ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ เชื่อว่ากลยุทธ์การเสริมทัพของ ลิเวอร์พูล ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ทีมฟอร์มตก

แชมป์พรีเมียร์ลีกปัจจุบันพ่ายแพ้ให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปอย่างขาดลอย 3-0 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา หลังจากถูกถล่มด้วยประตูจาก เออร์ลิง ฮาลันด์, นิโก้ กอนซาเลซ และ เฌเรมี่ โดกู

ลิเวอร์พูล ทุ่มเงินไปกว่า 446 ล้านปอนด์ในช่วงซัมเมอร์เพื่อเซ็นสัญญากับนักเตะใหม่ ทำลายสถิติการซื้อตัวของอังกฤษถึงสองครั้ง ด้วยการคว้าตัว ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ กองกลางของ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน ด้วยค่าตัว 116 ล้านปอนด์ และ อเล็กซานเดอร์ อิซัค กองหน้าของ นิวคาสเซิล ด้วยค่าตัว 125 ล้านปอนด์

แม้จะต้องควักกระเป๋าจ่ายให้กับนักเตะชื่อดังหลายคน แต่ฟอร์มของ ลิเวอร์พูล กลับสวนทางตกต่ำลงเมื่อเทียบกับฤดูกาลที่แล้ว โดยความพ่ายแพ้ต่อ ซิตี้ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ถือเป็นความพ่ายแพ้ครั้งที่ 6 จาก 7 นัดหลังสุดใน พรีเมียร์ลีก

ฟาวเลอร์ ซึ่งยิงไป 183 ประตูให้กับ ลิเวอร์พูล ตลอดอาชีพการค้าแข้ง และปัจจุบันเป็นทูตของสโมสร กังวลว่าทีมเก่าของเขาจะหมดลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกแล้วหลังจากลงเล่นไปเพียง 11 นัด

“ก่อนเกม ผมถูกถามว่า 'ลิเวอร์พูล กำลังอยู่ในช่วงขาลงหรือเปล่า?' และผมคิดว่าอย่าไปหลงระเริงเกินไป” ฟาวเลอร์ กล่าวกับ พอล สโคลส์ และ นิคกี้ บัตต์ ในรายการ The Good, The Bad & The Football

“โอเค พวกเขาชนะ แอสตัน วิลล่า แต่ ลิเวอร์พูล เล่นได้ไม่ดีนักในช่วง 45 นาทีแรก จากนั้นพวกเขาก็ชนะ (เรอัล) มาดริด ดังนั้นมันจึงเป็นแค่ 45 นาทีในเกมลีกที่พวกเขาเล่นได้ค่อนข้างดี ตอนนี้ผมคิดว่าพวกเขาหมดลุ้นแชมป์แล้ว”

สโคลส์ ได้แย้งขึ้น ยอมรับว่าตัวเขายังคงเชื่อว่า ลิเวอร์พูล ยังมีความสามารถที่จะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ก่อนเกมที่ เอติฮัด เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แต่ตอนนี้เขาค่อนข้างเห็นด้วยกับ ฟาวเลอร์ หลังจากเห็นฟอร์มการเล่นของ “หงส์แดง”

“มันเป็นเกมที่แย่ใช่ไหม จากมุมมองของ ลิเวอร์พูล” ฟาวเลอร์กล่าวเสริม ขณะที่เขาเริ่มแสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับตลาดซื้อขายนักเตะที่แฟนๆ ในเมืองไทยให้คำนิยามว่า ‘อัล-ลิเวอร์พูล’

อดีตกองหน้าพรีเมียร์ลีกเชื่อว่า ลิเวอร์พูล เซ็นสัญญากับนักเตะมากเกินไป ซึ่งไม่เข้ากับระบบของ อาร์เน่อ สล็อท โดยเฉพาะกับ เจเรมี ฟริมปง ที่ดูจะมีปัญหาในการปรับตัวมากที่สุดเพื่อดึงศักยภาพสูงสุดของนักเตะออกมา

เขากล่าวว่า “(เจเรมี) ฟริมปง เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด เขาถูกดึงตัวเข้ามาแทนที่ เทรนต์ (อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์) แต่เขาเล่นเป็นวิงแบ็ก”

“และ (มิลอส) เคอร์เคซ เขาเป็นแบ็กซ้ายคนโปรดของทุกคนในปีที่แล้ว แต่เมื่อคุณย้ายมาเล่นให้ ลิเวอร์พูล หรือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด การเล่นให้ บอร์นมัธ หรือ เบรนท์ฟอร์ด แทบจะต่างกันเลย เพราะมีความกดดันมากกว่า”

ฟริมปง และ เคอร์เคซ ย้ายมา แอนฟิลด์ ในช่วงซัมเมอร์ด้วยค่าตัว 29.5 ล้านปอนด์และ 40 ล้านปอนด์ตามลำดับ เสริมความแข็งแกร่งให้กับตำแหน่งฟูลแบ็กของ สล็อท หลังจากที่ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ย้ายไป เรอัล มาดริด แบบจบไม่สวย

อูโก้ เอกิติเก้ ย้ายมาจาก ไอน์ทรัค แฟรงก์เฟิร์ต ด้วยค่าตัว 85 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการใช้จ่ายเกือบ 450 ล้านปอนด์ ขณะที่ โจวานนี เลโอนี กองหลังดาวรุ่งก็ย้ายมาจาก ปาร์ม่า ด้วยค่าตัว 30 ล้านปอนด์


ตอนนี้ ลิเวอร์พูล อยู่อันดับที่ 8 ของตาราง ตามหลัง อาร์เซนอล จ่าฝูงอยู่ 8 แต้ม และตามหลัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่อยู่อันดับสองอยู่ 4 แต้ม

บัตต์ กล่าวถึงตารางคะแนนพรีเมียร์ลีกว่า “มันเป็นความรู้สึกที่น่ากลัวมากที่พวกเขากลับมามีลุ้นคว้าแชมป์ได้นะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มันเหมือนกับชัยชนะที่ประกาศศักดาออกมาว่า เรากลับมาแล้ว”

สโคลส์ เสริมต่อว่า “ผมรู้ว่า อาร์เซนอล นำอยู่สี่แต้ม แต่ด้วยประสบการณ์ที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มี และอาร์เซนอล ยังไม่มี คุณคงต้องยกให้พวกเขาเหนืออยู่กว่าเล็กน้อย (ในฐานะทีมเต็งแชมป์)”

แนวรุกเปลี่ยนมากเกินไป ยากมากที่จะเอามาแล้วเล่นกันเข้าขาเลยยิ่งตัวหลักเดิมฟอร์มตกอีกยิ่งพาเป๋


คงต้องโทษ DOF และ โค้ช แหละว่าตกลงกันยังไงปล่อยตัวเก่าไปหลายตัวไปในเวลาพร้อมๆกันแบบนี้ อย่าง ดิอาสนี่หนักสุด เพราะเป็นปีกตัวสายเลี้ยงคนเดียวที่ยังเหลือในทีม

ลองตัดคนใหม่ที่เข้ามา คนเดิมเล่นเป็นอย่างไร
การซื้อ ไม่ใช่สาเหตุเดียวของฟอร์มตก

อีโกของนักเตะหลังการเป็นแชมป์ต่างหาก
จากที่เคยทุ่มเทเกินร้อย ก็ลดลงมาเหลือ80-90
คิดว่าอะไรมันง่ายไปหมด คิดว่าตัวเองเคยทำได้ก็จะลองทำแบบนั้นไปเรื่อยๆ


นักเตะบางคนคิดว่าการยิงไกลมันง่าย
ก็จะยิงไป โดยคิดว่าจะกดสูตรติด
เกมรับที่เคยวิ่งไล่ ก็คิดว่าเดี๋ยวเค้าก็ไปทำบอลเสีย เดี๋ยวกองหลังก็สกัดให้

สิ่งสำคัญที่ต้องเรียกมาคือ มายเซ็ต
แชมป์ปีที่แล้วมันคืออดีตไปละ

เห็นด้วย เรื่องซื้อมั่วๆ ฟริมปง , อิซัค , ติเก้ เอามาทำไม

ผมว่าหนักสุดก็เคอเคซนี่แหละ อยู่ดีๆก็โคตรล่ก ตูอุตส่าซื้อทีมยอดเยี่ยมของปีก่อนมา แต่ฟอร์มรูดซะงั้น
คือตัวอื่นมันยังพอมีเหตุผลที่ไม่ปัง
ฟริมปง - เจ็บแทบไม่ได้เล่น แต่ถึงหายเจ็บก็ไม่รู้จะเล่นดีมั้ย
อิซัค - ไม่ฟิตซักที จะครึ่งฤดูกาลละ
ไอ้เก้ - ดูดีสุด แต่พอทีมฟอร์มเละก็แทบไม่ได้บอล
เวียตซ์ - จริงๆผมว่าเล่นโอเคนะ อย่างนัดซิตี้ก็ทำได้ดี แต่ทั้มทีมมันไม่เอาไรเลย ได้บอลทีโดนรุม2รุม3 ไม่รู้จะเล่นยังไง

จริงๆผมว่าเค้าก็ซื้อตัวตอบโจทย์แล้วนะ ก็ตามตำแหน่งที่ขาด แต่มันดันมีปัญหาอาการบาดเจ็บที่ควบคุมไม่ได้เพิ่มเข้ามา บวกกับนักเตะเก่าๆฟอร์มตกกันหลายคน โดยเฉพาะบัง จากตัวแบกกลายเป็นตัวฉุดเพื่อนเฉยเลย มันก็เล่นยากกันไปหมดอ่ะ ได้แต่รอลุ้นว่าถ้าอิซัคกับอลิซอนกลับมาฟิตๆจะกู้วิกฤตได้มั้ย

อีกเรื่องที่แอบกลัวคือผมคิดว่าตอนนี้บังโมกำลังทำลายทีมเวิร์คของเกมรุกอยู่
เพราะยิ่งคุณเล่นยิงเองในจังหวะที่ควรจ่ายเรื่อยๆ คนอื่นๆก็จะทำตามบ้าง เพราะตอนตูโล่งตูก็ไม่ได้บอล งั้นยิงเองบ้างละกัน

ผลัดใบ เปลี่ยนขุมกำลังเยอะเกินไป แล้วซื้อไม่ได้เอามาแทนตำแหน่งในระบบเดิม

ต้องให้เวลาในการจูนทีมก่อนแหละ แต่อีกอย่างคือตัวเก่าเองก็ฟอร์มตกกันด้วย

มันเละมาตั้งแต่ช่วงท้ายซีซั่นก่อนแล้วนาาา

ช่วงนั้นก็แจกแต้มรัวๆ

ผมก็ว่าซื้อตัวได้ดีมากแล้วนะ ใครจะคิดว่าย้ายมาแล้วจะดิ่งลงขนาดนี้
อิซัคนี่กองหน้าตัวท็อปของตลาดซื้อขายเลย ก่อนย้ายผมว่าให้ระดับสูงกว่าโยเคเรส เซสโก้อีก
ฟริมปงก็แบคจอมลุยตัวหลักได้แชมป์ปีก่อนกับเลเวอร์ อายุไม่เยอะ
เคอร์เคซก็เล่นโคตรดีสม่ำเสมอจนติดทีมยอดเยี่ยมกับทีมที่ไม่ใช่ระดับบิ๊ก
เวียร์ตซ์ก็สุดยอดดาวรุ่งเยอรมัน

สี่คนนี้ถ้าทีมไหนขาดตำแหน่งพวกนี้ ให้ไปทีมไหนก็เอาทั้งนั้นอะ

ผมแฟนผียังแปลกใจเลยที่หงส์ขายดีอาซ ยิ่งเสียโจต้ายิ่งไม่ควรขายดิอาซเลย

ตัวอื่นไม่ออกความเห็นเพราะไม่ได้ดูหงส์บ่อย มีแค่งงตรงปล่อยดิอาซ ซื้ออิลซัค

กับเอกิติเก้มาทับกันนี่แหละ คือสไตล์ใกล้เคียงกันเลยซื้อมาคนใดคนนึงน่าจะนั่ง

เหมือนซื้อมาแล้วเสียโควต้านักเตะตำแหน่งอื่นไปเลย1ตำแหน่ง

ดิอาสอยากย้ายครับ ดันไม่ยอมขึ้นค่าเหนื่อยให้เค้า

แต่ไอ้เก้กับอิซัค น่าจะเพราะแห้วอิซัคเลยไปเอาเก้

แล้วอิซัคดันมางอแงจะย้ายตอนหลัง ตังเหลือก็เลยเอาอิซัคด้วยเลย ก็เลยชิบหายเลยทีนี้ 55

ได้อิซัคมาแรกๆก็ดีใจ แต่พอเห็นไม่ฟิตสักที กับ เอกกี้ มันเล่นดีกว่า ก็ลำบากใจแทนโค้ชละ จะจัดตัวยังไงดี ไหนจะนักเตะ เก่า-ใหม่ จะผสมกันยังไง เก่า ที่เคยเหมือนเป็นตัวหลัก ก็เล่นกันไม่เหมือนเดิม ใหม่ ซื้อมาแพงหลายตัว จะเอาลงพร้อมๆกัน ก็ไม่สมดุล

ตัวท็อปทั้งนั้นที่เสริมเข้ามา พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าดีพอ ทีมอื่นๆ ก็อยากได้
ใครจะไปรู้ว่าไม่เวิร์ค แล้วมาเจอสถานการณ์ตัวกลักเจ็บ + ฟอร์มตกอีก
ตัวเก่าไม่แบก ตัวใหม่ก็ไม่พร้อม ไปกันใหญ่

ผมว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่ซื้อเยอะ ปัญหาอยู่ที่ไม่ค่อยๆเปลี่ยนทีม

ซื้อเยอะขนาดนี้มันต้องค่อยๆส่งลง ให้ค่อยๆซึมซับกับแทคติกไปก่อน แต่นี่อะไรยัดๆลงอยู่นั่น เคอร์เคซล่กมาไม่รู้กี่นัดก็พึ่งจะดรอป เวียร์ตนี่ก็เข็นลงตลอด ทั้งๆย้ายลีคมาแบบนั้นต้องค่อยๆให้ปรับตัว ผมพูดตลอดอะว่าเกมเจอเซ้าท์แทนที่จะส่งลงให้ปรับตัว แต่ก็ไม่ทำ

ส่วนอีซัคนี่ด่าใครไม่ได้นอกจากตัวนักเตะ ไปดื้อไม่ลงแบบนั้นชิหายทั้งตัวเองทั้งทีม แทนที่จะลงให้มีความฟิต มาถึงก็จะได้ลงเลย เจือกไปทำแบบนั้น ชิหายฉายที่แอนฟิลด์เลย

ถ้าฤดูกาลนี้สุดท้ายล้มเหลวยิ่งทำให้ เครดิตเอียงมาทางคลอป ในด้านการจัดการนักเตะ มากกว่า DOF เพิ่มขึ้นไปอีก

คหสต. นี่คือสถานการณ์จริงที่เราอาจค้องเจอเมื่อฤดูกาลที่เเล้วครับ ถ้าให้งบ Slott ตั้งเเต่ตอนนั้น โชคดีว่าไม่ได้ให้ ก็คือบอลเปลี่ยนโค้ชครับ

แสดงให้เห็นว่า JK ทิ้งวัตถุดิบดีไว้ให้แล้ว Slott ปรุงต่อเเล้วเข้าวินเลย

พอมาฤดูกาลนี้ Slott อยากหาวัตถุดิบเอง มีสูตรปรุงเอง เลยขายบางส่วน เอาที่ได้มาใหม่ มาผสมกับวัตถุดิบที่มีแล้ว ทำตามสูตรที่ตัวเองคิดแล้ว แค่มันยังไม่อร่อย คงต้องให้เวลาปรับสูตร ปรับส่วนผสมให้อร่อยก่อน ฤดูกาลนี้ผมทำใจเเล้ว และคิดว่า Slott ก็เลือกแล้วเช่นกันว่าจะไปเวย์นี้

ให้เวลาแกหน่อยครับ แต่ถ้าเกินครึ่งฤดูกาลแล้ว อันดับอยู่เลข 2 ตัว ท้ายฤดูกาลคงได้หาพ่อครัวใหม่ครับ