เปิดประวัติ ‘ซัลมาน รัชดี’ นักเขียนผู้ถูกแทงกลางเวทีเสวนา กับวรรณกรรมที่ชาวมุสลิมต่อต้าน
หลังจากที่ซัลมาน รัชดี นักเขียนชื่อดังชาวอังกฤษถูกกระหน่ำแทงกลางเวทีงานวรรณกรรมที่รัฐนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา อย่างไม่มีใครคาดคิด ทำให้ผู้คนทั้งโลกหันมาสนใจในตัวชายผู้นี้ ว่า เขาคือใคร อะไรเป็นสาเหตุของการลอบทำร้าย และชะตากรรมของเขาเป็นอย่างไร
เปิดประวัติ ‘ซัลมาน รัชดี’
ซัลมาน รัชดี เกิดในครอบครัวแคชเมียร์-มุสลิม ที่เมืองบอมเบย์ ซึ่งปัจจุบันรู้จักในนามเมืองมุมไบของประเทศอินเดีย เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 1947 เพียง 2 เดือนก่อนที่อินเดียจะประกาศเป็นเอกราชจากสหราชอาณาจักร
เมื่ออายุได้ 14 ปี เขาถูกส่งไปสหราชอาณาจักร และได้ร่ำเรียนหนังสือจนจบการศึกษาด้านประวัติศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยคิง คอลเลจ ในเมืองเคมบริดจ์
การที่เขาได้เป็นพลเมืองสหราชอาณาจักร และอาศัยอยู่ในสหราชอาณาจักรถาวร มีส่วนทำให้ความศรัทธาในศาสนาอิสลามค่อย ๆ จางไป โดยในช่วงแรก เขาได้ทำงานเป็นนักแสดงอยู่ช่วงสั้น ๆ ก่อนจะประกอบอาชีพเป็น Copywriter ในสายงานโฆษณา และเขียนนิยายไปพร้อม ๆ กัน
หนังสือเล่มแรกของเขาที่ได้ตีพิมพ์ คือ เรื่อง ‘Grimus’ ซึ่งไม่ประสบความสำเร็จมากหนัก ก่อนที่รัชดีจะคว้ารางวัล ‘Booker Prize’ ในปี 1981 จากหนังสือ ‘Midnight’s Children’ ผลงานเล่มที่ 2 ที่ใช้เวลารังสรรค์นาน 5 ปี ทำยอดขายถล่มทลายกว่า 500,000 เล่ม ก่อนจะตีพิมพ์เรื่อง ‘Shame’ ผลงานเล่มที่ 3 ในปี 1983 และเรื่อง ‘The Jaguar Smile’ ผลงานเล่มที่ 4 ในปี 1987
เดือนกันยายน ปี 1988 เขาได้ตีพิมพ์ผลงานที่ทำให้ชีวิตตัวเองตกอยู่ในอันตราย ซึ่งก็คือ ‘The Satanic Verses’ หรือ ‘โองการปีศาจ’ นวนิยายแนวเซอร์เรียล-โพสต์โมเดิร์น ที่ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้างในหมู่ชาวมุสลิม เพราะพวกเขามองว่า “เป็นการดูหมิ่นศาสนา”
‘The Satanic Verses’ จุดเริ่มต้นของปัญหา
‘The Satanic Verses’ เป็นนิยายที่โด่งดังที่สุดของรัชดี และเป็นเรื่องที่สร้างปัญหามากที่สุดเช่นกัน
นวนิยายเรื่องนี้ได้รับการยกย่องจากหลายสถาบัน และได้รับรางวัล ‘Whitbread Prize’ ในหมวดนวนิยาย นอกจากนี้ ยังเป็นหนังสือที่ขายดีที่สุดเล่มหนึ่งทั้งในสหรัฐฯ และยุโรป
แต่ชาวมุสลิมบางส่วนกลับมองว่า หนังสือเล่มนี้โจมตีศาสนาอิสลาม เพราะโสเภณี 2 คนในเรื่องมีชื่อเดียวกับภรรยาของศาสดาโมฮัมเหม็ด นอกจากนี้ชื่อหนังสือยังหมายถึง 2 โองการที่โมฮัมเหม็ดลบออกจากอัลกุรอาน เพราะเขาเชื่อว่า มันได้แรงบันดาลใจจากมาร
อินเดียเป็นชาติแรกที่สั่งแบนหนังสือเล่มนี้ ก่อนที่ปากีสถาน และอีกหลายประเทศมุสลิม และแอฟริกาใต้จะประกาศแบนตามมา นอกจากนี้ยังเกิดการประท้วงตามท้องถนนเป็นวงกว้าง
เดือนมกราคม 1989 ชาวมุสลิมในเมืองแบรดฟอร์ด ทำพิธีเผาหนังสือเล่มดังกล่าว ส่วนที่เมืองในมุมไบ บ้านเกิดของรัชดี มีผู้เสียชีวิต 12 คน จากการก่อจลาจลของชาวมุสลิม ขณะที่ สถานทูตสหราชอาณาจักรในกรุงเตหะรานของอิหร่าน ถูกขว้างด้วยก้อนหิน และยังตั้งค่าหัวรัชดีไว้ถึง 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 105 ล้านบาท
หลังจากเกิดการต่อต้านตัวรัชดีเป็นวงกว้าง เขาและภรรยาต้องอยู่ภายใต้การคุ้มครองของตำรวจ สำนักพิมพ์ ‘Viking Penguin’ ผู้ตีพิมพ์ ก็ได้รับคำขู่ฆ่า ลามไปถึงผู้แปลหนังสือในภาษาต่าง ๆ ก็ไม่วายถูกทำร้ายไปด้วย ผู้แปลเป็นภาษานอร์เวย์ถูกยิง ผู้แปลเป็นภาษาอิตาลีถูกแทง เคราะห์ดีที่ทั้งคู่รอดชีวิต แต่ไม่ใช่กับผู้แปลภาษาญี่ปุ่นที่ถูกกระหน่ำแทงจนเสียชีวิต เมื่อปี 1991
การลอบทำร้ายครั้งล่าสุด
ซัลมาน รัชดี ถูกทำร้าย ทั้งต่อยและแทงเข้าที่ลำคอ ขณะที่กำลังบรรยายอยู่บนเวทีงานวรรณกรรม ที่สถาบันชาทอควา รัฐนิวยอร์ก จนเจ้าตัวทรุดลงกับพื้น ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะนำตัวเขาขึ้นเฮลิคอปเตอร์ส่งโรงพยาบาล
ตำรวจสามารถจับตัวผู้ลอบทำร้ายได้ในที่เกิดเหตุ คือ ฮาดี มาตาร์ อายุ 24 ปี จากเมืองแฟร์วิว รัฐนิวเจอร์ซีย์
ล่าสุดตัวแทนของซัลมาน รัชดี เปิดเผยว่า อาการยังไม่ค่อยดี ตอนนี้ยังต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ พูดไม่ได้ และตับที่ถูกแทงเสียหายอย่างหนัก นอกจากนี้เขาอาจต้องสูญเสียตาอีกข้าง
—————
แปล-เรียบเรียง: ณัฐณิชา นิจผล
ภาพ: Reuters
#TNNWorldNews #EditorsPick #อังกฤษ #ซัลมานรัชดี #นักเขียน #เจาะลึกรอบโลก
https://www.facebook.com/TNNWorld/photos/a.361953458223574/788389605579955/