#SSxKMD | หลังโดนถล่มจมดินเมื่อ 18 เดือนที่แล้ว “ยูโรเปียน ซูเปอร์ ลีก” เริ่มกลับมานับหนึ่งใหม่อย่างเป็นทางการอีกครั้งกลางสัปดาห์ที่ผ่านมาเมื่อบริษัท A22 Sports Management เปิดตัวซีอีโอ เบิร์นด์ ไรชาร์ท ซึ่งเคยทำงานกับ RTL Deutschland บริษัทสื่อในเยอรมนี เพื่อพลักดันบิ๊กโปรเจ็กต์นี้ให้เป็นจริง

จากประสบการณ์ที่มอบบทเรียนบทใหญ่ทำให้กลุ่มผู้ก่อการที่หลงเหลืออยู่สามสโมสรคือ เรอัล มาดริด, บาร์เซโลนา และยูเวนตุส ขยับตัวครั้งใหม่ด้วยท่วงท่าสุขุมรอบคอบขึ้นเหมือนที่ เฟลิกซ์ คีธ นักข่าวสายกีฬาของสื่อเดอะ มิร์เรอร์ เปรียบเทียบอย่างแหลมคมว่า “ถ้าความพยายามก่อตั้งยูโรเปียน ซูเปอร์ ลีก ครั้งแรกให้ความรู้สึกเหมือนการทำรัฐประหาร การเข้ามาเพื่อปฏิวัติวงการฟุตบอลครั้งนี้ให้บรรยากาศที่ต่างกันมาก”

เดือนเมษายนปีที่แล้ว ข่าวการจัดตั้งศึกลูกหนัง อีเอสแอล ผุดขึ้นมาอย่างที่ไม่มีใครตั้งตัว มีการประกาศชื่อ 12 สโมสรยักษ์ใหญ่จากอังกฤษ (อาร์เซนอล, เชลซี, ลิเวอร์พูล, แมนฯซิตี, แมนฯยูไนเต็ด, สเปอร์ส), อิตาลี (อินเตอร์ มิลาน, เอซี มิลาน, ยูเวนตุส) และ สเปน (แอต.มาดริด, เรอัล มาดริด, บาร์เซโลนา) ภายใต้คำขวัญ “สโมสรดีที่สุด ผู้เล่นดีที่สุด ทุกสัปดาห์” แต่โปรเจ็กต์ที่ดูคล้ายรัฐประหารยูฟาโดนต่อต้านอย่างหนักจากทั่วสารทิศจนบิ๊ก 6 เมืองผู้ดี รีบประกาศถอนตัวเท่ากับว่าแผนงานถูกเก็บเข้าลิ้นชักล็อกกุญแจเป็นที่เรียบร้อยหลังออกข่าวไม่กี่วัน

ความพยายามครั้งที่สองภายใต้การนำของยูเวนตุส, เรอัล มาดริด และบาร์เซโลนา ดำเนินไปอย่างเนิบช้าสุขุม สัมผัสได้จากการให้สัมภาษณ์ของไรชาร์ทที่ออกไปในโทนเสียงที่ประนีประนอม แผนงานยังไม่มีอะไรชัดเจนยกเว้น A22 ที่มีความมุ่งมั่นว่า “อยากขอคุยด้วย”

ความไม่ชัดเจนของโปรเจ็กต์รวมถึงชื่อก็(อาจ)ไม่ใช่ “ยูโรเปียน ซูเปอร์ ลีก” อีกแล้ว A22 ไม่ได้นำเสนอรูปแบบการแข่งขัน ไม่มีกรอบระยะเวลา (แต่สื่อคาดว่าน่าจะเป็นไทม์ไลน์เดิมคือฤดูกาล 2024-25) และที่สำคัญปัจจัยที่เคยโดนรุมกระหน่ำอย่างหนักเมื่อ 18 เดือนที่แล้วอย่าง “ลีกปิด” (closed league) ก็ถูกโละทิ้ง

ไรชาร์ทให้สัมภาษณ์เอ็กซ์คลูซีฟกับเดอะ มิร์เรอร์ ว่า รูปแบบเดิมๆไม่มีอีกแล้วตอนนี้ พวกเขาพร้อมเปิดกว้างในวงสนทนา ไม่มีแผนงานอะไรนอกจากกระดาษเปล่าๆ รายการใหม่นี้จะมีความเชื่อมโยงกับการแข่งขันฟุตบอลลีกในประเทศและถ้วยสโมสรยุโรป

แม้ไรชาร์ทและ A22 จะเดินหน้าด้วยความใจเปิดกว้างสำหรับความคิดของผู้คนในวงการ แต่พวกเขาก็แสดงถึงความมุ่งมั่นที่จะพลักดันให้โปรเจ็กต์นี้เกิดขึ้นด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือหรืออาวุธ

หนึ่งในนั้นคือการนำเหลี่ยมมุมของระเบียบปฏิบัติขึ้นสู่การตัดสินของศาลยุติธรรมยุโรป (European Court of Justice) ซึ่งผู้ก่อตั้งอีเอสแอลเชื่อว่า กฏเกณฑ์ของยูฟามีข้อขัดแย้งหรือฝ่าฝืนกฎหมายของยุโรปว่าด้วยเรื่องการแข่งขัน โดยกฎข้อหนึ่งของยูฟาระบุว่า “ยูฟาจะต้องมีอำนาจแต่เพียงผู้เดียวในการจัดระเบียบหรือยกเลิกการแข่งขันระดับนานาชาติในยุโรปที่สมาคมสมาชิกและ/หรือสโมสรเข้าร่วม” ซึ่งพวกเขามองว่าเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพในการแข่งขัน

คาดว่าคดีดังกล่าวจะเริ่มเข้าสู่กระบวนการในเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้และเริ่มพิจารณาคดีอย่างเป็นทางการในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปีหน้า ซึ่งหากยูฟาแพ้ ลีกนี้จะสามารถจัดตั้งได้อย่างถูกกฎหมาย แต่ถ้ากลุ่มผู้ก่อการแพ้ พวกเขาคงจะหาช่องทางทางกฎหมายต่อสู้ต่อไป

ในส่วนของสโมสร งานหินของไรชาร์ทหนีไม่พ้นการชักชวนหกทีมยักษ์ใหญ่ของอังกฤษ ซึ่งซีอีโอของ A22 ตอบว่า เรื่องแรกเลยเขาได้ชักชวนสโมสรเหล่านั้นเข้าเป็นส่วนหนึ่งของวงสนทนาเพราะเขาเชื่อมั่นว่าพรีเมียร์ลีกคือแรงบันดาลใจของเกมการแข่งขัน

ไรชาร์ทบอกด้วยว่าเขามีโอกาสคุยกับผู้ถือหุ้นใหญ่ในทีมฟุตบอลหลายราย ต่างกล่าวว่าพวกเขายินดีร่วม(คุย)แน่ บอกมาเลยว่าเมื่อไหร่ นอกเหนือผู้บริหารสโมสรแล้ว ส่วนอื่นๆก็ได้เสียงตอบรับเป็นบวกไม่ว่าจะเป็นแฟนบอล สื่อพันธมิตร และผู้ซื้อสื่อ

ก็น่าติดตามทีเดียวว่าฟอร์แมทใหม่ของ ยูโรเปียน ซูเปอร์ ลีก จะออกมารูปแบบไหนที่จะมาสร้างความสนุกสนานให้แฟนบอล แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ขัดแย้งกับฟุตบอลสโมสรยุโรปและลีกแต่ละประเทศ และไม่นับแมตช์และทัวร์นาเมนท์ระดับนานาชาติที่มีอีกเพียบ

ว่าแต่จะเป็นการเพิ่มงานให้นักฟุตบอลที่ว่าหนักอยู่แล้วหนักขึ้นไปอีกหรือเปล่า

เรียบเรียง: KMD Content Team
อ้างอิง: The Mirror England

คิดว่า super league จะเกิดขึ้น แต่น่าจะเกิดขึ้นจาก uefa เองมากกว่า
ส่วนตัวอยากให้เป็นแบบ ประมาณเอา 10 ทีมพอ เอาทีมละ 2 จากแแชมป์และรองแชมป์ 4 ลีกใหญ่ เหลืออีก 2 วัดจากผลงานใน ucl (ไม่นับทีมที่ได้ไป) แล้วแข่งเหย้าเยือนกันเหมือนลีคปกติให้เจอกันหมด แล้วไม่ต้องไป ucl แต่ลีคในประเทศก็เตะเหมือนเดิม

หลักๆคือมันต้องไปกับบอลลีคในประเทศได้ เกณฑ์การคัดเลือกทีมที่จะไปเตะต้องขึ้นอยู่กับอันดับในลีคเป็นหลัก

แผนเก่าแย่เกินตรงที่ว่า ทีมใหญ่เล่นในลีคยังไงก็ได้ให้ไม่ตกชั้น ยังไงก็มีซูเปอร์ลีครองรับอยู่ละ

สิ่งที่รู้สึกว่าสนุกจริงๆ ไม่ใช่การที่มีทีมใหญ่เตะกันทุกวีค
แต่เป็นการที่เราได้เห็นทีมม้ามืดต่อกรกับทีมใหญ่ได้อย่างสนุกมากกว่า

ภาพที่คลับบรูซเป็นแชมป์กลุ่ม คุณคิดหรอว่าจะได้เห็นในซูเปอร์ลีค
ภาพที่เชอร์ริฟชนะมาดริดคาบ้านได้ คิดหรอว่าจะได้เห็นในซูเปอร์ลีค

ที่ucl มันเป็นแบบปัจจุบันเพราะเค้าต้องการกระจายรายได้ไปทุกประเทศ ทำให้สโมสรลีคอ่อนๆได้มีเงินลงไป ได้มีความเกี่ยวข้องกับบอลยุโรป โตไปทั้งภาค

แล้วไอเรื่องเงินมันก้ชัดอยุ่แล้วว่าปีๆนึงทีมใหญ่จะได้กี่บาท จากรายได้ฝ่ายต่างๆ


แต่ทีมใหญ่ดันทุ่มเงินเยอะเองจนติดลบแล้วมาบอกรายได้ไม่พอจะเอาเงินเยอะๆ ทีมเล็กๆๆม่ต้องเอา ไม่ต้องมายุ่งกับบอลยุโรป ทีมกุจะโกยเงินอย่างเดียว

ความคิดโคตรบัดซบ 555555555 ไปลงทุนเยอะเกินตัวแต่บอก ตัวเองเป็นคนแบก

แล้วถ้าคิดกลับกัน ตั้งแต่50 ปีที่แล้วไม่มีทีมอื่นๆช่วยกันปั้นนักเตะ ไม่มีคนมาแข่งในลีค ทีมใหญ่มันจะมีปะ คงหายไปหมดทั้งยุโรปแล้วมั้ง

แล้วแบบนั้นมันจะต่างกับuclยังไง งง

เอาจริงๆคือยูฟ่ามันห่วย อยากตั้งกันเองแค่นั้นแหละ

เอาตรงๆ ยูฟ่ามันห่วย แล้วมันห่วยยังไง คือต้องมาแจกแจงตรงนี้ก่อนแล้วมาแก้ปัญหาให้ตรงจุด


(ถ้าไม่นับเรื่องโกงกิน ซึ่งถ้าพิสูจได้ก้ควรเปลี่ยนไอพวกหัวๆแล้วตั้งชุดใหม่ขึ้นมาแทน นอกจากเรื่องนี้ผมว่านโยบายยูฟ่าโดยรวมดีใช้ได้อยุ่นะ ยังหาข้อเสียไม่ค่อยเจอเลย )

แต่ที่รุ้ๆ ยูฟ่าห่วยมั๊ยไม่รุ้ แต่ไอ super league เนี่ย ห่วยกว่ายูฟ่าแน่นอน

เห็นด้วย

มองข้ามเรื่องว่าจะสนุกหรือไม่
หรือชั่วร้ายรึเปล่าไว้ก่อนนะครับ


จริงๆ การที่ทีมฟุตบอลซึ่งเป็นเอกชนรายหนึ่ง
จะแข่งขันบอลซักรายการหนึ่ง โดยจัดขึ้นมาเองเป็นสิทธิ์ของเค้าครับ
ยูฟ่าเป็นองกรฟุตบอล แต่ไม่ใช่เจ้าของฟุตบอล
แบบรายการ วินิจคัพ คิงส์คัพ อะไรแบบนี้

แต่เรื่องนี้รายการมันใหญ่ มันอาจทำให้ผลประโยนช์มันหดหายไปจากตระกร้าส่วนแบ่ง
ซึ่งคือยูฟ่า และแน่นอนว่าไม่ยอม

การแบนจากถ้วยหรือรายการต่างๆ มัน ทำได้รึไม่ มองแบบธรรมดาอาจทำได้ครับ
แต่ถ้าทำ แล้วมองในมุมกฏหมาย อย่างกฏหมายเรื่องผูกขาด
มองได้รึเปล่าว่ายูฟ่าใช้อธิพลผูกขาดการแข่งขันฟุตบอลรึไม่ ?

ผมว่าเรื่องนี้ ESL ขึ้นศาลไหนก็ชนะศาลนั้นนั่นแหละ
แค่ที่ผ่านมาไม่เคยมีใครเอาเรื่องนี้ขึ้นศาลจริงๆ จังๆ แค่นั้น
ยุโรปดูจริงจังกับเรื่องนี้มาก ที่ผ่านมาฏกหมายผูกขาดทำกูเกิ้ลโดยเรื่องแอนดรอยไปแสนกว่าล้าน
จริงๆ มีอีกหลายอย่างแหละ
ยูฟ่ารู้เรื่องนี้ดีครับ ถึงให้สังคมกดดันแทนที่จะใช้มาตรการที่ออกมาเอง ซึ่งไม่น่าทำได้

ลองเป็น Dota2 ถ้า กลุ่มทีมดังกลุ่มหนึ่งนัดไปแข่งทัวร์สุลต่าลให้รางวัลเยอะกว่า TI แล้ว เชิญแต่ทีมดัง
แล้ว Valve แบนไม่ยอมให้แข่ง TI ก็คงตลกดี ขนาดว่า Valve คือเจ้าของ platform นะ

ถ้าจะคุยเชิงกฎหมายเอา Valve หรือ google มาเทียบ eufa ก็ตลกเหมือนกัน บริษัทกับสมาคมโครงสร้างไม่เหมือนกันเทียบแบบนั้นไม่ได้

ในมุมกฎหมายเหมือนกัน ผมไม่ชำนานกฎหมายไม่ได้จบกฎหมาย แต่เท่าที่ทราบ ศาล EU มีอำนาจแค่ตีความว่าข้อพิพาทนั้นๆขัดต่อหลักการของ EU หรือไม่ ตีความมากกว่านี้ไม่ได้ ดังนั้นจุดสำคัญของคดีนี้คงเป็นการสืบพยาน โครงสร้างของ eufa คือให้สมาชิกแต่ละประเทศร่วมกันวางกฎกติกาเพื่อใช้ร่วมกันไม่ได้มีเจ้าของคนใดคนหนึ่ง ดังนั้นตอนสืบพยานถ้าสมาชิกยูฟาเองหรือสมาคมกีฬาแต่ละประเทศให้ความเห็นกลางๆหรือสนับสนุนซุปเปอร์ลีคก็แล้วไป แต่ถ้าแต่ละประเทศยังสนับสนุนยูฟ่าก็หมายความว่า regulator ของแต่ละประเทศเห็นพ้องกันว่าเขาจะวางกฎแบบนี้ คงต้องตีความกันยาวว่าแบบนี้ยังเข้าข่ายผูกขาดหรือไม่

อันนี้ยังไม่พูดถึงว่าคำพิพากษาของศาลจะมีอำนาจบังคับใช้มากแค่ไหน เพราะผลประโยชน์ของยูฟาที่คุณพูดถึงมันไม่มีอยู่จริง ยูฟาเป็นแค่สมาคมที่ประเทศสมาชิกร่วมกันสร้างขึ้นมา ดังนั้นผลประโยชน์ของยูฟาที่คุณพูดถึงคือผลประโยชน์ของประเทศสมาชิก เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องการหาเงินของสโมสรฟุตบอลไม่กี่สโมสร แต่เกี่ยวพันกับเศรษฐกิจท้องถิ่นของหลายๆประเทศ สมาคมฟุตบอลหลายประเทศเขาถึงได้ take action บางอย่างกัน อย่างพรีเมียร์กับลาลีกาออกตัวชัดเจนเลยว่าแบนจากฟุตบอลในประเทศด้วย ถ้าสมาคมฟุตบอลแต่ละประเทศซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐเขายังสนับสนุนแนวทางของยูฟาก็แปลว่าเขายังเห็นว่าแนวทางนี้เป็นประโยชน์กับประเทศของเขา ต่อให้ศาล EU ให้ซุปเปอร์ลีคชนะคดีต่อยูฟาจริงคงต้องดูต่อไปว่าไปยุ่งเรื่องภายในประเทศแต่ละประเทศได้ขนาดไหน จะกลายเป็นเรื่องอำนาจอธิปไตยแล้ว

ขอบคุณสำหรับโควทครับ อันนี้ผมทราบครับว่าเทียบไม่ถูกต้อง


ถ้าเปลี่ยนเป็นยูฟ่าทำเพื่อผลประโยชน์ของสโมสรส่วนใหญ่ แทนตระกร้าผลประโยชน์ยูฟ่าที่ผมพิมไปตอนแรก
แต่ตรงนี้ผมก็ยังไม่เห็นอะไรจะไปห้ามเค้าได้เหมือนกัน
ตอนนี้ยังไม่ได้เรื่องถึงศาล แต่ว่ามีคำเตือนจากศาลของสวิสฯ ซึ่งยูฟ่าก็ยอมรับ และพักตรงนั้นไว้ก่อน
https://www.uefa.com/insideuefa/news/026a-127ac8d9a2a5-ae10445760c4-1000--disciplinary-proceedings-against-fc-barcelona-juventus-fc-and-r/


ตอนนี้มีแต่ส่วนอื่นกดดัน อย่างสมาคมฟุตบอลในประเทศ(ตรงนี้ผมว่าก็น่าออกมาแนวเดียวกันว่าไม่มีอะไรไปห้าม) จากแฟนบอล หรือสโมสรฟุตบอลที่ไม่เห็นด้วย

แต่ยังไม่เห็นเครื่องมืออะไรจริงๆ จะไปสั่งหยุด หรือลงโทษได้เลยครับ ถ้ารั้นจะทำ

ยูฟาห้ามได้แบนได้ครับ แต่ห้ามหรือแบนแล้วขัดกับกฎหมาย EU หรือไม่ไม่ทราบ แต่ไม่ขัดกับกฎยูฟา

เรื่องศาลสั่งระงับ จริงๆมีอีกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมกันคือยูฟาสั่งปรับเงินสโมสรที่เหลือ และปรับได้ด้วย รวมถึงพรีเมียร์ลีคก็สั่งปรับแยกต่างหากอีกทีหนึ่ง ดังนั้นการลงโทษแบนไม่เกิดขึ้น แต่การลงโทษด้วยการสั่งปรับเกิดขึ้นแล้ว แปลว่ายูฟาไม่ถึงกับลงโทษไม่ได้เลย

https://www.espn.com/soccer/manchester-united-engman_utd/story/4404414/premier-league-clubs-involved-in-super-league-fined-22m-face-30-point-deduction-if-breakaway-happens-again

และเรื่องนี้ถึงศาลแล้วครับ ระดับเปเรสรั้นจะทำแน่นอน ผมถึงได้อ้างถึงศาล EU และสมาคมฟุตบอลประเทศต่างๆ จากลิ้งที่คุณให้มา มีประโยคสำคัญประโยคหนึ่งคือ ''UEFA’s legal framework'' คือมันมีกฎเรื่องการรับรองการแข่งขันระหว่างประเทศที่บังคับให้ต้องขอการรับรองจากยูฟาไม่งั้นเตะไม่ได้อยู่ไม่ใช่ลงโทษลอยๆ เพียงแต่ตรงนี้จะขัดกับกฎหมายใดๆของ EU หรือไม่ แล้วที่มาของมันถ้าแต่ละประเทศเห็นชอบให้ตั้งกฎนี้จะยังถือว่าผูกขาดหรือไม่ต้องรอดูศาล

https://www.politico.eu/article/super-league-uefa-begin-battle-at-eus-top-court/

แต่อย่างที่บอก จบจากยูฟายังมีสมาคมฟุตบอลของแต่ละประเทศที่ก็น่าจะมีกฎนี้เหมือนกัน ถ้าสมาคมของประเทศต้นสังกัดยันกรานจะทำเหมือนยูฟาคือฝืนสร้างลีคก็เตะออกข้อหาจัดการแข่งขันเถื่อน สมาคมไม่รับรอง ศาล EU อาจจะมีอำนาจสั่งยูฟาที่เป็นสมาคมระหว่างประเทศ แต่จะยังมีอำนาจสั่งสมาคมฟุตบอลประจำประเทศซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐได้ไหม จะกลายเป็นอีกเรื่องหนึ่งแล้ว

ลองเอามูลค่าการตลาดของ NFL เป็นมาตรฐาน แล้วจะเข้าใจว่าทำไมต้องทำ ESL