คือน้องเราป่วยเป็นโควิด เราก็เลยแนะนำไปนอนฮอสพิเทลมั้ย จะได้ลดความเสี่ยงกันติดเชื้อของคนในบ้าน

แล้วเราก็เป็นไข้ทุกเดือนภูมิต่ำ ไม่แข็งแรงเหมือนคนทั่วไปอีก (ไม่รู้เป็นผลพ่วงจากการทำคีโมเมื่อสองปีที่แล้วมัั้ย)

เราก็เลยแนะนำให้ไปนอนนะกันไว้เผื่อเราจะติด แกก็บอกให้เราไปหาให้น้องสิ

แล้ววันต่อมาพอเราหาให้แล้วแกก็พูดว่าไม่ต้อง รอฟังผลจากหมอ หมอบอกว่าถ้าไม่เป็นอะไรมาก

ก็อยู่บ้านไปอีกอย่างเค้าก็ให้โรคโควิด เป็นโรคท้องถิ่นกันแล้วไม่รุนแรงอะไรหรอก

พอเราได้ยินแบบนี้เราก็บอกว่า อ้าวแล้วถ้าเราติดละ? แกก็บอกว่าก็ไปหาหมอสิ อย่ามาเยอะเลย อย่ามาเกิน

นี้มันบ้านแม่ แล้วก็ว่าเราต่างๆนาๆ หาว่าเราระแวงเกินบ้างละ เยอะบ้างละ คือเหมือนเราผิด

ทั้งที่ตอนแรกก็เป็นคนบอกให้เราไปหาเองแล้วแท้ๆ เราผิดหรอที่หาทางออกเพื่อลดความเสี่ยงอะ

แล้วเราก็ภูมิต่ำ แถมมาบอกว่าโควิดเป็นโรคถิ่น ทั้งที่มีคนตายรายวันเนี่ยนะ

แต่นั้นเราก็ไม่อยากคุยกับแกอีกเลย




ชาว SS คิดว่าไงบ้างหรออะ

พาตัวเราไปอยู่ที่อื่นแทนครับ

ไม่งั้นติดทั้งบ้านแน่นอน

ดูทรงแล้วผมขอตอบตามความเห็นส่วนตัวที่มีข้อมูลตามที่ท่านให้มาเท่านี้นะครับ

ผมขออกความคิดเห็นให้ท่านเจ้าของกระทู้รักตัวเองและระวังตัวเองให้มาก ๆ ให้มากกว่ารักคนในครอบครัวครับ

เพราะถ้าภูมิท่านน้อยตามที่ท่านว่ามา แล้วไม่มีใครระวังให้ท่าน ท่านต้องระวังตัวเองและรักษาสุขภาพให้ดี อยู่ให้ห่างจากทุกคนแม้จะ

เป็นสมาชิกในครอบครัวก็ตาม

ปัญหาคือที่จขมพิมพ์นี่ล่ะ บ้านเขาไม่ใช่บ้านเรา ต่อให้เราจ่ายค่าไฟค่าน้ำในบ้าน สุดท้ายเราไม่สามารถตัดสินใจแทนเจ้าของบ้านได้ ยิ่งเราเป็นลูกนี่ พ่อแม่ยุคก่อนจะมองว่าเราผิดเสมอล่ะ ผมเข้าใจเพราะโดนมากับตัว แก้ไขได้อย่างเดียวคือย้ายออกครับ

ย้ายออกไปชั่วคราวเลยครับ ไปนอนเล่น รร ใช้facilitiesชิลๆ ช่วงนี้ราคาถูกๆเยอะแยะครับ กลัวก็ส่วนนึง ประชดอีกส่วนครับ

จริงๆ น้องท่านควรจะเป็นฝ่ายเสนอตัวนะ หรือถ้าเค้าไม่มีข้อมูล ลองบอกให้เค้าหาข้อมูลดูครับ เพราะไอฮออสพิเทลนี่ ไม่แย่เลยเลยนะ ถ้าผมติดผมจะรีบแยกไปใช้ชีวิตชิลๆอยู่ที่นั่นเลย ให้ตายเถอะะ

หาที่อยู่ที่อื่น สะดวกไหมละครับ เช่าห้องรายวันหรือบ้านญาติบ้านเพื่อน

ถ้าต้องอยู่บ้านจริง ๆ ก็พยายามอยู่แต่ในห้องเข้าห้องน้ำหรือหยิบจับอะไร

ก็เช็ดแอลกอฮอล์ทุกครั้งครับ

ยายเราก็เป็นแบบ จขกท.ว่ามาค่ะ แต่เคสนี่เราใช้ไม้แข็งนะ คือบอกว่าถ้าแกยังดื้อด้าน เป็นแบบนี้ก็ให้หาข้าวกินเอง (อย่าพึ่งดราม่านะ ปกติเราก็ซื้อให้กิน) แกทำอะไรมากไม่ได้ ก็เลยเงียบค่ะ คุณต้องใช้ไม้แข็งบ้าง บางทีพวกพ่อแม่ที่ไม่ฟังต้องเจอไม้แข็งนี่แหละ แต่กรณี จขกท. เราอยากให้ย้ายออกไปก่อนเพื่อลดความเสี่ยงนะคะ

ก็บ้านเขาไม่ใช่บ้านเรา
แก้คนอื่นไม่ได้ก็ ช่วยเหลือตัวเอง

ถ้าฉีดวัคซีนแล้ว

ก็ใส่แมสในบ้าน กินข้าวแยกกับผู้ป่วย

งดใช้ของหรือพื้นที่ร่วมกัน

ไม่เกินสิบวันก็น่าจะหายได้แล้วครับผม

ไปอยู่ที่อื่น เลยฮะ

ปัญหาอยู่ที่ตัวท่านจขม. เพราะงั้นจขม.ควรไปอยู่ที่อื่นชั่วคราวครับ เพราะคนติดโควิดอาการน้อยควรอยู่บ้านถูกแล้ว อาการมันแค่หวัดธรรมดาๆอยู่บ้านประหยัดเงินและดูแลกันง่ายกว่าเยอะ จขม.ไม่ป่วยแต่กลัวติดก็ไปอยู่ข้างนอกชั่วคราวเอาเพราะไม่ต้องรับการดูแลเป็นพิเศษนี่ เรื่องที่โควิดควรทรีตให้มันเป็นหวัดธรรมดาประจำถิ่นก็ถูกต้องแล้วในปัจจุบันนี้ จนเขาจะถอดหน้ากากกันแล้วต้องปรับตัวแล้วครับ

ที่บ้านแม่ยาย
เริ่มจากพ่อตา 2 วันคุณทวด 4 วันแม่ยายกับป้า
ผมกับภรรายาและลูกอยู่บ้านติดกัน ไม่เข้าไปยุ่งเลย

ผมว่า ถ้าไม่มั่นใจ ไม่อยากติด สะดวก ย้ายตัวเองออกไปก่อนดีกว่าครับ

เลี่ยงยาก เดี๋ยวทำท่ารังเกียจ ท่านก็โดนว่าอีก

ปัญหาส่วนใหญ่ของครอบครัวไทยเลยนะครับเรื่อง "ความไม่เข้าใจกันและกัน" ของคนในครอบครัว

ทุกคนมักจะยึดแนวคิดของตัวเองเป็นศูนย์กลางตลอด เอาความสะดวกของตัวเองเป็นที่ตั้ง ผลมันก็เลยออกมาขัดแย้งกันไปมาตลอด

แต่ถามว่าขัดแย้งกันไม่ได้เลยหรอ .. ก็ไม่ใช่เลย มันขัดแย้งกันได้อยู่แล้ว แต่หลังจากขัดแย้งทั้งครอบครัวจะหาคำตอบลงยังไง? ให้มันได้ประโยชน์ที่ดีทั้งหมด ซึ่งสังคมไทยส่วนใหญ่ต่างไม่ค่อยเป็นแบบนี้หรอก เท่าที่เคยฟังหลายคนระบาย

อย่างผมเนี่ย .. ตอนติดโควิดก็อยากกักตัวอยู่บ้านแหละ เพราะดูอาการไม่ได้หลังร้ายแรงอะไร แต่ด้วยความที่คนที่บ้านเป็นผู้สูงอายุและมีโรคประจำตัวอยู่ ก็เลยตัดสินใจอ่ะงั้นออกไปอยู่ hospitel ตามที่แม่ต้องการ แม้ว่าความสะดวกของเรามันจะหายไป แต่มันก็ได้ความสบายใจเรื่องการแพร่เชื้อมากขึ้น มันก็ถือเป็นความรับผิดชอบต่อสังคมต่อครอบครัวเราเช่นกัน

บางครั้งเรื่องพวกนี้อยากให้ทุกคนรับฟังเหตุผลของแต่ละคน แล้วมันชั่งน้ำหนัก มาประกอบรูปร่างดูว่าอะไรต้องทำอย่างไรต่อไปให้ครอบครัวได้สิ่งที่โอเคที่สุด ซึ่งบางครั้งมันคือการเสียสละของเหตุผลของใครบางคนที่น้ำหนักมันน้อยกว่า

ส่วนเรื่องการให้ไปอยู่ที่อื่น บลาๆๆ บางคนปัจจัยมันไม่เอื้อนะครับ สุขภาพ เงินทอง ภาระต่างๆ คิดมันง่ายแต่พอจะทำเนี่ยมันยากอยู่นะ

เราก็คิดเหมือนท่านเด่ะ แต่ก็อย่างว่าแม่ลูกคู่นี้เค้าดูรักกันดีอะ ส่วนเราเหมือนนอกคอก

น้องก็ดูเชื่อฟังแม่ ไม่ฟังอะไรเราเลย แถมเรากับน้องเราปกติไม่ค่อยคุยกันอยู่แล้วด้วยอะ

พอมาเจอเหตุการณ์แบบนี้เราบล็อกไลน์ทิ้งทั้งคู่ ไม่อยากคุยด้วยมากกว่าเดิม

เท่าที่อ่านมา ผมว่าโควิท เป็นเรื่องเล็กน้อยไปเลย ถ้าอ่านและตีความออกมา

ยังไง จขกท ก็เข้มแข็งนะครับ มีอะไรมาระบายใน บอร์ด ss ได้นะครับ หรือถ้าต้องการความช่วยเหลือ ผมเห็นในนี้ หลายๆเคส พร้อมช่วยเหลือนะครับ ไม่ต้องว่าเรื่องโควิทนะ ทุกๆเรื่องเพื่อนๆสมาชิกในนี้พร้อมช่วยเสมอนะครับ