ผมตอบในฐานะคนเคยเรียนโค้ดดิ้งเมื่อ20ปีก่อน พึ่งกลับมาเรียนใหม่แบบจริงจังอีกทีเมื่อ5-6ปีก่อน

AI มันช่วยให้โค้ดเร็วขึ้นประมาณ 90 % จากสมัยก่อนนั่งเบลอๆจะเริ่มไงดี นั่งเซิร์จไป หาโค้ดหาโปรเจ็ตเก่าๆงานชาวบ้านมาก้อปมาแก้ แต่พอมี AI มันเร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

แต่ๆๆๆ แลกมาด้วยการ Debug ที่เหมือนจะช้าลงไปอีกเกือบๆ 200-300% (โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณไม่รู้ว่าcode ที่ gen มามันหมายความว่าอะไร)

จากเมื่อก่อนโค้ดมือ 6-7 ชม. นั่งแก้บั๊ก 3-4 ชม.

แต่พอมีเอไอ โค้ด 20 นาที แต่นั่งแก้บั๊ก 7-8 ชม. สำหรับโปรเจ็คใหญ่ๆอะนะ ไม่นับพวกงานง่ายๆอันนั้นไม่ต้องแก้ไรอยู่แล้ว

ผมเข้าใจที่ตา Jensen Huang จะสื่อนะ แต่จะเห็นได้ชัดว่าแกไม่ใช่โปรแกรมเมอร์ (อาจจะรู้บ้างแต่ไม่ใช่สายแกแน่ๆ)
เพราะโค้ดดิ้งสุดท้ายแล้วมันเป็นการ"แก้ปัญหา" รวมถึงการตัดสินใจต่างๆ ไม่ว่าจะเรื่องการเลือกใช้ techstack ไหน Design pattern จะเอายังไง จะ Optimize ยังไง เรื่องพวกนี้ มนุษย์ต้องเป็นคนตัดสินใจอยู่แล้ว ซึ่งวัดกันที่ประสบการณ์ล้วนๆ

ผมไม่ได้อ่านบทความข้างบนละเอียดนะ เพราะผมเคยเห็นคลิปที่แกออกมาพูดประเด็นประมาณนี้อยู่แล้ว
ที่ผมจะสื่อก็คือ
แกน่าจะหมายความว่า พวก Syntax ต่างๆอาจจะลดความสำคัญลง เพราะ มี AI เป็นตัวกลางในการโค้ดดิ้งด้วยภาษามนุษย์อยู่แล้ว (นึกถึงพวก copilot)

แต่ท้ายที่สุดแล้วผมรับรองว่า คนที่เรียน Coding มา โดยเฉพาะพวกที่โค้ดด้วยมือมาก่อน ยังไงก็รู้วิธีสื่อสารกับ AI ได้ดีกว่าอยู่ดี

ผมเคยเจอกระทู้ต่างประเทศใน Reddit ที่มีคนใช้ AI เขียน APIs ด้วย FastAPI แกบอกว่าแกเขียนไปหมื่นกว่าบรรทัด แล้วแก(กับ AI) ไม่มีปัญญาแก้bugบางอย่าง สุดท้ายต้องมาจ้าง Programmer จริงๆไปนั่งแก้ให้อีกที

มันจริงสำหรับคนเขียน code ระดับ intermediate ลงมาผมว่า เพราะคนกลุ่มนี้เขียนสู้ AI ไม่ได้ในอนาคตอันใกล้ แต่ยังไงก็ตามคนที่ไปสอน AI ก็ต้องเขียนโค้ดเข้าไป หรือ ต้องสั่ง AI ในฐานะที่เขียนโค้ดเทพและเข้าใจลึกซึ้งเลยสั่งมันได้ อย่างไรก็ตาม การคิดวิธีใหม่ๆ เพื่อใช้จัดการกับปัญหาเฉพาะ อาศัยความเข้าใจบริบท ก็ต้องเป็นคนอะครับ

สรุปคือ ถ้าคุณไม่ใช่สาย coding ตรงๆ หรือเป็นสายนี้ที่ไม่เก่ง สกิลนี้อาจจะไม่จำเป็นแล้ว แต่ถ้าคุณเก่งก็ยังสำคัญมากๆ

สำหรับคนปกติ มันก็ไม่ต้องใช้อะไรหรอก ไม่ต้องรู้เลยก็ได้

แต่ถ้าสำหรับคนที่ทำงานเป็นอาชีพในระดับสูง มันอาจจะทำให้คุณไม่ต้องเขียน code เป็น แต่คุณก็ต้องเข้าใจมันอยู่ดีว่าไอ้ที่มันเขียนหมายถึงอะไร และต้องมานั่งแก้ bug ของมันอีกยาวๆ

ส่วน End user หรือระดับ Junior อะไรพวกนี้ ... อยู่ยากขึ้น อาจจะไม่ต้องเขียนเอง แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่ต้องเข้าใจกระบวนการและวิธีการคิดในการเขียน

แต่อาจจะต้องมาเน้นสำหรับความเข้าใจและกระบวนการให้มากขึ้นอีก เพราะหน้าที่คุณอาจจะต้องมาคอยหาทางแก้ Bug ในสิ่งที่ AI เขียนมาก็ได้

มันต้องมีความเข้าใจแหละ

วันก่อนให้น้องทำ union join column ชื่อ a,b table ที่ขึ้นต้นด้วย tran_ มา น้องทำ 20 นาทีเสร็จ ใช้จริงใช้ไม่ได้ เพราะถ้า table น้อยๆ ใช้ได้ แต่จริงๆ มี 100 กว่า table สรุปก็ต้องมาเขียนเอง ตั้ง job กัน พี่ๆ ซีเนียก็ต้องลงมาเล่นเหมือนเดิม

ถ้าเปรียบเทียบกับ ai ปัจจุบันนี้ อาจจะใช่ที่มันยังไม่เก่งพอ ต้องการคนชำนาญรีวิวกับแก้
แต่ในอนาคตคิดว่าอาจจะถึงระดับน้ันแน่ๆ

ต้องมานั่งรีวิวให้มันอีก บ้างทีเขียนมา performance แย่

เพิ่งบอกเมียไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเป๊ะเลย

เรียนเพื่อรู้พื้นฐานไว้ก่อนน่าจะโอเค มนุษย์ยิ่งถ้าหยุดการเรียนรู้ก็ยิ่งแย่

อย่าลืมAI มันเพิ่งเริ่มเอง เปรียบง่ายๆก็เหมือนมนุษย์ยุคหินเก่า หินกลาง แต่อัตราการก้าวหน้ามันไวมากๆ มนุษย์เราอาจพัฒนาหลายพันปี แต่ของมันอาจแค่ไม่กี่สิบปี

คนรุ่น gen x, geny อาจทันมันเก่งมากๆตอนเราแก่แล้ว แต่รุ่นหลังๆถ้าเก่งก็ใช้งานมันถ้าห่วยหรือกลางๆก็ถูกมันแย่งงาน

แล้วคนเก่งๆมันก็ไม่ถึง20%ของทั้งหมดหรอก

ปลด dev ให้หมดดิ แล้วให้ ai ทำให้

ไม่แปลกที่อวย ai ขนาดนั้น หุ้น nvidia มันพุ่งเอาๆ มันมาจากอะไรละ ก็อย่างที่ คห 23 ว่า งั้นพี่ก็ปลด dev ที่ nvidia ก่อนเลยดิ

โชคดีที่ผมเขียนโค้ดเป็น ก่อนยุด ai รู้หลักการทำงานทั้งหมด

ถ้าเป็นตอนนี้ผมคงเป็นแต่ ใส้ tool

ลุงหวงว่าไงผมก็ว่างั้นอะครับ

ถึงจะมีภาษาใหม่ หรือ tech stack ใหม่ๆ แต่ระบบที่รองรับมันก็ต้องรันกับภาษาเดิมๆอยู่นะครับ เหมือนคำที่บอกว่า อะไรที่มันทำงานได้ดีอยู่แล้วก็อย่าไปยุ่งกับมัน 555

มิน่า driver ของบ.แมร่งยิ่งมายิ่งเน่า

try claude code bro