แฟรงค์ แลมพาร์ด นายใหญ่ของ เอฟเวอร์ตัน ให้สัมภาษณ์ย้อนความบอกว่า เขาไม่ได้รับความเชื่อมั่นและสื่อสารกับทีมผู้บริหารของ เชลซี มากพอ เป็นเหตุให้โดนปลดจากตำแหน่ง

แลมพาร์ด เริ่มงานคุมทีมที่ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ ได้ 1 ฤดูกาล จากนั้นถูก "สิงห์บลูส์" ทีมเก่าสมัยเป็นนักเตะแต่งตั้งเป็นผู้จัดการทีมเมื่อปี 2019

แลมพาร์ด คุมเชลซีปีแรก พร้อมเจอปัญหาถูกแบนการซื้อขาย และการย้ายออกของ เอแด็ง ฮาซาร์ ปีกคนสำคัญ แต่กุนซือวัย 44 ปีก็ทำผลงานเกินคาดพาทีมจบท็อปโฟร์ และได้เข้าชิง เอฟเอ คัพ

อย่างไรก็ตาม หลังจากเสริมทัพอย่างหนักในฤดูกาลต่อมา, ความคาดหวังก็สูงขึ้น และแม้ เชลซี จะออกสตาร์ทได้ดี แต่เมื่อผ่านไปครึ่งฤดูกาลก็ฟอร์มตกจน แลมพาร์ด ถูกสั่งปลดช่วงเดือนมกราคม ปี 2021

แลมพาร์ด ได้งานใหม่ที่ เอฟเวอร์ตัน และเขาก็เปิดใจกับรายการพ็อดแคสต์ของ High Perfomance ถึงช่วงก่อนที่เขาจะโดน เชลซี ปลดว่า

"ช่วงท้ายของผมที่ เชลซี, ผมสูญเสียการสื่อสารกับเหล่าคนสำคัญที่อยู่เหนือกว่าผม ซึ่งผมควรพยายามสื่อสารมากกว่านี้"

"นั่นเป็นหนึ่งในมุมมองของผม, เพราะหลังจากนั้นระยะห่างกลายเป็นปัญหา, แน่นอนว่าไม่ใช่ความผิดผมฝ่ายเดียว, ผมคิดว่าเป็นความรับผิดชอบของทั้งสองฝ่าย เพราะผมคิดว่าผมจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุน"

"คุณต้องทำยังไงถึงมีแผนการระยะยาว? คุณต้องให้การสนับสนุนแม้จะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากบ้าง, นั่นคือความจริงของโลกฟุตบอล

"อย่าลืมว่าช่วงแรกๆ ของ ลิเวอร์พูล ก็พบความยากลำบากเช่นกัน, ปีแรกของ เยอร์เก้น คล็อปป์ หรือ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า... ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ, พวกเขาผ่านช่วงเวลานั้นมาได้ และพวกเขาได้รับความเชื่อมั่น"

"บางทีความเชื่อมั่นอาจมาจากผลงานในอดีต, ผมว่าอาจจะเป็นเพราะที่ เชลซี, ผมไม่มีผลงานยืนยันว่า: 'ผมเคยทำสิ่งนี้ได้', ดังนั้นผมอาจจะไม่ได้รับความเชื่อมั่นเพราะเหตุนี้"

"สิ่งที่ผมเสียดายที่สุดตอนคุม เชลซี คือช่วงที่เราเป็นอันดับ 2 ของลีค จากนั้นเจอความพ่ายแพ้ติดกันเป็นช่วงสั้นๆ ซึ่งทำให้ผมโดนปลดภายในเวลาแค่เดือนเดียว, จากอันดับ 2 ไป อันดับ 9, แพ้ 4 นัดในลีกแล้วผมก็ต้องโบกมือลา"

"แต่ในช่วงเวลานั้นผมพยายามอย่างหนักเพื่อแก้ปัญหาเป็น 100 เรื่อง, และหลังจากผมออกมาผมก็บอกตัวเองว่า 'อย่าตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นอีกนะ, แฟรงค์', คุณต้องเชื่อมั่นในตัวเองเมื่อเจอช่วงเวลาแบบนั้น"

"ผมไม่มีความสุขเลยกับช่วงสัปดาห์ท้ายๆ ที่เชลซี, ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก, แต่เมื่อมองโดยรวมแล้วผมมีความสุขกับงานที่นั่นนะ"

ช่วงก่อนโดนปลดนี่ อาการหนักจริงๆนะ แทคติกโคตรสับสน นักเตะเหมือนไม่เข้าใจแทคติก
เกมรับปล่อบฝั่งตรงข้ามวิ่งสอดสบายใจ เกมรุกต่างคนต่างเล่น นักเตะเล่นเหมือนประชดผู้จัดการทีม ไม่ใีพลิกแพลงอะไร เล่นตามสูตร ขึ้นบอลไปริมเส้น โยนเข้าไปแบบไร้จุดหมาย ทำแบบนั้นซ้ำๆ

จำได้เกมนึง โดนเค้าเจาะทางแบคขวา แบคขวาเข้าประกบ ฝั่งตรงข้ามใช้ตัววิ่งสอด ไม่มีใครตามประกบตัววิ่งสอด เป็นแบบนั้นอยูสามทีติด จนผมสงสัยว่า เฮ้ย แลมป์ทำอะไรอยู่ ทำไมไม่สั่งนักเตะให้ลงมาวิ่งตามตัววิ่งสอด

แล้วการขึ้นเกมจากจอร์ ไม่มีใครขยับลงมารับบอล ภาพติดตาคือ จอร์ขึ้นเกมจากกรอบเขตโทษด้านขวา แล้วหาเพื่อนจ่ายไม่ได้ วนไปวนมาจนถูกแย่ง จอร์ผายมือแบบเซ็งๆ จนตอนนั้นแฟนเชลซีด่าจอร์กันยับ

ผมเดาว่าลูกทีมขาดความเชื่อมันในแลมป์ และอาจจะไม่พอใจ บางอย่าง และแลมป์ก็ไม่ยืดหยุ่นในความคิดตัวเองเกินไป

เอาตรงๆ ถ้าแวร์เนอร์มันเอาฟอร์มตอนไลป์ซิคมาได้ แลมป์อาจไม่โดนปลด แม้แต่ตัวแวร์เนอร์ยังยอมรับ โอกาสมีอย่างเยอะแต่ทำเป็นประตูไม่ได้

โทษตัวเองนั่นแหละ แผนเกมบุกเกมรับดูไม่มีทรงกว่าทูเคิ่ลตอนนี้อีก นักเตะลงไปในสนามยังจ่ายกันเหมือนไม่ได้ซ้อมกันมา ไม่มีเทมเพลตการเล่น ใครอยากทำอะไรทำ เลือกนักเตะก็พลาดอีก นักเตะเล่นพลาดบ่อย แผนต้องบิ้วอัพเกมจากแดนหลังแต่เลือกซูม่าที่เล่นเท้าห่วย ดันทุรังใช้ด้วยนะ มันพลาดครั้งแล้วครั้งอีกก็ใช้ เครดิตที่เฮียได้คือการปั้นเม้า รีส เจมส์ เฮียเหมาะกับทีมระดับกลางไปล่างนั่นแหละตอนนี้ ต้องไปเรียนรู้เทคติคอีกเยอะมากๆ

ในฐานนักเตะแลมพ์คือตำนานคนหนึ่งเลย และในฐานะผจก.ทีมเชลซี สำหรับผมแลมพ์เป็นตำนานเช่นกัน ตำนานรีโมททีวีบิน? เป็นผจก.ทีมคนแรกที่ทำให้ผมตบะแตกขั้นสุดได้ โดยเฉพาะนัดที่เจอกับมวยโลก จำได้ติดตาเลย นัดนั้นโดนเมียด่าทะเลาะกับเมียเพราะเรื่องฟุตบอล

ทำไม Tuchel ถึงใช้นักเตะเดิมแต่ได้ UCL แถมทำ Rudiger เป็นกองหลังตัวท็อปๆได้ด้วย

บอลไม่มีทรงเลยคร้ชป๋า ตั้งแต่เชียร์เชลซีมา มีป๋าแค่คนเดียวที่ทำให้ผมดู แต่ไฮไลท์เชลซีเป็นเดือนๆจนป๋าโดนไล่ออก ผมถึงกลับมาดูสดได้อีกครั้ง

เรื่องสื่อสารอาจเป็นส่วนนึง
แต่ก่อนโดนปลดนี่ฟอร์มทุเรศทุรังสุดๆ

ตอนนั้นเกมรับมีปัญหาจริงๆ เสียประตูแทบจะทุกนัดไม่ว่าจะเล่นดีหรือแย่ แต่สำหรับผจก.ทีม มือใหม่ ผมว่าแลมพ์ก็ทำผลงานได้โอเคมากนะ

ดิ มัทเตโอ้ก็ทำได้นะ

ต้องยอมรับแหละว่าแลมพ์ฝีมือยังไม่เข้าขั้น ปีที่แล้วกับเอฟเวอตันก็ไม่ใช่ว่าดี จะจบฤดูกาลอยู่แล้วยังไปป้วนเปี้ยนอยู่แถวโซนตกชั้นอยู่เลย ถ้าพูดถึงตอนอยู่กับเชลซีช่วงนั้นเกมส์รับเละเทะจริง พยายามจะเซ็ตบอลหน้าประตูตัวเองให้ฝ่ายตรงข้ามขึ้นมาไล่แล้วใช้วิธีวางบอลยาวสวนกลับ แต่โดนจับทางได้ คู่แข่งไล่เพรสจนเราพลาดเองโดนตัดไปยิง เสียประตู แบบนี้ซ้ำๆวนไป แลมพ์ก็ยังไม่ปรับเปลี่ยนแนวทางการเล่น

ต้องออกแหละถูกแล้ว

ถ้าเทียบstatที่ผ่านมาบอร์ดถือว่าให้โอกาสเฮียเยอะสุดแล้วนะ มันไม่มีทรงจริงๆโดนนำทีนี้คือแพ้เลย แก้เกมไม่เป็นหลังรั่ว แถมแกดื้อดันนักเตะที่แกชอบอย่างเดียวส่วนใหญ่เป็นนักเตะอังกฤษ แต่ผลมันก็มีส่วนที่ออกมาดีเช่น เจมส์ เมาท์ พอแลมพ์ออกกลายเป็นเกมรับกลายเป็น1ในทีมที่มีเกมรับดีที่สุดทันที

ผมว่าส่วนน้อยเลยนะ
ต่อให้ยิงได้ แต่กองหลังเล่นแบบก่อนโดนปลด
เสียทุกนัด เจอแมนซิกดทีละสี่ห้าลูก แบบนั้น
ยังไงก็ไม่รอดหรอก พอเปลี่ยนเป็นทูเคิลปุ๊บ ชนะแมนซิสามนัดติดไปเลยแบบนั้น มันเลยทำให้เห็นภาพกว้างๆเลยว่าแลมพาร์ดเป็นโค้ชที่ยังไม่ดีพอสำหรับเชลซีจริงๆ
โดยเฉพาะเรื่องแทคติคการแก้เกมคืออ่อนมากๆ

ผมยังพูดเหมือนเดิมทุกครั้ง คือ แผนของแลมพาตกับเซลซีคือดีและเป็นแผนที่ดูสนุก แต่..มันไม่มีนักเตะรับไหวกับวิธีการเล่นแบบนี้ คือ แผนแลมพาตถ้าใครได้ดูตลอด คือ 15 นาทีแรกกดได้ทุกทีมอะ แต่หลังจากนั้นมันจะวูบไปเลย

เอาง่าย ๆ จอจินโญ่ยุคแลมพาต วิ่งยังกะหมาเลยถ้าใครทำได้ คือวิ่งตามใครเขาก็ไม่ทันแต่ก็ยังต้องสปื่นวิ่ง แผนแลมพาตหลัก ๆ มันคือ ซารี่ อัพเกรดนั้นละ คือเร็วขึ้นสูงขึ้น ขยับทุกตำแหน่งสูงขึ้น

คือยุคซารี่มันมีคำถามว่าทำไมไม่เอาจอลอยสูงกว่าเดิม ทำไมไม่ขึ้นสูงนั้นนี่ เพราะซารี่รู้ว่าถ้าทำจะสภาพเดียวกับแลมพาตนั้นละ คือนักเตะมัน overload มาก ๆ เพราะ กลาง 3 จริง แต่เล่นจริง กลางจะเหลือแค่ 2 เพราะเม้าจะเติมสูงไปแล้ว เพราะงั้นแผนแลมมันต้องใช้กองกลางที่เก่งมาก ๆ เพราะมันต้องทำทุกอย่าง ขึ้นบอล เกมรับ จ่ายบอล วิ่งไม่มีหมด ยิงไกล อะไรพวกนี้ซึ่งมันไม่มีไง

แลมพ์เหมือนคล็อปตอนมาใหม่ๆ ที่แผนยังไม่ลงตัวอะ
รุกสนุก บุกมัน แต่เสียโคตรง่าย ยังไม่สม่ำเสมอ
และช่วงท้ายๆ ก็อาการหนักจริง แกก็ต้องไปแหละ

ถ้าแกชิง FA ได้แชมป์ ก็คงได้อยู่ต่อและทีมเชื่อมั่นแหละนะ แต่พอแพ้ เหมือนความเชื่อมั่นมันก็จบลงละ เอามาขัดทัพก็คือขัดทัพ ทูเคิ่ลว่างพอดีก็จัดซะเลย