้ แต่ทุกคนยังคงยกย่องในความสามารถของเขาจนถึงปัจจุบัน.
ขอบคุณทุกท่านที่อ่านจนจบ ไว้พบกันใหม่ในเรื่องหน้า.