[RE: มีใครเช่าบ้านอยู่มั้ยครับ]
ผมอาจเม้าท์ยาวหน่อยนะครับ ลองอ่านแล้วเก็บไปปรับใช้กับตัวเอง
อาจไม่เหมาะกับทุกคน แต่นี่คือมุมมองของผม
.
ผมเป็นคนนึงที่ตั้งใจจะเช่าครับ แต่ต้องมาผ่อนบ้านต่อจากครอบครัว
เพราะคุณพ่อกับคุณแม่ไม่สามารถทำงานต่อได้ แต่ "หนี้บ้านยังอยู่"
ผมคิดมาตลอดว่าถ้าผมเรียนจบ ผมจะเช่าห้องเล็กๆอยู่ก็ได้ แล้วตัวเองทำงานหาเงิน เก็บเงิน ลงทุน
ผมไม่อยากมีหนี้เลย เพราะผมรู้ว่าถ้าผมเป็นหนี้ ผมก็ต้องหาเงินทุกเดือนมาจ่ายมัน
และชีวิตที่อนาคตไม่แน่นอน สำหรับผมการมีหนี้ระยะยาวที่ผูกมัด ไม่ตอบโจทย์ (ผมอายุ 29 นะ)
ก่อนที่พ่อแม่ผมจะทำงานต่อไม่ได้ ผมเคยเถียงกันหนักมากด้วย
ผมถามว่า 'ทำไมต้องซื้อบ้านเพื่อจ่ายรายเดือนนานเป็น 20 ปี'(ไม่รวมดอกเบี้ย)
แล้วถ้าระหว่างนั้นทำงานไม่ได้ จะเอาเงินที่ไหนจ่ายเหรอ
แต่ที่บ้านก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะเขาน่าจะมองว่าผมมองโลกแง่ร้ายเกินไป
ส่วนผมก็ใช้ชีวิตไปโดยไม่สร้างหนี้แหละ...
จนกระทั่งพ่อกับแม่ เกิดเหตุบางอย่างที่เขาทำงานต่อไม่ได้ แต่หนี้ยังอยู่
ผมเลยต้องมาจ่ายหนี้บ้านต่อให้ แล้วไม่ใช่น้อยๆนะ 60k+ บาท/เดือน
ไม่รวมหนี้อื่นๆ ค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง ฯลฯ
.
คำถามคือ ทำไมไม่ขายบ้าน? ผมพูดเลย "แม่งขายโคตรยาก"
ถ้าจะขาย ก็ต้องลดราคา หรือหานายหน้ามาช่วยเก่งๆหน่อย สภาพคล่องมันต่ำ
แล้วตลอดเวลาที่คุณขาดรายได้ เท่ากับว่าต้องหาเงินมาจ่ายแบงค์ทุกเดือนๆ
ขายก็ไม่ได้
ในขณะที่การเช่า มีความยืดหยุ่นกว่ามาก flexible กว่ามาก
ผมคิดตั้งแต่ตอนเรียนด้วยซ้ำว่าถ้าจะซื้อบ้าน ผมยอมไปเช่าโรงแรมเปลี่ยนไปเรื่อยๆยังดีกว่า 555
ตอนนั้นที่บ้านก็คิดว่าผมประหลาดแหละ ทำไมคิดแบบนั้น
คือผมค่อนข้างชอบอิสระ ไม่ชอบอะไรที่ผูกมัดวุ่นวาย (ผมไม่มีแฟน ไม่มีลูก เพราะมันคือภาระสำหรับผม)
ถ้าผมเลือกเช่า อยากออกตอนไหนก็ออก ไม่ต้องจ้างคนทำความสะอาด มีคนมาซ่อมของให้
เฟอร์นิเจอร์ไม่ต้องซื้อ เผลอๆมีส่วนกลาง ฟิตเนส ฯลฯ (ถ้าเช่าคอนโด)
วิธีคิดผมมันอาจเหมาะกับผมคนเดียวก็ได้นะ ฟังหูไว้หู
แต่มันน่าหงุดหงิดครับ เดือนนึงผมหาเงินได้ไม่ต่ำกว่า 800k-1M
แต่ติดตรงหนี้บ้านที่ต้องมาจ่ายเนี่ยแหละ แทนที่จะได้ไปลงทุนให้พอร์ตโต เสียเวลามาก
ถ้าคุณไม่มีหนี้บ้าน ไม่มีหนี้ก้อนใหญ่
สมองคุณจะทำงานคล่องมาก มันคือความ flow อิสระในหัว ไม่ต้องคิดอะไรเยอะ มีแต่โอกาสให้เห็น
ถ้าคุณจะซื้อบ้านเพื่ออยู่ ผมไม่มีอะไรแย้งนะ
แต่ถ้ากะจะลงทุน ต้องตั้งเป้าตั้งแต่แรกว่ามันคือการลงทุน และคุณมีแผนจะขายมันตอนไหน ขายยังไง
ถ้ากะว่าซื้อๆไป ผ่อนไป วันนึงเป็นของเรา คุณอาจประเมินความเสี่ยงต่ำไป
หนี้ 30 ปี คือความเสี่ยง 30 ปี
ถ้า 30 ปีนี้ คุณตกงาน, ป่วยหนัก, ธุรกิจเจ๊ง
หรือ"แค่"เบื่องาน แต่ลาออกไม่ได้เพราะต้องผ่อนบ้าน
ถ้าคุณผ่อนไม่ไหว คุณถูกยึด คุณเสียทั้งบ้าน และเสียทั้งเงินที่จ่ายไปทั้งหมด (ดอกเบี้ย+ค่าซ่อม)
ถ้าคนเช่าตกงาน... เขาก็แค่ "ย้าย" ไปอยู่ที่ถูกลงครับ เขาไม่โดนยึดอะไรเลย
ถามว่าแบบไหนดีกว่ากัน มันขึ้นอยู่ชีวิตคุณเลยว่าคุณคาดหวังอะไร
แต่ถ้าถามผม แล้วผมย้อนเวลาไปบอกพ่อแม่ในอดีตได้
คงบอกว่า อย่าซื้อบ้านครับ
สะสม asset ให้เยอะก่อน แล้วให้เงิน passive ที่มีไปจ่ายค่าผ่อนบ้านให้แทน
ถ้าเงินเยอะมาก เหลือๆ ก็ซื้อสด แต่อย่าผ่อนโดยไม่มีแผนการ
เพราะชีวิตมันไม่ได้ใจดีขนาดนั้น วันนี้เรามองว่าทุกอย่างไปได้สวย
แล้วอีก 30 ปีล่ะ ? ทุกอย่างเหมือนเดิมหรือเปล่า