- ซาบี อลอนโซ่ วัย 44 ปี อดีตมิดฟิลด์มันสมองระดับตำนานของเรอัล มาดริด วันนี้กลับสู่ซานติอาโก้ เบร์นาเบวในฐานะเฮดโค้ชเต็มตัว พร้อมแบกคำนิยาม “อัจฉริยะทางแท็กติก” ติดตัวมาจากเยอรมนี ด้วยสไตล์การคุมทีมที่ละเอียด อิงโครงสร้าง และเน้นเกมเพรสซิ่ง–ครองบอลอย่างเป็นระบบ เขาพามาดริดลงเล่นไปแล้ว 25 นัด ชนะ 18 เสมอ 4 แพ้ 3 ตัวเลขบนกระดาษดูสวย แต่แรงสั่นสะเทือนรอบสโมสรบอกเราว่า เรื่องมันไม่ได้ง่ายแบบนั้นเลย

- จุดกำเนิด “เครื่องจักรสร้างสรรค์” ของอลอนโซ่เริ่มชัดที่สุดที่ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น เขารับทีมตอนอยู่โซนหนีตกชั้น แต่ใช้เวลาไม่กี่ซีซันพาทีมขึ้นไปคว้าดับเบิลแชมป์แบบไร้พ่ายทั้งบุนเดสลีกาและเดเอฟเบ โพคาล สร้างบอลสไตล์ 3-4-3 / 3-4-2-1 ที่เล่นเป็นบล็อกเดียวกันทั้งสนาม มีกรานิต ชาก้าเป็นแม่ทัพคุมจังหวะจากแดนกลาง และให้ฟลอเรียน เวิร์ตซ์–อเล็กซ์ กริมัลโด้ ทำหน้าที่เป็น “เฟืองสร้างสรรค์” จากครึ่งช่องกับด้านกว้าง จนสื่อเยอรมันมองว่าเขาคือหนึ่งในโค้ชยุคใหม่ที่ใกล้เคียงวิธีคิดของเป๊ป กวาร์ดิโอล่ามากที่สุดคนหนึ่ง

- ความสำเร็จนั้นทำให้เรอัล มาดริดตัดสินใจดึง “คุณชายซาบี” กลับบ้านในซัมเมอร์ 2025 แทนที่คาร์โล อันเชล็อตติ บอร์ดบริหารมองว่าเขาคือคนที่จะยกเครื่องทีมให้เล่นฟุตบอลสมัยใหม่เต็มรูปแบบ ทั้งในเชิงแท็กติกและภาพลักษณ์ สโมสรประกาศสัญญา 3 ปี พร้อมขายภาพว่า “ตำนานมิดฟิลด์ผู้เห็นฟุตบอลจากมุมมอง 360 องศา” จะเป็นผู้นำโปรเจกต์ยุคใหม่ของโลส บลังโกส

- ช่วงออกสตาร์ทลาลีกา ภาพเหมือนทุกอย่างจะเข้าทาง อลอนโซ่กวาดชัย 10 จาก 11 นัดแรกในลีก พาทีมทะยานขึ้นจ่าฝูง และคว้ารางวัลกุนซือยอดเยี่ยมประจำเดือนสิงหาคมทันที แท็กติกเพรสซิ่งสูง โยงเกมจากตัวรับแบบที่เขาเคยทำกับเลเวอร์คูเซ่นถูกยกมาใช้กับชุดขาวเต็มรูปแบบ เสริมด้วยคุณภาพของสามแนวรุกระดับบอลโลกอย่าง เอ็มบัปเป้–วินิซิอุส–จู๊ด เบลลิงแฮม ที่ถูกคาดหวังว่าจะเป็น “ไตรเดนต์ในฝัน” ของยุคใหม่

- แต่ช่วงเดือนพฤศจิกายน–ต้นธันวาคม กลายเป็นจุดที่โลกเริ่มเห็น “ด้านยาก” ของโปรเจ็กต์อลอนโซ่ มาดริดสะดุดเสมอสามเกมลีกติดกับ ราโย บาเยกาโน่, เอลเช่ และล่าสุดกับคิโรน่า 1-1 ทั้งที่คู่แข่งอยู่โซนหนีตกชั้นและเสียประตูมากสุดในลีก ฟอร์มหลุดนี้ทำให้ทีมหล่นจากจ่าฝูงมาเป็นอันดับสอง ตามหลังบาร์เซโลน่า 1 แต้ม และมีสถิติชนะเพียง 1 จาก 5 นัดหลังสุดรวมทุกรายการ

- นักวิเคราะห์อย่าง กาเบรียล มาร์ค็อตติ ชี้ให้เห็นว่า ปัญหาไม่ใช่แค่ผลการแข่งขัน แต่คือ “การตัดสินใจที่น่าขมวดคิ้ว” ของอลอนโซ่ในเกม เช่น การส่งเซ็นเตอร์แบ็กรูดิเกอร์กลับมาสตาร์ตร่วมกับเอแดร์ มิลิเตาในแมตช์สำคัญ ทั้งที่ทีมกำลังต้องการเสถียรภาพ, การลองใช้เฟเด้ วัลเวร์เด้ยืนแบ็กขวาแบบกึ่งอินเวิร์ต หรือการถอดอาร์ด้า กูเลอร์ออกตั้งแต่พักครึ่ง ทั้งหมดสะท้อนว่าเขายังอยู่ใน “โหมดทดลอง” ทั้งที่เข้ารับงานมาตั้งแต่ก่อนศึกสโมสรโลกแล้ว

- ขณะเดียวกัน รายงานจากสื่อสเปน–อังกฤษพูดตรงกันว่าห้องแต่งตัวเริ่ม “ไม่เงียบ” อีกต่อไป ทั้งเรื่องความไม่พอใจของกลุ่มสตาร์อย่าง วินิซิอุส, โรดรีโก้, เฟเด้ วัลเวร์เด้ หรือเฟร์กล็องด์ เมนดี้ ที่มองว่าแผนของอลอนโซ่ “จำกัดเสรีภาพ” ในการเล่นมากเกินไป รวมถึงการบาลานซ์สามตัวรุกอย่าง เอ็มบัปเป้–วินิซิอุส–เบลลิงแฮม ที่ยังไม่ลงล็อก ข่าวลือ “กลุ่มต่อต้าน Xabi” และบรรยากาศไม่เข้ากันในห้องแต่งตัวถูกโยนเข้ากองไฟทุกสัปดาห์ ขณะที่เจ้าตัวต้องออกมาปฏิเสธว่าสโมสรยัง “เหนียวแน่นจากภายใน” และขอเวลาทำงาน

- ฝั่งบอร์ดบริหาร แม้จะมีข่าวว่า “เก้าอี้กำลังสั่น” และอาจโดนปลดหากฟอร์ม–ภาพลักษณ์ไม่ดีขึ้นในเร็ววัน แต่สายข่าวใกล้ชิดสโมสรบางสำนักระบุว่ามาดริดยัง “หนุนอลอนโซ่” และมองว่านี่เป็นช่วงทรานซิชันปกติของการเปลี่ยนผ่านยุค พร้อมประเมินผลงานอีกครั้งจากชุดเกมสำคัญที่จะมาถึงในลีกและแชมเปียนส์ลีก ถ้าโปรเจ็กต์นี้ผ่านพ้นช่วงสั่นคลอนได้ เขาอาจเป็นคนวางรากฐานใหม่ให้มาดริดในระยะยาว แต่ถ้าไม่… ประตูพรีเมียร์ลีกก็อาจรอรับเขาอยู่

- ในเชิงแท็กติก นักวิเคราะห์ต่างประเทศยังมองว่า “ภาพใหญ่” ของอลอนโซ่ยังน่าสนใจ จุดเด่นเรื่องโครงสร้างเกม, การเพรสซิ่งร่วมกันเป็นบล็อก, การใช้ตัวเพลย์เมคเกอร์ลึก และวิงแบ็ก/ฟูลแบ็กเป็นจุดสร้างความได้เปรียบเชิงพื้นที่ยังชัดเจน เพียงแต่การเอาคอนเซ็ปต์เหล่านี้มาวางทับลงบนห้องแต่งตัวที่เต็มไปด้วยซูเปอร์สตาร์อย่าง เอ็มบัปเป้–วินิซิอุส–เบลลิงแฮม ต้องอาศัยเวลาและ “ศิลปะแห่งการจัดการคน” ไม่แพ้การจัดการกระดานแท็กติก ซึ่งจุดนี้เองที่จะพิสูจน์ว่าเขาจะเป็นแค่ “โค้ชระบบสุดเนิร์ด” หรือจะก้าวไปเป็น “ผู้นำทีมระดับซูเปอร์คลับ” อย่างแท้จริง

การทำงานถ้าไม่มีพรรคพวกก็ลำบากหน่อย แม้จะเป็นโค้ชก็ตาม

แลกกันไหม

แลกกับ สล็อทได้นะ

มาๆครับ เราซื้อเวียตมารอแล้ว คู่มือใช้เวียตต้องเข้าแล้วจังหวะนี้

ปลดเลยแลกกับสล็อท