ดาวซัลโวยุโรป
Status: 6395
: 0 ใบ
: 0 ใบ
เข้าร่วม: 27 Oct 2009
ตอบ: 7262
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Oct 14, 2013 13:32
เหตุการณ์ 14 ตุลา วันมหาวิปโยค
ไม่รู้ใครเป็นเหมือนผมบ้างนะ จากมู้ http://www.soccersuck.com/boards/topic/917713 คือโตมาจนป่านนี้แล้ว ยังไม่รู้เลยว่าช่วงประวัติศาสตร์ดังกล่าวมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ โดยมีความรู้แค่ผิวๆ ว่า อ๋อๆ 14 ตุลาฯ มีคนเยอะแยะไปชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยกัน อ๋อๆ 14 ตุลาฯ มีนักศึกษาถูกฆ่า อ๋อๆ ลิฟต์แดง ผีหลอนน่ากลัวว่ะ แล้วไงต่อ แล้วต้นสายปลายเหตุมันคืออะไร?กันแน่ ก็เพิ่งมากระจ่างวันนี้แหละ
สาเหตุ
3 ทรราช ถนอม-ประภาส-ณรงค์
จอมพลถนอม กิตติขจร ทำการรัฐประหารตัวเองในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2514 โดยนักศึกษาและประชาชนมองว่าเป็นการสืบทอดอำนาจตนเองจากจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ซึ่งในขณะนั้นจอมพลถนอมควรเกษียณอายุเนื่องจากอายุครบ 60 ปี แต่กลับต่ออายุราชการตนเองในตำแหน่้งผู้บัญชาการทหารสูงสุดออกไป อีกทั้งพลเอกประภาส จารุเสถียร บุคคลสำคัญในรัฐบาล ก็จะได้รับยศจอมพล และตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก ประกอบกับข่าวคราวเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่นในวงราชการต่าง ๆ สร้างความไม่พอใจในหมู่ประชาชนอย่างมาก และมีการแต่งตั้ง พันเอก ณรงค์ กิตติขจร ซึ่งเป็นลูกชายของจอมพลถนอมและเป็นลูกเขยของจอมพลประภาส เข้ารับตำแหน่งสำคัญในรัฐบาล เสมือนกาปูทางเพื่อสืบทอดอำนาจ
5 ตุลาฯ
ธีรยุทธ บุญมี อดีตเลขาธิการศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย เปิดแถลงข่าวเรียกร้องรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีผู้ลงนามเรียกร้องรัฐธรรมนูญ 100 คน โดยเรียกร้องให้รัฐบาล 1)ประกาศใช้รัฐธรรมนูญโดยเร็ว 2)จัดหลักสูตรสอนอบรมรัฐธรรมนูญสำหรับประชาชน 3)กระตุ้นประชาชนให้สำนึกและหวงแหนในสิทธิเสรีภาพ
6 ตุลาฯ
กลุ่มเรียกร้องรัฐธรรมนูญประมาณ 20 คน เดินแจกใบปลิวและหนังสือจากบริเวณสนามหลวงไปถึงประตูน้ำ เวลาประมาณ 14.00 น. ก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมไปทั้งหมด 11 คน ซึ่งมีทั้งอาจารย์ นิสิตนักศึกษา นักหนังสือพิมพ์ และนักการเมือง ด้วยข้อหา มั่วสุมชักชวนให้มีการชุมนุมทางการเมือง ทางตำรวจปฏิเสธการเยี่ยม และห้ามประกันตัว
7 ตุลาฯ
หลังจากตรวจค้นบ้านผู้ต้องหา ได้จับตัวนายก้องเกียรติ คงคา นักศึกษารามคำแหง และนายไขแสง สุกใส อดีต ส.ส.นครพนม รวมเป็น 13 คน (ซึ่งถูกเรียกว่า 13 ขบถรัฐธรรมนูญ)ต่อมา เวลา 13.00 น. ศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทยออกแถลงการณ์ประณามรัฐบาล กรณีปราบปรามประชาชนที่เรียกร้องสิทธิเสรีภาพ ขณะเดียวกันองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หรือ อมธ. ก็มีการเคลื่อนไหวเรียกประชุมด่วน มีมติให้ศึกษาสถานการณ์และติดโปสเตอร์ชี้แจงข้อเท็จจริง
8 ตุลาฯ
วันแรกของการสอบประจำภาคของ มธ. มีโปสเตอร์โจมตีรัฐบาลปิดทั่วมหาลัย จอมพลประภาส จารุเสถียร (รองนายกรัฐมนตรี, มท. 1 และรักษาการอธิบดีกรมตำรวจ) กล่าวหากลุ่มเรียกร้อง รธน. ว่า มีแผนล้มรัฐบาล และพบเอกสารคอมมิวนิสต์ทั้งภาษาไทย จีน และอังกฤษ เป็นจำนวนมาก
ช่วงค่ำ อมธ. ประชุมลับ และมีมติเลื่อนการสอบไล่โดยไม่มีกำหนด มีการเอาโซ่ล่ามประตู เอาปูนปลาสเตอร์อุดรูกุญแจห้องสอบ ตัดสายไฟฟ้าเพื่อให้ลิฟท์ใช้การไม่ได้
9 ตุลาฯ
ปรากฏธงดำครึ่งเสาเหนือยอดโดม มธ. พร้อมประกาศ "งดสอบ" นักศึกษาที่ไม่ได้เข้าสอบ ต่างเข้าร่วมฟังการอภิปราย ณ ลานโพธิ์ ซึ่งนำโดย [b]เสกสรร ประเสริฐกุล และเสาวนีย์ ลิมมานนท์[/b] ก่อนมีมติให้ปล่อยตัวผู้ต้องหาทั้ง 13 คน ขณะเดียวกัน อาจารย์ธรรมศาสตร์ 205 คน ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีปล่อยบุคคลเหล่านี้ เพื่อป้องกันมิให้ สถานการณ์ ลุกลามและรุนแรงยิ่งขึ้น
จอมพลถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรี ประกาศใช้มาตรา 17 กับผู้ต้องหา ซึ่งกุมอำนาจเบ็ดเสร็จตัดสินคดีโดยต้องไม่ผ่านกระบวนการยุติธรรมแต่อย่างใด
10 ตุลาฯ
นักศึกษากลับมาชุมนุมที่ลานโพธิ์ พร้อมคำแถลงของคณาจารย์มหาวิทยาลัยรามคำแหง จุฬาลงกรณ์ฯ และธรรมศาสตร์ องค์นิสิต ม.เกษตรศาสตร์ ประกาศประท้วงจนกว่าจะประสบความสำเร็จ ในขณะเดียวกันศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาฯ ก็ก้าวเข้ามา รับช่วงงานชุมนุมจาก อมธ. พร้อมทั้งออกแถลงการณ์วิงวอน ให้ประชาชนร่วมต่อสู้
ในวันนี้ ลานโพธิ์ได้กลายเป็นศูนย์กลางของการชุมนุมอย่างเป็นทางการ นับแต่เที่ยงวัน นักศึกษาจากหลายสถาบันประกาศงดสอบ งดเรียน และเข้าร่วมชุมนุมจำนวนมาก
จอมพลถนอม กิตติขจรให้สัมภาษณ์ว่า พบหลักฐานฝักใฝ่ลัทธิคอมมิวนิสต์ และตั้งข้อหาคอมมิวนิสต์กับผู้ต้องหาทั้ง 13 เพิ่มอีกกระทงหนึ่ง
11 ตุลาฯ
มีการนิมนต์พระราว 200 รูป ทำบุญตักบาตรที่สนามฟุตบอล และอภิปรายโจมตีรัฐบาลต่อ นิสิตเกษตรศาสตร์เช่ารถ 70 คัน ประมาณ 4 พัน นักศึกษาวิทยาลัยครูจันทรเกษมตามมาสมทบอีก 33 คัน นักเรียนช่างกล นักศึกษารามคำแหง นักศึกษาวิทยาลัยครูต่าง ๆ มาถึงในเวลาต่อมา จนทำให้มีผู้เข้าร่วมชุมนุมประมาณ 5 หมื่นคน
จอมพลประภาส จารุเสถียร เปิดโอกาสให้นายสมบัติ ธำรงธัญญวงศ์ เลขาธิการศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทยและคณะเข้าพบ แต่ตกลงกันไม่ได้ ตกกลางคืน ก็มีการประชุมรัฐมนตรีตั้งศูนย์ปราบปรามจลาจลขึ้นที่สวนรื่นฤดี มีจอมพลประภาส จารุเสถียร เป็นผู้อำนวยการ
12 ตุลาฯ
มีผู้ชุมนุมทยอยเข้ามาเรื่อยๆ ท้ังจากในกทมและต่างจังหวัด 12.00 น. ศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทยออกแถลงการณ์ยื่นคำขาดให้รัฐบาลปลดปล่อยบุคคลเหล่านั้นภายใน 24 ชั่วโมง
พลตรีประกอบ จารุมณี อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ เรียกผู้แทนหนังสือพิมพ์เข้ากำชับเกี่ยวกับรายงายข่าว ปรามมิให้ใช้คำว่าหวั่นจะนองเลือด ไม่ให้ใช้คำว่าคนมาชุมนุมเป็นแสน ต่อมา มีผู้เสนอประกันตัว แต่ผู้ต้องหาทั้ง 13 ไม่ยอมรับการประกัน เนื่องจากไม่รู้จักผู้ค้ำประกันแต่อย่างใด ศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาฯ แถลงให้รัฐบาลปล่อยตัวโดยไม่มีเงื่อนไข คืนนั้นมีผู้ร่วมประท้วงเกินกว่า 2 แสนคน
อาจารย์ธรรมศาสตร์นำตัวแทนนักศึกษาเข้าเฝ้ารายงานสถานการณ์ ณ พระตำหนักจิตรลดา
13 ตุลาฯ
12.00 น. หลังจากรัฐบาลไม่ตอบรับข้อเสนอ เสกสรร ประเสริฐกุล ผู้นำนักศึกษาที่ได้รับการแต่งตั้งเฉพาะกิจเป็นหัวหน้าการเดินขบวน ประกาศว่า "พี่น้องชาวไทยที่รักทั้งหลาย เราได้ให้โอกาส รัฐบาลมานานแล้ว 5 วัน 5 คืน ที่เราได้นั่งอดตาหลับขับตานอน ตากแดดตากน้ำค้าง เพื่อเรียกร้องสิทธิของเรา ได้รับการเพิกเฉย ความไม่แยแสจากรัฐบาล 24 ชึ่วโมงที่เรายื่นคำขาดใกล้จะมาถึงแล้ว ท่านพร้อมแล้วใช่ไหม ที่จะใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดกับสองตระกูลกินเมืองเหล่านั้น"
ต่อมาขบวนเริ่มเคลื่อนจากประตูท่าพระอาทิตย์มุ่งสู่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ประมาณกันว่าวันนั้นมีนักเรียน นิสิตนักศึกษา และประชาชนเข้าร่วมเดินขบวนถึงกว่า 5 แสนคน และมีการถ่ายทอด ออกอากาศทางช่อง 4 และช่อง 7
ตัวแทนของศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาฯ เข้าเจรจาขั้นสุดท้ายกับจอมพลประภาส จารุเสถียร จนได้รับคำตอบว่าจะปล่อยผู้ต้องหาทั้ง 13 คน และจะร่างรัฐธรรมนูญให้เสร็จภายใน 1 ปี หลังจากนั้นจึงได้เข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ต่อมา เสกสรร ประเสริฐกุล พาขบวนนักศึกษาจากมุ่งสู่ลานพระบรมรูปทรงม้า ขณะเดียวกันตัวแทนศูนย์นักศึกษาฯ กลับเข้าพบจอมพลประภาส จารุเสถียร อีกครั้งเพื่อทำหนังสือสัญญาตกลงเป็นลายลักษณ์อักษร
20.00 น. วิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยประกาศว่า รัฐบาลยอมรับข้อเสนอ ยอมปล่อยผู้ต้องหา และจะประกาศใช้รัฐธรรมนูญใหม่ในปีถัดไป ตัวแทนของนิสิตนักศึกษาและผู้แทนพระองค์พยายามหาทางสลายตัวของฝูงชนที่ยังคงรวมตัวอยู่เรือนแสน
ทว่า มีการปล่อยข่าวลือร้ายๆ มากมาย ท่ามกลางความสับสนของการสื่อสาร เช่น มีการแถลงว่าปรากฏกลุ่มคนที่มีใช่นักศึกษา ถือโอกาสยุยงส่งเสริมให้เกิดความวุ่นวายต่อไป และการเสียชีวิตของตัวแทนศูนย์นิสิตนักศึกษาฯ
23.30 น. เสกสรรค์ ประเสริฐกุล ตัดสินใจเคลื่อนขบวนจากลานพระบรมรูปทรงม้าไปยังสวนจิตรลดา เพื่อหวังเอาพระบารมีเป็นที่พึ่ง
14 ตุลาฯ
- ช่วงตี 5 ระหว่างนักศึกษากำลังแยกย้าย หลัง พ.ต.อ.วสิษฐ์ เดชกุญชร ผู้แทนพระองค์ ได้อ่านพระบรมราโชวาท ขอให้ฝูงชนสลายตัวตามพระราชประสงค์ ก็เกิดเหตุรุนแรงขึ้น ฝูงชนที่จะกลับทางถนนราชวิถีถูกสกัดกั้นด้วยตำรวจคอมมานโดที่มีอาวุธครบมือ ทั้งไม้พลอง โล่ หวาย และปืนยิงแก๊สน้ำตา ภายใต้การบัญชาการของ พล.ต.ท.มนต์ชัย พันธุ์คงชื่น และพล.ต.ต.ณรงค์ มหานนท์ ทำให้เกิดการขว้างปาสิ่งของใส่กลุ่มตำรวจ
หลังจากนั้นให้หลังไม่ถึงสิบนาที รถตำรวจปราบจลาจลสองคันก็พุ่งเข้าใส่กลุ่มฝูงชน โดยมีตำรวจคอมมานโดทั้งนครบาลและกองปราบเข้าไปใช้กระบองหวดเข้าฝูงชน ไม่ว่าเด็กหรือผู้หญิง เปิดฉากการนองเลือด มวลชนปีนหนีเข้าสวนสัตว์ อีกส่วนหนึ่งก็กรูกันเข้าวังสวนจิตรฯ ซึ่งมหาดเล็กเป็นคนเปิดให้เข้าไปหลบภัย
การปะทะใช้เวลาประมาณ 15 นาที
ต่อมา รัฐบาลใช้กำลังทหารและตำรวจปราบปรามผู้ชุมนุมอย่างรุนแรง ในขณะที่ประชาชนตอบโต้ด้วยการก่อความวุ่นวายบุกเข้ายึดและทำลายสถานที่บางแห่งที่เป็นสัญลักษณ์ของอำนาจเผด็จการคณาธิปไตย
นับตั้งแต่ 10.00 น. รัฐบาลได้ออกแถลงการณ์เป็นระยะ ๆ ปรักปรำว่ามีกลุ่มนักเรียนบุกรุกเข้าไปสวนจิตรลดา และก่อวินาศกรรม ในขณะเดียวกันก็เกิดข่าวลือแพร่สะพัดว่า มีนักศึกษาหญิงถูกตำรวจตีจนตาย เด็กผู้ชายถูกเตะตกคูน้ำจนตาย สร้างความโกรธแค้นให้กับผู้ร่วมชุมนุมเป็นอย่างยิ่ง
หลังจากนั้นสถานการณ์รุนแรงหนักขึ้น รัฐบาลส่งทหารและตำรวจออกปราบ มีทั้งรถถังและเฮลิคอปเตอร์ จุดปะทะและนองเลือดมีตลอดสายถนนราชดำเนิน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ บางลำพู เป็นเวลาถึง 10 ชั่วโมง พร้อม ๆ กับมีคำสั่งห้ามประชาชนออกนอกบ้านระหว่าง 22.00 05.30 น. ประกาศปิดโรงเรียน และสถาบันการศึกษาในกรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ และกำหนดให้บริเวณมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และศิลปากรเป็นเขตอันตราย เตรียมพร้อมที่จะทำการกวาดล้างใหญ่
14.00 น. กองสลากกินถูกไฟเผา นักศึกษาและประชาชนต่อสู้อย่างทรหด ใช้รถเมล์วิ่งชนรถถัง ผู้บาดเจ็บถูกหามเข้าส่งโรงพยาบาลศิริราชตลอดเวลา
18.00 น. จอมพลถนอม กิตติขจร ประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
19.15 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสทางวิทยุและโทรทัศน์ และทรงแต่งตั้งศาสตราจารย์ สัญญา ธรรมศักดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี
23.00 น. สมเด็จย่าฯ มีพระราชดำรัสแสดงความห่วงใย
23.30 น. ศาสตราจารย์ สัญญา ธรรมศักดิ์ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ปราศัยทางโทรทัศน์ขอให้ทุกฝ่ายคืนสู่ความสงบ และประกาศจะใช้รัฐะรรมนูญภายใน 6 เดือน
24.00 น. จอมพล ถนอม กิตติขจร ในตำแหน่งของผู้บัญชาการทหารสูงสุด ยังคงออกแถลงการณ์ว่ามีผู้พยายามล้มล้างการปกครองแบบประชาธิปไตย จึงขอให้เจ้าหน้าที่ ปฏิบัติหน้าที่จนสุดความสามารถ โดยการปราบปรามนักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชนก็ยังคงดำเนินไปตลอดคืนนั้น
เสกสรร ประเสริฐกุล และเสาวณีย์ ลิมมานนท์ ตั้งศูนย์ปวงชนชาวไทย ขึ้นชั่วคราวเพื่อประสานงาน และคลี่คลายสถานการณ์
15 ตุลาฯ
ตลอดคืนที่ผ่านมา นักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชนยังคงยืนหยัดชุมนุมกันหนาแน่น ณ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย คำประกาศเตือนและคำขู่ของรัฐบาลหาเป็นผลไม่ กลับมีคนออกจากบ้านมาร่วมชุมนุมไม่ขาดระยะ
แม้ถูกขับออกจากตำแหน่งนายกฯ แต่จอมพลถนอมยังดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดอยู่ และยังคงสั่งการปราบปราม นักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชน มีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมากตามการปราบปรามอย่างรุนแรงและไร้มนุษยธรรมที่ใช้ทั้งรถถัง เฮลิคอปเตอร์ และอาวุธสงครามหนัก กระทั่งพลเอก กฤษณ์ สีวะรา ผู้บัญชาการทหารบก แสดงออกว่าไม่เห็นด้วยกับวิธีการรุนแรงนี้ ตามด้วยฝ่ายทหารอากาศและทหารเรือ กลายเป็นแรงผลักดันให้จอมพล ถนอม กิตติขจร ต้องลาออกจากตำแหน่ง และในที่สุดคณาธิปไตยทั้งสาม ถนอม-ประภาส-ณรงค์ ก็ต้องเดินทางออกนอกประเทศไทย เหตุการณ์ทั้งหมดจึงสงบลงเมื่อมีการประกาศว่าบุคคลทั้ง 3 ได้เดินทางออกนอกประเทศไปแล้วเมื่อเวลา 18.40 น.
รวมเหตุการณ์ 14-15 ตุลาคม มีผู้เสียชวิต 77 คน บาดเจ็บ 857 คน
ขอขอบคุณ ที่มา
หนังสือบันทึกภาพเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ และ ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙
http://www.tlcthai.com/education/history-of-thailand/4529.html
แก้ไขล่าสุดโดย siamargentine เมื่อ Mon Oct 14, 2013 13:37, ทั้งหมด 2 ครั้ง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ