เป็นเรื่องปกติของนักธุรกิจ เค้าไม่กลัวว่าใครจะไม่รัก

อะไรที่ทำถ้าองค์กรก้าวไปข้างหน้าได้ ทำได้หมด

วันหนึ่งถ้ากลับมารุ่งเรือง คนที่เหลืออยู่นี่แหละที่จะรักเค้า

ก่อนเซอร์จิมเข้ามา หลายๆคนก็คิดไว้แล้ว เค้าเป็นนักธุรกิจ

ก็บริหารแบบนักธุกิจ ไม่ใช่เสี่ยหรือชีคที่บ้าบอล พร้อมทุ่มแบบบ้าคลั่ง

เราชอบคิดแทนเค้าไปเอง ว่าเค้ารวยแล้ว แก่แล้ว

อยากเอาเงินส่วนตัวลงไปกับสิ่งที่ตัวเองรัก

แต่ละเรื่อง เกินไผจัดๆเลย

อันนี้มันนัดชิงเลยนะเว้ย

ตั้งแต่เซอร์จิมเข้ามา ควักเงินตัวเองไปกี่ล้านแล้วครับ
ไม่กล้าด่าแก ไม่ใช่ผู้ถือหุ้นใหญ่ แต่ต้องมาออกหน้าทำทุกอย่าง
ไม่ถูกใจก็เจอตีน

ดีนะ มีเคสสเปอร์สเทียบให้ดูด้วย

แล้วพนักงานมันจะตั้งใจทำงาน+มีความสุขในองค์กรไหมนั่น

อารมณ์พนักงาน เจอแบบนี้เหมือนตอนแรกมี โบนัส นุ้นนี่ สวัสดิการ มากมาย แต่พอเปลี่ยนเจ้าของใหม่ โดนปลด แถมลดสวัสดิการ ตัดโบนัส เป็นเราคงจะหดหู่ ทำงานแบบผ่านไปวัน ๆ แน่นอน ห่วยแท้

พนักงาน คือกลุ่มคนที่จะอินในนัดนี้มากๆเลยนะ มันเหมือนพวกเค้าเป็นส่วนนึง ที่ทำให้ทีมมาถึงจุดนี้ได้

ถ้าทีมใหญ่ๆทีมอื่นตัดบ้างอะไรบ้างก็ว่ากันไป แต่นี้เหมือนว่า มีแค่แมนยู ทีมเดียว

แต่ก็นะ ผลลัพท์ จะบ่งบอกการบริหารเอง ว่ามาถูกทางไหม

ใครจะอยากทำงานด้วยหละทีนี้

ถ้าสุดท้ายมันกอบกู้สโมสรได้จริง วันที่สภาพคล่องกลับมาเหมือนเดิม support พนักงานเพิ่มขึ้น คนก็คงเข้าใจ แต่ถ้าทำแล้วยังไม่มีแววว่าจะดีขึ้นสักที ก็รอโดนคนซ้ำได้เลย

ผมตามด่าอยู่นะเรื่องแบบนี้ คนในความรู้สึกมันกลายเป็นบริษัทเต็มตัว ไม่ใช่บ้าน ไม่ใช่สโมสร ซึ่งมันไม่ใช่ทิศทางของสโมสรกีฬา มันต้องมีความรัก ความภักดี

แต่เรื่องนี้ขอยกเว้น ไม่ด่า เหตุผลเหมาะสม ยอมรับได้ เพราะสนามบิลเบาความจุมันน้อยจัดจริงๆ ถ้าให้โควต้าเยอะแฟนบอลก็ลำบากเข้าไปใหญ่ จากที่ลำบากมากๆอยู่แล้วในการหาซื้อตั๋ว

เขาเอาไปให้แฟนบอลครับ มองอีกมุมมันก็บ่งบอกว่าเขาแคร์แฟนบอลเหมือนกัน ซึ่งแฟนบอลที่บินไปนู่นเขาก็ตั้งใจไปเชียร์อยู่แล้ว


ทำไมตั๋วพวกนี้ถึงจะไม่ไปถึงมือพวกเขาล่ะ อยากดูคุณก็ควรจ่ายเงินดิ เพราะคนอื่นก็อยากดูเหมือนกัน

มันควรจะให้สิทธิแฟนบอลให้ได้มากที่สุดก็ถูกแล้วนี่

จิมทำดี ดูมีอนาคตสุดๆ