รูเบน อาโมริม ผู้จัดการทีมคนใหม่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปกป้อง มาร์คัส แรชฟอร์ด และ คาเซมิโร่ หลังทั้งคู่ถูกวิจารณ์เรื่องการเดินทางไปสหรัฐอเมริกาในช่วงพักเบรกทีมชาติ โดยระบุว่าปัญหาอยู่ที่มาตรฐานของสโมสรที่ต้องเปลี่ยนแปลง


แรชฟอร์ด ไม่ติดทีมชาติอังกฤษในช่วงเบรกทีมชาติล่าสุด ใช้เวลาว่างเดินทางไปดูบาสเกตบอล NBA ที่แมดิสัน สแควร์ การ์เด้น ในนิวยอร์ก เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

ขณะที่ คาเซมิโร่ ก็เดินทางไปออร์แลนโด้ และโพสต์ภาพครอบครัวเที่ยวดิสนีย์แลนด์ลงอินสตาแกรม

แกรี่ เนวิลล์ เป็นหนึ่งในคนที่ตั้งคำถามถึงความเป็นมืออาชีพของทั้ง 2 คน และเขาได้ถามความคิดเห็นของอโมริมเกี่ยวกับเรื่องนี้ในการสัมภาษณ์กับ Sky Sports

"คุณพูดถึงความเป็นมืออาชีพ ผมต้องถามคุณเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะผมได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคาเซมิโร่และมาร์คัส แรชฟอร์ด ที่เดินทางไปอเมริกาในช่วงหยุดพัก"

"ผมแค่คิดในฐานะอดีตนักเตะของยูไนเต็ด คุณมีเวลาว่าง 2-3 วัน, สโมสรอยู่อันดับที่ 13 ในลีก, ผู้จัดการทีมเพิ่งถูกไล่ออก เป็นช่วงเวลาที่ท้าทาย และผู้จัดการทีมคนใหม่กำลังจะเข้ามา"

"ความมุ่งมั่นและการเตรียมตัว ทุกอย่างสำคัญมาก เป็นผม..ผมคงไม่เลือกที่จะเดินทางไปอเมริกาด้วยเวลานั้น คุณสบายใจกับเรื่องนี้ไหม?"

"พี่เจ๋ง" เน้นว่านักเตะได้รับอนุญาตให้หยุดพัก 5 วัน และมีสิทธิ์ตัดสินใจเอง แต่ยอมรับว่า หากเป็นผู้จัดการ เขาจะบริหารสถานการณ์แตกต่างออกไป พร้อมย้ำว่าสโมสรต้องเป็นผู้นำในการกำหนดมาตรฐานความเป็นมืออาชีพให้ชัดเจนเพื่อลดปัญหาในอนาคต

"อย่างแรกเลยคือมันเป็นช่วงวันหยุด 5 วัน , อย่างที่สองคือ พวกเขาได้รับข้อมูลว่าสามารถวันหยุดได้ 5 วัน และพวกเขาโตแล้ว พวกเขามีลูก ดังนั้นพวกเขาตัดสินใจได้เองว่าจะต้องทำอะไร"

"คำถามหลักที่นี่ก็คือ สโมสรกำหนดมาตรฐานและจัดการเรื่องนี้อย่างไร เป็นการตัดสินใจของผมว่าพวกเขาสามารถหยุด 5 วันในฐานะโค้ช, หรือ 3 วัน, หรือ 3 วันเพื่อพักผ่อน ห้ามบินไปไหน นี่คือสิ่งที่สโมสรต้องตัดสินใจ"

"คุณจะจัดการมันต่างออกไปไหม?" แกรี่ ถามต่อ

"แน่นอน แต่คุณไม่สามารถโยนความผิดนี้ไปที่นักเตะ สโมสรบอกว่าพวกเขามีเวลา 5 วัน พวกเขาสามารถบินไปที่ไหนก็ได้ ไม่มีใครในสโมสรบอกว่าพวกเขาห้ามบิน พวกเขาต้องใช้ชีวิตของตัวเอง พวกเขาโตแล้ว และพวกเขาต้องตัดสินใจเรื่องเหล่านี้ เราในฐานะสโมสรต้องเปลี่ยนแปลงมาตรฐานเหล่านี้"

"ในช่วงเวลาของคุณ คุณมีผู้นำที่ยอดเยี่ยมในสโมสร แข็งแกร่งมาก และวัฒนธรรมก็อยู่ที่นี่แล้วเมื่อคุณเริ่มต้น ดังนั้นจึงเป็นเวลานานที่มีอัตลักษณ์เดียวกัน วิธีการมองสิ่งเดียวกัน และคุณรู้สึกว่าแม้ว่าคุณจะทำเช่นนั้น เพื่อนร่วมทีมของคุณจะพูดคุยกับคุณ"

"ตอนนี้มันเป็นจุดที่แตกต่างออกไป คุณต้องยอมรับสิ่งนั้น สิ่งนี้ต้องเริ่มต้นในสโมสร, กับเรา เราต้องรับผิดชอบในด้านนี้ เราไม่สามารถบอกว่าสิ่งที่ทำนั้นเป็นความผิดของแรชหรือคาซา พวกเขาได้รับข้อมูลวันหยุด 5 วัน ทำอะไรก็ได้ที่คุณชอบ เราในฐานะสโมสรต้องตั้งมาตรฐานที่ดีกว่า และเราจะพยายามทำเช่นนั้น"

ทั้งนี้ แรชฟอร์ด และ คาเซมิโร่ ไม่ใช่นักเตะยูไนเต็ดเพียงคนเดียวที่เดินทางข้ามโลกในช่วงเบรกทีมชาติ โดย แอนโทนี่ เดินทางกลับบ้านเกิดที่บราซิลเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เอริค เทน ฮาก ถูกไล่ออก

วันพัก 5 วันก็มีโอกาสก็พัก หลังจากนี้แกคงไปคุยกับสโมสรอีกทีแหละว่าจะต้องเป็นแนวประมาณไหน เพราะรอบนี้แกคงมาไม่ทันเพราะรูทมันถูกเซ็ตไว้แล้ว

พึ่งมาคุมทีม ยังไม่ได้ แข่งสักนัด สื่อก็หาเรื่องดราม่า มาประเคน ให้ถึงที่

ทำไมผมว่าถ้าได้พักแบบพักจริง ๆ ก็ดีกับทุกฝ่ายนะ อย่าลืมว่าตั้งแต่สิ้นเดือนยาวไปถึงมกรา โปรแกรมอย่างชุก

พรี่อย่าโอ๋มากล่ะ โอ๋ให้พอประมาณ ถ้าใครไม่ไหวก้ปล่อยทิ้ง ดูโค้ชก่อนๆเป็นตัวอย่าง

มีมีมพี่ยัต อย่าให้มีครั้งที่สองไหม

ได้พักผ่อนกลับมาฟิตเต็มถังวิ่งเป็นม้า? ไม่ใช่กลับมาความฟิตร่วง วิ่ง60นาทีลิ้นห้อยนะ

เอาง่ายๆ ตรูมาไม่ทัน

อนาคตถ้าจำเป็นอาจจะขอความร่วมมืออย่าบินไกล

สัมภาษณ์ได้ดีดีก็ว่าดีชื่นชม

ไม่ผิดหรอกก็มันวันหยุด คนมันเที่ยวกันได้ แต่อย่ามาสายซ้อมสายแล้วกัน บอกไว้แค่นี้

รู้สึกว่าเป็นคนที่สัมภาษณ์ได้โคตรฉลาดเลยนะ อย่างน้อยก็ฉลาดกว่า ETH แน่ๆอะ

1. ปกป้องลูกน้องตัวเอง โดยโยนให้เป็นภาระจากบุคคลไปสู่สโมสรซึ่งทุกคนต้องมีส่วนร่วม 2. สโมสร บอร์ดบริหารตื่นตัวมากขึ้นกับวิธีการจัดการเรื่องนี้ 3. เป็นกระจกสะท้อนให้พวกนักเตะเก่า (รวมถึงแฟนบอลที่ตามตั้งแต่ยุคป๋า) ได้ตระหนักว่ายุคสมัยมันเปลี่ยน วัฒนธรรมองค์กรมันเปลี่ยนไปแล้ว คุณจะเอาชุดความคิดเดิมๆ ที่พวกคุณเคยมีมาตัดสินนักเตะปัจจุบันไม่ได้แล้ว

สรุป แกเองก็ไม่ถูกใจกับเรื่องนี้ แต่อย่าโยนความผิดไปที่นักเตะ เป็นที่สโมสรไม่ชัดเจนเอง หลังจากนี้แกจะมาจัดการให้ถูกต้อง

หลักๆก็ อย่าให้มีครั้งที่2!!!

ครั้งนี้ปล่อยผ่าน เพราะสโมสรไม่กำหนดให้ชัดเจน แต่หลังจากนี้จะกำหนดให้ชัดเจนว่าวันหยุดอะไรควรทำ ไม่ควรทำ ปล่อยพวกเมิงคิดกันเอง ก็เหลวไหลกันแบบนี้

ผมว่าต่อให้เป็นยุคท่านเซอร์ก็คงไม่ว่าอะไรสมัยนั้นเน้นด้วยซ้ำให้นักเตะมีครอบครัวเป็นฝั่งฝาจะได้ไม่เหลวไหล, ถึงจะบินไกลแต่ไปกับครอบครัว,ไปหาครอบครัวมันเป็นการฮีลใจไม่ได้ไปปารตี้หยำเป ยิ่งสโมสรไม่ได้กำหนดมาตรการอะไร

จิตวิทยาไม่ธรรมดานะ ถ้าอ่านดีๆ หลักแหลมมาก