ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
ดาวซัลโวฟุตบอลโลก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 22 Oct 2012
ตอบ: 5448
ที่อยู่: ง่ายกินง่าย
โพสเมื่อ: Wed Sep 11, 2013 20:45
[Soccerศาสตร์] มือสำรองผู้ดี
นี่หรือบทความ มือสำรองผู้ดี

เนื่องในคืนวันพุธที่ 11 กันยายนนี้ จะมีเกมเทสติโมเนียลแมตช์เพื่อเป็นเกียรติแก่ สตีเฟ่น อลัน ฮาร์เปอร์ นายทวารชาวอังกฤษของฮัลล์ ซิตี้ ที่ได้รับใช้มิตรรักแฟนบอลทูนอาร์มี่ สาลิกาดง นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด นานถึง 20 ปี โดยไม่เคยปริปากบ่นที่ต้องทนนั่งสำรองมาทั้งชีวิต ความจงรักภักดีที่เขามอบให้สโมสรหมายเลขหนึ่งแดนอีสานเป็นสิ่งที่ประทับใจแฟนบอลเป็นอย่างมาก และรู้สึกเสียดายอย่างยิ่งที่สโมสรไม่ได้ยื่นสัญญาใหม่แก่เขาอีก โดยเกมดังกล่าวจะเป็นการรวมสุดยอดนักฟุตบอลรุ่นเก่าของทั้งสองทีม ฝ่ายนิวคาสเซิ่ล นำโดย อลัน เชียเรอร์, โรเบิร์ต ลี, ปีเตอร์ เบียร์ดสลี่ย์, เลส เฟอร์ดินานด์ ฯลฯ ขณะที่ฝ่ายเอซี มิลาน นำโดย เปาโล มัลดินี่, ซโวนิเมียร์ โบบัน, มาร์ค ฟาน บอมเมล, คริสเตียน วิเอรี่, อังเดร เชฟเชนโก้, เปาโล ดิคานิโอ ฯลฯ
อ้างอิงจาก http://www.soccersuck.com/boards/topic/891102



ที่อารัมภบทมานี้ แสดงให้เห็นถึงความอดทนและมืออาชีพของฮาร์เปอร์ ในฐานะบุคคลต้นแบบที่นักเตะรุ่นใหม่หลายคนควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง แต่สำหรับตำแหน่งผู้รักษาประตู ถือเป็นตำแหน่งที่มีจำกัด แต่ละเกมจะมีคนเล่นเพียงหนึ่งคนเท่านั้น อีกคนก็ต้องนั่งเป็นสำรองไปเรื่อยๆ จนกว่ามือหนึ่งจะบาดเจ็บหรือโดนลงโทษห้ามเล่น เมื่อตรวจโปรไฟล์ผู้รักษาประตูในพรีเมียร์ลีก พบว่า ในฤดูกาล 2013-2014 มีเพียงสามทีมเท่านั้นที่ชาวอังกฤษเป็นมือหนึ่งคือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (โจ ฮาร์ท), นอริช ซิตี้ (จอห์น รัดดี้) และ เวสต์ บรอมวิช อัลเบี้ยน (เบน ฟอสเตอร์) ซึ่งทั้งสามคนล้วนผ่านการติดทีมชาติมาแล้วทั้งสิ้น



"Soccerศาสตร์ ความรู้คู่ฟุตบอล" จึงขอนำท่านไปทำความรู้จักกับผู้รักษาประตูมือสำรองชาวอังกฤษในพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2013-2014 อีกหลายคน ที่ร้อยวันพันปีแทบจะไม่เคยปรากฏให้เห็นในสนามเท่าไหร่ หากไม่มีเหตุจำเป็นจริงๆ หลายคนหากยอมย้ายไปอยู่ทีมในลีกต่ำกว่า ตำแหน่งมือหนึ่งคงหนีไม่พ้นพวกเขาเหล่านี้แน่

แจ็ค บัตแลนด์ (สโต๊ค ซิตี้)



เด็กปั้นจากสโมสรเบอร์มิงแฮม ซิตี้ ที่ลงสนามครบ (46) ทุกนัดในลีกเดอะแชมเปียนชิพ ฤดูกาลที่ผ่านมา จนสโต๊ค ตัดสินใจคว้าตัวมาในราคาราว 3.3 ล้านปอนด์ เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา และให้เบอร์มิงแฮมยืมไปใช้ต่ออีกจนสิ้นสุดฤดูกาลปกติ เขาติดทีมชาติตั้งแต่ชุด 16, 17, 19, 20, 21 จนได้รับเลือกเป็น 1 ใน 18 ขุนพลทีมชาติสหราชอาณาจักรในโอลิมปิกเกมส์ 2012 ที่ผ่านมา ซึ่งเขาลงเฝ้าเสาทั้ง 5 นัด

หลังจากนั้นไม่นานนัก รอย ฮอดจ์สัน ก็มอบโอกาสสำคัญให้บัตแลนด์ วัย 19 ปี 158 วัน ลงเฝ้าเสาทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ในเกมกระชับมิตรกับอิตาลี เขากลายเป็นนายทวารอังกฤษอายุน้อยที่สุดในรอบร้อยกว่าปีเลยทีเดียว แม้เขาจะได้ลงเพียงครึ่งแรก แต่ก็ทำผลงานได้น่าพอใจ แม้จะเสียหนึ่งลูกก็ตาม โดยเกมนั้นอังกฤษชนะไป 2-1

ปัจจุบันเขาเป็นมือสำรองของอัสเมียร์ เบโกวิช นายทวารทีมชาติบอสเนียฯ และยังรอโอกาสลงสนามต่อไป เนื่องจากเกมลีกคัพในรอบสอง โทมัส โซเรนเซ่น อดีตทีมชาติเดนมาร์ก ลงเฝ้าเสาในเกมนั้น

โจ ลูอิซ (คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้)



ผลิตโดยนอริช ซิตี้ และทนอยู่มา 13 ปี ใกล้เคียงที่สุดคือมีชื่อบนม้านั่งสำรองเมื่อปลายปี 2004 หลังจากนั้น นอริชส่งเขาให้สต็อกพอร์ท เคาน์ตี้ กับมอร์แคมป์ ยืมใช้งานระยะสั้นๆ ต่อมามกราคม 2008 เขาตัดสินใจย้ายมาร่วมงานกับปีเตอร์โบโร่ ที่ตอนนั้นอยู่ในลีกทู ฝีมือของเขาช่วยต้นสังกัดเลื่อนชั้นสามปีซ้อน แต่ทว่าทีมก็หล่นสู่ลีกวันในปี 2010 หลังจบบ๊วยของตาราง เขาลงสนามทั้ง 46 นัด และพาทีมเลื่อนชั้นกลับมา แต่แล้ว ทีมก็เซ็นพอล โจนส์ มาจากเอ็กเซเตอร์ โจจึงถูกลดบทบาทลง และก็โดนปล่อยออกมา คาร์ดิฟฟ์มือไวเซ็นเขามาร่วมทีมเพราะได้เจอเพื่อนร่วมทีมเก่าอย่างมัลกี้ แมคคาย (กุนซือ) กับเดวิด มาร์แชล (มือหนึ่งของทีม)

เขาลงสนามให้คาร์ดิฟฟ์ไปแล้วสามนัด คือลีกคัพ 2012 รอบแรกกับนอร์ทแทมตัน เอฟเอคัพ 2013 รอบสามกับแมคเคิลสฟิลด์ และลีกคัพรอบสองกับแอคริงตัน สแตนลี่ย์ ซึ่งเอาชนะได้ 2-0 และเป็นนัดแรกของเขาในฤดูกาลนี้นับตั้งแต่ทีมเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีก สำหรับทีมชาติ เขาติดมาแล้วตั้งแต่ 15, 16, 17, 19 และ 21 ปี และอยู่ในชุดรองแชมป์ยูโร U 21 ปี 2009 ที่สวีเดน

ริชาร์ด ไรท์ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)



อดีตนายทวารยุครุ่งโรจน์ของอิปสวิช ทาวน์ ซึ่งเขาเติบโตและพักพิงมาตลอด 7 ปี เขาลงสนามทีมชุดใหญ่ ตั้งแต่ปี 1995 ในวัยเพียง 17 ปี แม้ทีมจะหล่นจากพรีเมียร์ลีกหลังจากนั้นไม่นาน แต่บทบาทของเขาก็เริ่มฉายแววมือหนึ่งเรื่อยๆ ระหว่างปี 1997-2000 เขาลงสนามในลีก (46 เกม) ทุกนัด และพาทีมเอาชนะบาร์นสลี่ย์ในรอบเพลย์ออฟ เลื่อนชั้นมาเล่นพรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ และที่เซอร์ไพรส์เว่อร์ก็คือ เขาช่วยทีมจบอันดับที่ 5 ฤดูกาล 2000-2001 จนได้เข้าไปเล่นยูฟ่าคัพฤดูกาลถัดมา แต่...เขาย้ายไปอยู่กับอาร์เซนอล เพื่อหวังจะให้สืบทอดตำแหน่งมือหนึ่งของเดวิด ซีแมนในอนาคต แต่อนิจจา เขาไม่สามารถโชว์ฟอร์มได้ดีเท่าทีมเก่าซึ่งตกชั้นอย่างอนาถในฤดูกาลถัดมาเพราะไม่สามารถรับมือกับการตรากตรำลงเล่นหลายรายการได้

เขาย้ายไปอยู่เอฟเวอร์ตัน และได้รับการเป็นมือหนึ่งของทีม แต่ด้วยอาการบาดเจ็บรบกวน โดยเฉพาะตรงหัวไหล่ ทำให้สูญเสียตำแหน่งให้ไนเจล มาร์ติน ต่อเนื่องไปถึงทิม ฮาร์เวิร์ด ปี 2007 เขาย้ายไปเฝ้าเสาให้เวสต์แฮม แต่ได้ลงในเกมลีกคัพ 3 นัด ก่อนจะไปเล่นแบบยืมตัวกับเซาธ์แทมตันในครึ่งหลัง 2007-2008 เขาหวนคืนสู่เหย้าพอร์ทแมน โรด ในกลางปี 2008 แม้เขาลงเล่นในลีกทั้ง 46 นัด จนได้รับผู้เล่นแห่งปีทั้งจากเพื่อนร่วมทีมและแฟนบอลในฤดูกาล 2008-2009 แต่ก็โดนอาการบาดเจ็บตามมารังควาน จนถูกปล่อยตัวในปี 2010

จากนั้นก็กลายเป็นนักเตะพเนจร ทั้งเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด, อิปสวิช ทาวน์ (รอบสาม) และเซ็นกับเปรสตัน แต่เพียงสัปดาห์เดียวก็ทนคิดถึงบ้านไม่ไหว จึงยกเลิกสัญญา แต่ทว่า สิ้นเดือนสิงหาคม 2012 เขาเซ็นสัญญา 1 ปีกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพื่อมาเป็นมือสามของทีมจนถึงปัจจุบัน (หลังขยายสัญญาไปอีกหนึ่งปี)

เขาเคยติดทีมชาติอยู่ 2 นัด ในเกมกระชับมิตรทั้งสองเกม คือมอลตา ปี 2000 กับเนเธอร์แลนด์ปี 2001 รวมทั้งเป็นมือสามทีมชาติอังกฤษในยูโร 2000 รอบสุดท้ายด้วย

แซม จอห์นสโตน (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)



หนุ่มจากเปรสตันผู้เติบโตจากอคาเดมี่ของแมนยู เขาเล่นชุดเยาวชนตั้งแต่ 2009 และเทิร์นโปรสู่อาชีพในปี 2011 แต่ส่วนใหญ่ไปเล่นกับทีมอื่นแบบยืมตัว ได้แก่ โอลด์แฮม (เจ็บช่วงปรีซีซั่น ถอนตัวออก) สคันทอร์ป ลงสนามไป 13 เกม วอลซอลล์ 7 เกม และเยโอวิล ทวาน์ ซึ่งลงได้เกมเดียวก็เจ็บ(อีกแล้ว) ปัจจุบันเป็นมือสี่ของทีมรองจากดาบิด เดเกอา, อันเดรียส ลินเดการ์ดและเบน อามอส ตามลำดับ

ในทีมชาติเยาวชน เขาเป็นตัวหลักทั้งชุด 17 และ 19 ปี และเป็นมือหนึ่งทีมชาติอังกฤษในชุดฟุตบอลโลก U 20 รอบสุดท้ายที่ตุรกี เมื่อกลางปี 2013 ที่ผ่านมา

เจด สเตียร์ (แอสตัน วิลล่า)



นายทวารสายเลือดนอริช เขามาอยู่อคาเดมี่ทีมบ้านเกิดตั้งแต่ปี 2003 จนกระทั่งได้รับสัญญาอาชีพปี 2010 เขาเป็นแกนหลักให้ทีมในเอฟเอยูธคัพ 2010-2011 ซึ่งนอริชเข้าถึงรอบสี่ ระหว่างนั้น เขาไปเล่นแบบยืมตัวระยะสั้นกับเยโอวิล ทาวน์ (3 เดือน) และแคมบริดจ์ ยูไนเต็ด (1 เดือน) ต่อมามกราคม 2012 เขาประเดิมตัวจริงนัดแรกในเอฟเอคัพ พบกับเวสต์ บรอมวิช ซึ่งพวกเขาเอาชนะไป 2-1 อีกหนึ่งคือเอฟเอคัพรอบห้า (16 ทีม) ที่พ่ายเลสเตอร์ ซิตี้ คารัง 1-4

ปัจจุบัน เขาย้ายไปอยู่แอสตัน วิลล่า ซึ่งพอล แลมเบิร์ต เจ้านายเก่าเป็นกุนซือที่นั่น ด้วยค่าตัวไม่เปิดเผย แถมยังเบียดเชย์ กิฟเว่น ขึ้นมาเป็นมือสองของแบรด กูซาน นายทวารอเมริกัน เขาประเดิมสนามในเกมลีกคัพรอบสองที่ชนะรอตเทอร์แรม 3-0
ทีมชาติ เขาติดชุด 16, 17 และ 19 ปี ระหว่างปี 2007-2011

มาร์ค บันน์ (นอริช ซิตี้)
4
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ
ออฟไลน์
แขวนสตั๊ด
Status: CFC,ACM,RMCF
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 18 Dec 2007
ตอบ: 52402
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Sep 11, 2013 20:49
[RE: [Soccerศาสตร์] มือสำรองผู้ดี]
ไม่น่าจะได้เรื่องซักคน บัตแลนด์ดูดี แต่อยู่บนม้านั่งสำรองยาวก็ไม่ไหว
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
There is no good in anything until it is finished and Do not regret what you have done.
ออฟไลน์
นักเตะท้ายซอย
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 1531
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Sep 11, 2013 20:49
[RE: [Soccerศาสตร์] มือสำรองผู้ดี]
Fraser Forster คนนี้อีกคนน่าจะได้มาเป็นมือสองของทัพสามสิงโต นะ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ผู้เยี่ยมชม
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 09 Oct 2010
ตอบ: 8616
ที่อยู่: Estadio Benito Villamarin
โพสเมื่อ: Wed Sep 11, 2013 20:50
ถูกแบนแล้ว
[RE: [Soccerศาสตร์] มือสำรองผู้ดี]
VanDerPor พิมพ์ว่า:
Fraser Forster คนนี้อีกคนน่าจะได้มาเป็นมือสองของทัพสามสิงโต นะ  


แมทต์เจอบาซ่าผมย้อนดูฟูลแมทต์

บอกตรงเหนียวชิบหาย
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวซัลโวฟุตบอลโลก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 22 Oct 2012
ตอบ: 5448
ที่อยู่: ง่ายกินง่าย
โพสเมื่อ: Wed Sep 11, 2013 20:53
[RE: [Soccerศาสตร์] มือสำรองผู้ดี]
มาร์ค บันน์ (นอริช ซิตี้)



เริ่มต้นชีวิตนักเตะกับสเปอร์ ในปี 1998 ก่อนจะย้ายมาอยู่กับนอร์ทแทมตันในปี 2000 ช่วงปี 2004 ก็ไปหาประสบการณ์กับเคทเทอริ่ง ทาวน์ ทีมนอกลีก เขารอคอยโอกาสอยู่ 5 ปี จึงได้ประเดิมชุดใหญ่ในเกมลีกคัพรอบแรกกับคิวพีอาร์ (ชนะ 3-0) จากนั้นเขาเป็นตัวหลักมาโดยตลอด และเคยได้รางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปี 2007 ด้วย จากนั้นปี 2008 เขาย้ายไปร่วมทีมแบล็กเบิร์น โรเวอร์ส ในพรีเมียร์ลีก ปีแรกเขาประเดิมสนามในเกมเอฟเอคัพรอบสามกับบลายธ์ สปาร์ตัน ทีมนอกลีก (ชนะ 1-0) และไปเล่นในสัญญายืมตัวกับเลสเตอร์ แต่ลงเพียงสามนัด แบล็กเบิร์นก็เรียกกลับเพราะมือหนึ่งเจ็บ แต่ก็ไม่ได้ลงอีกเลย

ตลอดฤดูกาล 2009-2010 จึงไปเล่นยืมตัวกับเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด และได้ลงสนามมากขึ้น จนทำให้แบล็กเบิร์นต้นสังกัด ปรับเลขเสื้อจาก 38 เป็น 13 และขึ้นมาเป็นมือสองของพอล โรบินสัน ตลอดสองปี (2010-2012) เขาลงสนามในทุกรายการรวมกันสิบกว่านัด ส่วนมากปรากฏในบอลถ้วย ไฮไลต์สำคัญคือการเซฟแทบเป็นแทบตายจนสามารถแบ่งแต้มจากแอนฟิลด์ของลิเวอร์พูลได้สำเร็จ ต่อเนื่องไปถึงชัยชนะในโอลด์ แทรฟฟอร์ดของแมนยู 3-2 ในวันสิ้นปี 2011 อย่างไรก็ดี แบล็กเบิร์นตกชั้นจากพรีเมียร์ลีกในอีกห้าเดือนต่อมา

เขาจึงย้ายไปยังนอริช ซิตี้ เพื่อมาเป็นคู่แข่งแย่งมือหนึ่งของจอห์น รัดดี้ เขาปรากฏตัวในบอลถ้วยเช่นเคย จนกระทั่งรัดดี้บาดเจ็บยาวในเกมเดือนพฤศจิกายน เขากลายเป็นมือหนึ่งมาตลอด แต่ก็เคยพลาดโดนใบแดงในเกมลีกช่วงเดือนมีนาคมกับซันเดอร์แลนด์ (เสมอ 1-1) สำหรับซีซั่นนี้ เพิ่งได้ลงเล่นเกมลีกคัพรอบสองที่ถล่มบิวรี่ราบ 6-3

เขาไม่เคยติดทีมชาติชุดเยาวชนเลยสักครั้ง แต่เขามีเชื้อสายไอริช จึงมีโอกาสที่จะติดทีมชาติไอร์แลนด์ของบรรพบุรุษในอนาคต เพราะตอนนี้ยัง 28 ปี แต่การเป็นมือสองก็ยากหน่อยที่กุนซือจะหันมาสนใจ
ความรู้คู่ฟุตบอล มือสำรองชาวผู้ดี (ตอนจบ) หลังจากเมื่อวานได้รู้จักกับ 6 คนแรกไปแล้ว วันนี้ก็มีอีก 6 คน ที่จะแนะนำกัน

เบน อามอส (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)



ชาวแมคเคิลสฟิลด์ เริ่มเล่นฟุตบอลกับอคาเดมี่ของครูว์ อเล็กซานดร้า ควบคู่กับทีมท้องถิ่นโบลิงตัน ยูไนเต็ด ในฐานะมิดฟิลด์ตัวกลาง ในเกมหนึ่งทีมของเขาแข่งกับทีมจ่าฝูง ผู้รักษาประตูเกิดได้รับบาดเจ็บระหว่างเกม ทำให้อามอสซึ่งสูงที่สุดในทีมต้องรับหน้าที่เป็นโกล เขาทำผลงานได้เยี่ยมยอด แถมทำประตูได้ด้วย ช่วยให้ทีมของเขาแซงชนะ 3-2 จากนัดนั้นเอง แมนยูเลยเชิญมาทดสอบฝีเท้า จนได้มาร่วมทีมเมื่ออายุ 11 ปี เขาลงเล่นในทีมเยาวชนทุกระดับ ตั้งแต่ชุด U 13 ยัน U 18 ไปจนถึงทีมสำรอง เขาลงสนามชุดใหญ่นัดแรกในเกมลีกคัพรอบสามกับมิดเดิลสโบรซ์ (ชนะ 3-1) ในปี 2008 และติดทีมชุดชิงแชมป์สโมสรโลกในปีเดียวกันด้วย ปีต่อมาถูกส่งไปเล่นกับปีเตอร์โบโร่ แต่เล่นได้นัดเดียว ปี 2010 เขาถูกส่งไปไกลยังโมลด์ในลีกนอร์เวย์

ฤดูกาล 2010-2011 เขากลายเป็นมือสามรองจากเอ็ดวิน ฟาน เดอซาร์และโทมัส คุสแซ็ค เขาลงสนามในเกมลีกคัพรอบสี่กับวูฟส์แฮมป์ตัน (ชนะ 3-2) และแชมเปี้ยนลีกนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มกับบาเลนเซีย (เสมอ 1-1) ปี 2011 เขาถูกส่งไปอยู่กับโอลด์แฮม อยู่ได้สองเดือนแมนยูก็เรียกกลับมาเป็นมือสามตามเดิม ฤดูกาล 2011-2012 คราวนี้ได้ลงเยอะหน่อย เกมลีกคัพสามนัด กับลีดส์, อัลเดอร์ชอตและคริสตัล พาเลซ และเกมพรีเมียร์ลีกนัดแรกในชีวิตกับสโต๊ค ซิตี้ (ชนะ 2-0) ในเดือนมกราคม 2012 แต่ก็ยังเป็นมือสามรองจากดาบิด เดเกอาและอันเดียส ลินเดการ์ด ตามลำดับ ฤดูกาลต่อมา เขาถูกส่งไปอยู่กับฮัลล์ ซิตี้ และอยู่ที่นั่น 5 เดือน กลับมาก็ได้รับสัญญาใหม่อีกสามปีจนกระทั่งปี 2015
ทีมชาติ เขาติดตั้งแต่ U 16 ไปจนถึง U 21

ลุค แดเนียลส์ (เวสต์ บรอมวิช อัลเบี้ยน)



ชาวโบลตัน เริ่มต้นจากอคาเดมี่ของแมนยู ซึ่งอยู่ละแวกบ้านเกิด เมื่อปี 1997 แต่มาร่วมงานกับเวสต์ บรอมวิช ตั้งแต่ปี 2004 ในวัย 16 ปี สามปีผ่านไป เขาปรากฏเป็นตัวสำรองในเกมเพลย์ออฟแชมเปียนชิพรอบชิงชนะเลิศ (แพ้ดาร์บี้ 0-1) ก่อนถูกส่งไปเก็บเลเวลกับมอเธอร์เวลในลีกสกอตแลนด์ ช่วงต้นปี 2008 จากนั้นฤดูกาล 2008-2009 เขาเล่นกับชรูวส์บิวรี่ ทาวน์ จนพาทีมเขารอบชิงลีกทูเพลย์ออฟ แม้เขาจะเซฟแทบตายจน BBC ยกให้เป็นแมนออฟเดอะแมตช์ แต่ทีมแพ้จิลลิ่งแฮม 0-1 พลาดเลื่อนชั้นไปอย่างน่าเสียดาย ฤดูกาลต่อมาไปร่วมทีมทรานเมียร์ส โรเวอร์ส ตามด้วยสัญญายืมตัวระยะสั้นกับชาร์ลตัน, รอชเดลและบริสตอล โรเวอร์ส จากนั้นฤดูกาล 2011-2012 เขาถูกส่งไปเล่นให้เซาธ์เอนด์ ยูไนเต็ด

เขาอยู่เวสต์บรอมวิชมา 9 ปี ในที่สุดก็ได้ลงเล่นชุดใหญ่นัดแรกสักที โดยลงมาแทนเบน ฟอสเตอร์ มือหนึ่งซึ่งได้รับบาดเจ็บในระหว่างเกมลีกที่บุกไปเสมอเอฟเวอร์ตัน 0-0 ในนัดที่สองของฤดูกาลนี้ อีกนัดนั่งสำรองของโบอาซ มายฮิลล์ในเกมแพ้สวอนซี 0-2 ส่วนลีกคัพรอบสอง เขาลงเป็นตัวจริงในเกมชนะนิวพอร์ต เคาน์ตี้ น้องใหม่ลีกทู 3-0 สำหรับทีมชาติ เขาเคยติดชุด U 19 ระหว่างปี 2006-2007

เคลวิน เดวิส (เซาธ์แทมตัน)



นายทวารรุ่นเก๋า ผลผลิตจากอคาเดมี่ของลูตัน ทาวน์ ซึ่งเขารับใช้อยู่แปดปี ระหว่างนั้นก็แว่บไปเล่นให้ทอร์คีย์กับฮาร์ทเทิลพูล ปี 1999 เขาย้ายอยู่วิมเบิลดันแต่มีบทบาทจริงๆตอนที่ทีมเล่นในดิวิชั่นหนึ่ง ต่อมา 2003 เขาย้ายค่ายไปอยู่อิปสวิช ทาวน์ และเป็นตัวหลักเช่นเคย ปี 2005 เขาย้ายมาอยู่ซันเดอร์แลนด์ แต่นั่นคือจุดที่เลวร้ายในชีวิต เมื่อผลงานของทีมย่ำแย่มากจนเก็บแต้มได้เพียง 15 คะแนน น้อยที่สุดของพรีเมียร์ลีกในเวลานั้น เขาย้ายไปอยู่เซาธ์แทมตันในฤดูกาลต่อมาทันที ซึ่งที่นี่แหละช่วยชุบชีวิตเขาให้กลับมาสดใสอีกครั้ง

เขากลายเป็นมือหนึ่งของทีม ซึ่งอยู่ในสภาพย่ำแย่ หลังจากตกชั้นจากพรีเมียร์ลีก และผลงานโดยรวมยังไม่กระเตื้องขึ้น เขาบอกปัดข้อเสนอของเวสต์แฮมทีมพรีเมียร์ลีก และตั้งหน้าตั้งตาเล่นต่อไป แม้ตอนนี้ทีมจะเล่นในลีกวัน ซึ่งใช้เวลาสองปี คว้าแชมป์ลีกโทรฟี่ 2010 ตามด้วยรองแชมป์ลีกวัน 2010-2011 กลับสู่เดอะแชมเปียนชิพ เพียงหนึ่งปี เขาก็พาทีมได้รองแชมป์ และขึ้นชั้นกลับมาเล่นพรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ รวมแล้วสองปีที่ผ่านมา เขาลงเล่นเกมลีกเต็ม 100% และติด PFA ทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของลีก สามปีซ้อน (2009-2012)

แต่เมื่อเขากลายเป็นมือหนึ่งของทีมพรีเมียร์ลีก ในวัย 34 ปี ผลงานดีเด่นที่ผ่านมาพลันมลายหมดสิ้น เมื่อสี่เกมแรกเขาเสียไปถึง 14 ประตู โดยที่ไม่ได้แม้แต่คะแนนเดียว (อันนี้เคยเขียนใน EPL: Number Stories เมื่อไม่นานมานี้) จนถูกดรอปมือหนึ่งตั้งแต่บัดนั้น หลังทีมเซ็นสัญญาอาเธอร์ โบรุค ที่กำลังว่างงานเข้าสู่ทีม ในเดือนกันยายนของฤดูกาล 2012-2013 ปัจจุบันเขาเป็นมือสองอยู่ข้างสนาม และได้ลงเล่นในเกมลีกคัพรอบสองที่บุกไปถล่มบาร์นสลี่ย์ถึงถิ่น 5-1
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวซัลโวฟุตบอลโลก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 22 Oct 2012
ตอบ: 5448
ที่อยู่: ง่ายกินง่าย
โพสเมื่อ: Wed Sep 11, 2013 20:56
[RE: [Soccerศาสตร์] มือสำรองผู้ดี]
เดวิด สต็อกเดล (ฟูแล่ม)



เกิดที่เมืองลีดส์ เริ่มต้นจากอคาเดมี่ของฮัดเดอร์ฟิลด์ ทาวน์ ก่อนจะย้ายไปยอร์ก ซิตี้ในปี 2000 เขาประเดิมสนามในเกมนัดสุดท้ายของลีกดิวิชั่นสามในฐานะตัวสำรองของไมเคิล อินแกม จากนั้นก็ได้โอกาสบ่อยขึ้น หลังจากทีมหล่นไปอยู่คอนเฟอเรนซ์ลีก ระหว่างนี้ก็ไปเก็บเลเวลกับเวคฟิลด์-เอ็มเลย์ กับ เวิร์คชอป ทาวน์ ต่อมาปี 2006 เขาย้ายมาอยู่ดาร์ลิงตันในลีกทู แรกๆเป็นมือสอง แต่พอฤดูกาล 2007-2008 แอนดี้ โอล์ค โกลตัวจริงโดนไล่ออก สต็อกเดลก็ได้รับโอกาส และเป็นที่ประทับใจของเดฟ เพนเนย์ กลายเป็นมือหนึ่งต่อเนื่อง จนไปเตะตาแมวมองทีมจากพรีเมียร์ลีก สุดท้ายฟูแล่มได้ตัวเขามาเป็นกรรมสิทธิ์

ฤดูกาล 2008-2009 เขาไปเก็บเลเวลกับรอตเทอร์แรม ยูไนเต็ด ตามด้วยเลสเตอร์ ซิตี้ ที่ได้เลื่อนชั้นสู่เดอะแชมเปียนชิพเมื่อจบฤดูกาล เขาประเดิมชุดใหญ่ฟูแล่มในปี 2009 ในเกมลีกที่เอาชนะเอฟเวอร์ตัน และยังได้เล่นในลีกคัพ กับยูโรป้าลีกด้วย ครึ่งปีหลัง เขาไปร่วมทีมพลีมัธ แต่ก็ไม่สามารถช่วยทีมให้รอดพ้นจากการตกชั้นเดอะแชมเปียนชิพได้ ฤดูกาลต่อมา เขาได้ลงสนามบ่อยขึ้น เนื่องจากมาร์ค ชวาร์สเซอร์ มือหนึ่งได้รับบาดเจ็บ รวมทั้งช่วงมกราคมต้องออกไปเล่นเอเชี่ยนคัพที่กาตาร์ในนามออสเตรเลีย ปี 2011

เขาเซ็นสัญญาฉบับใหม่อีกสี่ปี และย้ายไปอยู่อิปสวิช ทาวน์ จนถึงเดือนธันวาคม ก็ถูกเรียกกลับ ปี 2012 เขาถูกยืมตัวไปฮัลล์ ซิตี้ในสองช่วงเวลาตลอดฤดูกาล 2012-2013 ปัจจุบันเขาลงสนามเกมลีกไปแล้วสองนัด เนื่องจากมาร์เทน สเตเคเลนเบิร์ก มือหนึ่ง (คนใหม่) ของทีมได้รับบาดเจ็บในนัดเปิดฤดูกาล และลีกคัพรอบสอง ส่วนทีมชาติ เขาเคยถูกเรียกไปเป็นมือสำรองในยุคของฟาบิโอ คาเปลโล แต่ก็ยังไม่มีโอกาสได้ลงสนาม

โรเบิร์ต เอลเลียต (นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด)



เริ่มต้นเส้นทางนักฟุตบอลกับอีริธ ทาวน์ ทีมนอกลีก จนได้เข้ามาอยู่กับชาร์ลตันในเวลาต่อมา ช่วงแรกถูกส่งไปฝึกปรือกับบิชอป สตอร์ทฟอร์ด กับน็อตส์ เคาน์ตี้ จากนั้นฤดูกาล 2005-2006 เขาไปร่วมทีมแอคริงตัน สแตนลี่ย์ในคอนเฟอเรนซ์ลีก และประสบความสำเร็จพาทีมเลื่อนชั้นสู่ฟุตบอลลีกได้สำเร็จ ทว่าปีต่อมาเขาลงสนามได้น้อยมากกับทีมเดียวกันนี้ อย่างไรก็ตาม เขาคือนายทวารที่ดีที่สุดในรอบทศวรรษของทีมโดย จอห์น โคลแมน เขากลายเป็นมือหนึ่งของชาร์ลตัน สืบต่อจากนิกกี้ วีเวอร์ ในฤดูกาล 2008-2009 และทำผลงานได้ประทับใจ จนได้รับการขยายสัญญาไปถึง 2012

ปี 2011 เขาย้ายไปนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ซึ่งจะได้ร่วมงานกับอลัน พาร์ดิว กุนซือที่เป็นอดีตเจ้านายของเขา เพื่อมาเป็นกองหนุนของทิม ครูล และสืบทอดตำแหน่งของสตีฟ ฮาร์เปอร์ที่อายุมากขึ้น เกมแรกที่ลงสนามคือลีกคัพรอบสามกับนอตติ้งแฮม ฟอเรสต์ (ชนะต่อเวลา 4-3) ฤดูกาลต่อมา เขาได้ลงเล่นบ่อยขึ้น เนื่องจากทีมได้เข้าไปเล่นยูโรป้าลีก จากการจบอันดับที่ห้าในลีก แต่ทว่าผลงานของทีมกลับสวนทางจากปีที่แล้วอย่างสิ้นเชิง แม้นิวคาสเซิ่ลจะไปถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ

การขาดทิม ครูล ในเดือนกุมภาพันธ์ 2013 ทำให้เอลเลียตต้องรับหน้าที่มือหนึ่งในช่วงที่เหลือทั้งหมด เขาประเดิมสนามเกมลีก โดยการชนะเซาธ์แทมตัน 4-2 โดยหนึ่งในนั้นคือการเปิดลูกฟรีคิกจากแดนตัวเอง ถึงปาปิส เดมบา ซิสเซ่ วอลเล่ย์ทำประตูอย่างสวยงาม แต่ในนัดรองสุดท้ายกับคิวพีอาร์ เขาถูกใบแดงไล่ออกจากสนาม ทำให้สตีฟ ฮาร์เปอร์ ได้ปิดฉาก 20 ปีกับการรับใช้สาลิกาดงอย่างยิ่งใหญ่ต่อหน้าแฟนบอลชาวจอร์ดี้ แม้ว่านัดสุดท้ายทีมจะพ่ายอาร์เซนอลคาบ้าน 0-1 ก็ตาม

ปัจจุบัน เขาลงสนามในเกมลีกคัพรอบสองที่เอาบุกไปชนะมอร์แคมป์ 2-0 เขาเคยติดทีมชาติไอร์แลนด์ชุด 19 ปี และ(อาจจะ)มีโอกาสได้ติดธงไอร์แลนด์มากกว่าอังกฤษในทีมชุดใหญ่

คาร์โล แนช (นอริช ซิตี้)



นายทวารที่กำลังจะอายุครบ 40 ปี ในวันที่ 13 กันยายน เขาแก่กว่าสตีฟ ฮาร์เปอร์สองปี เขาเกิดที่โบลตัน เริ่มต้นชีวิตนักฟุตบอลกับมอสแบงค์ จากนั้นก็มาเข้าอคาเดมี่ของแมนยู แต่ตอนนั้นเขาเน้นไปที่การเรียนมากกว่า จนอายุได้ 20 ปี เขาเริ่มต้นอาชีพกับทีมนอกลีก รอสเซนดาล ยูไนเต็ดกับคลิเทโร ซึ่งได้เข้าชิง FA Vase ที่เวมบลีย์แต่แพ้คู่แข่ง จากนั้นเข้าเริ่มต้นชีวิตพเนจร ตั้งแต่คริสตัล พาเลซ (1996-1998) ซึ่งช่วยทีมคว้าแชมป์เพลย์ออฟดิวิชั่นหนึ่งในฤดูกาลแรก แต่ไม่มีโอกาสได้เล่นพรีเมียร์ลีกและอื่นๆเลยแม้แต่นัดเดียว สต็อกพอร์ท เคาน์ตี้ (1998-2001) วูฟส์แฮมตัน (ยืมตัว) แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (2001-2003) ซึ่งคว้าแชมป์ดิวิชั่นหนึ่งฤดูกาล 2001-2002 ตามด้วยมิดเดิลสโบรซ์ (2003-2005)

จากนั้น เขายอมลดชั้นมาเล่นกับเปรสตันในเดือนมีนาคมปี 2005 และกลายเป็นมือหนึ่งมาตลอด ฤดูกาล 2005-2006 เป็นช่วงพีคที่สุดของเขา เมื่อเขาลงสนามทุกรายการ 53 เกม โดยเฉพาะเกมลีกที่เสียประตูน้อยที่สุด คือ 30 มากกว่าเรดดิ้งแชมป์ถึงสองลูก แต่เขาดันไปวิจารณ์ความทะเยอทยานของสโมสร จนสโมสรและแฟนบอลไม่พอใจ กลายเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในชีวิต แม้เขาจะยังได้เป็นมือหนึ่งต่อ แต่ความกระสันอยากย้ายออก ทำให้เขาถูกลดชั้นกลายเป็นมือสี่ของทีม และถูกส่งไปอยู่กับวีแกน ซึ่งกำลังขาดประตูมือหนึ่งและสองพอดี แต่ก็แทบไม่ได้ลงสนามตลอดสองปี เดือนมีนาคมปี 2008 สโต๊คเซ็นเขาเพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนนายทวาร เขาทำผลงานได้ดีเยี่ยมตลอด 10 นัด โดยเก็บคลีนชีตได้ถึงสี่นัด ช่วยให้สโต๊คได้เลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีกในท้ายที่สุด

ปี 2008 เขาย้ายไปอยู่เอฟเวอร์ตัน ที่เขาเชียร์ในวัยเด็ก เพื่อมาเป็นมือสองของทิม ฮาร์เวิร์ด แต่เขากลับได้ลงเล่นเพียงนัดเดียว ในเกมยูโรป้าลีกนัดสุดท้ายรอบแบ่งกลุ่ม ที่แพ้บาเต้ บอริซอฟ จากเบลารุส 0-1 แต่ทีมก็ยังได้เข้าผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์อยู่ดี อย่างไรก็ดี เขาก็ได้เหรียญรองแชมป์เอฟเอคัพในปี 2009 ที่แพ้เชลซี 1-2เมื่อหมดสัญญา เอฟเวอร์ตันปล่อยตัวออกมา ฤดูกาล 2010-2011 เขาหวนกลับไปเซ็นกับสโต๊ค เพื่อมาเป็นมือสามของอัสเมียร์ เบโกวิช กับโทมัส โซเรนเซ่น แต่เขาก็ได้ลงเล่นเพียงนัดเดียว ในเกมลีกคัพรอบสองที่เอาชนะชูรวส์บิวรี่ ทาวน์ 2-1 ส่วนมากมีชื่อบนม้านั่งสำรอง ไม่เบโกวิชก็โซเรนเซ่นคนใดคนหนึ่งในสนาม อย่างไรก็ดี เขาก็ได้เหรียญรองแชมป์เอฟเอคัพที่ในฐานะตัวสำรองของโซเรนเซ่นในเกมแพ้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 0-1

เมื่อหมดสัญญา สโต๊คก็ปล่อยเช่นเคย ฤดูกาลนี้แนชจึงเข้ามาร่วมทีมนอริช ซิตี้ โดยเป็นมือสามของจอห์น รัดดี้กับมาร์ค บันน์ แทนมือสามคนเก่าคือเจด สเตียร์ ที่ย้ายไปอยู่กับแอสตัน วิลล่าในฤดูกาลนี้เช่นกัน

ว่างๆเขาชอบท่องเที่ยว รักการถ่ายภาพและเปิดบริษัทหนังสือท่องเที่ยวในชื่อ Luxury Backpackers เรื่องสำคัญที่สุดในชีวิตคือเขามีศรัทธาอย่างแรงกล้าต่อศาสนาคริสต์ ซึ่งช่วยให้เขารับมือกับความผิดหวังที่ไม่ได้เป็นมือหนึ่งมากกว่าครึ่งค่อนชีวิตการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ


ภาพประกอบจาก
http://www.manchestereveningnews.co.uk/business/business-news/keeper-ventures-into-travel-941403

พวกเขาเหล่านี้เมื่อเลือกเส้นทางนั้นแล้ว ก็ต้องยอมรับสิ่งต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ โดยเฉพาะนายทวารที่ยังอายุน้อยๆ หากอดทนรอโอกาสนั้นได้ก็เป็นสิ่งที่ดี แต่การยอมย้ายออกไปเพื่อได้เล่นมากขึ้น แม้จะเป็นทีมเกรดรองหรือลีกต่ำกว่า อีกทั้งโอกาสถูกเรียกติดทีมชาติแสนยากเข็ญก็ตาม แต่พวกเขาทั้ง 12 คนก็ภูมิใจกับการทำงานในสิ่งที่ตนเองรักและมีความสุขจริงๆ หวังว่าหนึ่งในจำนวนนี้ อาจจะถูกเรียกติดทีมชาติในอนาคตก็ได้ แม้เพียงนัดกระชับมิตรนัดเดียวก็คุ้มแล้ว
สวัสดี
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอลไทยพรีเมียร์ลีก
Status: MIA SAN MIA
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 30 Apr 2010
ตอบ: 9580
ที่อยู่: ---
โพสเมื่อ: Wed Sep 11, 2013 21:06
[RE: [Soccerศาสตร์] มือสำรองผู้ดี]
ทั้งลีคมีนายทวารอังกฤษไม่ถึง 20 คน

มองง่ายๆ ประตูทีมละ 3 คน มี 20 ทีม เท่ากับ 60 คน

น่าสงสารหรืออะไรดี ตำแหน่งนี้สำหรับอังกฤษน่าจะมีมากกว่านี้ เพราะไม่ต้องอาศัยทักษะอะไรมากมาย
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะท้ายซอย
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 1531
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Sep 11, 2013 21:17
[RE: [Soccerศาสตร์] มือสำรองผู้ดี]
ก็ยัง ดีกว่า อิตาลี่ตอนนี้ะประตูดาวรุ่ง เงียบๆไปเลยอะ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status: Never never walk alone....
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 27 Oct 2010
ตอบ: 133
ที่อยู่: SumitomoRubber
โพสเมื่อ: Wed Sep 11, 2013 21:25
[RE: [Soccerศาสตร์] มือสำรองผู้ดี]
บัตแลน เงียบไปเลยอ่ะ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะท้ายซอย
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 1531
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Sep 11, 2013 21:33
[RE: [Soccerศาสตร์] มือสำรองผู้ดี]
Radmachine พิมพ์ว่า:
บัตแลน เงียบไปเลยอ่ะ  


มือสองรอง เบโกวิชอะ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะเทศบาล
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 26 Jan 2008
ตอบ: 6702
ที่อยู่: Petrovsky stadium
โพสเมื่อ: Wed Sep 11, 2013 21:43
[RE: [Soccerศาสตร์] มือสำรองผู้ดี]
อิตาลี กับเยอรมัน โกลเด็ดๆเพียบ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน


ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 286
ที่อยู่: CNX
โพสเมื่อ: Wed Sep 11, 2013 22:59
[RE: [Soccerศาสตร์] มือสำรองผู้ดี]
hotmail1172 พิมพ์ว่า:
VanDerPor พิมพ์ว่า:
Fraser Forster คนนี้อีกคนน่าจะได้มาเป็นมือสองของทัพสามสิงโต นะ  


แมทต์เจอบาซ่าผมย้อนดูฟูลแมทต์

บอกตรงเหนียวชิบหาย
 


ตัวสูงใหญ่ ด้วย
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
RetnuH นักล่าผู้น่ารัก
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel