คืองานที่ผมรับผิดชอบ มีหลายภารกิจ หลายหน้าที่ หนึ่งในนั้นคือการรับเรื่องร้องเรียน และส่งต่อหน่วยงานภายในให้ชี้แจง

สังเกตว่าในระยะหลังๆเนี่ย บางเคสคือฟ้องคดีต่อศาลยุติธรรมแล้วแพ้ ฟ้องหน่วยงานต่อศาลปกครองแล้วแพ้
แล้วก็ร้องเรียนเนี่ย เขาก็ร้องไปหลายหน่วยงาน แต่ร้องไม่พร้อมกันนะ เช่น ร้องศูนย์ดำรงธรรม ร้องปปช ปปท ร้องผู้ตรวจการแผ่นดิน ร้องกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎร ทูลเกล้าฯถวายฎีกา

ซึ่งผมก็จะรับเรื่องแล้วส่งต่อตามหน้าที่ แล้วเรียบเรียงข้อมูลส่งหน่วยงานนั้นอีกที

ทีนี้รู้สึกว่าบางทีมันก็เสียเวลาในการทำงานอื่นเหมือนกัน แล้วบางทีพวกนี้เขาก็ให้สื่อมากดดันอีก

ในความรู้สึกท่าน คิดยังไงกับเรื่องนี้ครับ

ปล่อยให้ร้องไปครับ ไงก็แพ้

คนที่แพ้ก็ต้องดูแลตัวเอง

เคยเจอแจ้งตำรวจและนักข่าวช่างหลากสี ว่าทำโครงการโดยที่เขาไม่ได้ยินยอม จนทางกรมต้องทำหนังสือชี้แจ้งกับทางสำนักข่าว

พอมาพูดถึงการร้องเรียนผมว่าเป็นปัญหาทั้งในแง่ของการพัฒนาโครงการของรัฐในประเทศเราเลย

ลองคิดดูว่า หากรัฐมีโครงการพัฒนาพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง นั่นหมายความว่ามีถึงทุกคนทั้งเมืองจะได้ประโยชน์จากโครงการพัฒนาบริเวณนั้น แต่ก็ย่อมมีคนที่ต้องเสียประโยชน์คู่กันไปด้วย ซึ่งบางทีการชดเชยก็ไม่สมเหตุสมผลกับความต้องการของเขา หรือเขาแค่ได้ประโยชน์น้อยเฉยๆ ก็เกิดเรื่องร้องเรียน ฟ้องร้องอย่างที่ท่านกล่าวมาอีกตามเคย ถึงสุดท้ายจะแพ้ไป

แต่ก็อย่าที่ท่านบอก คนที่อยู่ในหน่วยงานราชการหรือคนที่ต้องมาทำงานตรงนั้น รู้สึดว่าโคตรหงุดหงิดและเสียเวลากับเรื่องพวกนี้เลย

ผลที่ตามมาอีกอย่างก็คือ เจ้าหน้าที่รัฐไม่ค่อยอยากจะทำโครงการหรือพัฒนาโครงการที่เป็นประโยชน์กับประชาชน รอรับนโยบายของผู้ใหญ่อย่างเดียว หรืออยู่ไปวันๆไม่คิดจะทำอะไร เพื่อเลี่ยงปัญหาการฟ้องร้องเนี่ยแหละ

เนี่ยคนในหน่วยงานผมเลยเป็นแบบนี้หลายคนเลย
ไม่ทำอะไรที่สุ่มเสี่ยง หรือแทบไม่ทำอะไรเลย
เพราะไม่อยากถูกร้องเรียนแบบนี้ ทั้งที่เราชนะ ทำถูกทุกอย่าง เพราะแค่มีชื่อบนสื่อ หรือถูกร้องเรียนบ่อยๆ ก็เสียหายละ

อันนี้ผมว่าเป็น mindset ที่แย่มากๆของราชการไทยเลยครับ เพราะหน่วยงานของรัฐจะถูกร้องเรียนมันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว เพราะมนุษย์ทุกคนย่อมอยากปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง เค้าก็ใช้สิทธิ์ที่เค้าพึงมีอย่างเต็มที่เท่าที่เค้าจะทำได้ ถ้าเค้าแพ้เค้าก็เสียเวลาของเค้าด้วยเช่นกัน ไม่ใช่แค่หน่วยงานรัฐหรอก

ซึ่งถ้ามองย้อนไป เราก็ต้องถามด้วยเช่นกันว่าการกระทำของหน่วยงานรัฐนั้นเหมาะสมหรือไม่ การชดเชยเหมาะสมหรือไม่ โครงการของรัฐหรือการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐทำไปด้วยความโปร่งใสหรือไม่ ฯลฯ ซึ่งผมมองว่า นั่นก็เป็นหน้าที่นึงของหน่วยงานรัฐเช่นกันครับ

ไม่รู้สิ ผมมองไปถึง culture ฝั่งเมกาที่เกิดการฟ้องร้องบ่อยมาก หรือกระทั่งในยุโรปเช่นสวิสหรือฝรั่งเศส พวกนี้ก็ร้องเรียนหน่วยงานรัฐกันบ่อยๆเช่นกัน (แค่อยากจะเปลี่ยนชื่อเมืองก็ยังรวมตัวกันเรียกร้องได้ หรือกระทั่งปรับวัน/เวลาเก็บขยะก็ทำได้หมด) หรือกระทั่งที่เค้ามองว่ารัฐไม่โปร่งใส ก็ร้องเรียนหมดแม่มทุกอย่าง 555 ฉะนั้น ผมว่ามันไม่ผิดนะ ผมว่าราชการไทยนั่นแหล่ะ ที่ต้องปรับตัวครับ

เคยโดนร้องให้ช่วยเรื่องรุกที่หลวง รุกมาเป็นสิบปี พอโดนฟ้องขับไล่คดีเสร็จแล้วยังมาร้องอีก

ประโยคสุดท้ายของท่านตอบทุกๆอย่างของปัญหาในระบบราชการ(แบบไทยๆ)
กม.ให้อำนาจเจ้าหน้าที่รัฐ​เพื่อเข้ามาทำหน้าที่ตรงนั้น​ การดำเนินโครงการที่ไม่โปร่งใสของรัฐหลายๆโครงการแค่ออกมาชี้แจงแบบขอไปทีแล้วปล่อยเบลอ​ สุดท้ายหลุดเฉยเลย(​อย่างงี้ก็ได้หรอ)5555 ​เหมือนที่เห็นในข่าวต่างๆ​ แบบนี้ยังต้องกลัวและยกมาอ้างแล้วไม่อยากทำโครงการที่จะเกิดประโยชน์ต่อสาธารณะ​ mindset ของเจ้าหน้าที่รัฐแย่สุดๆ​ ถ้าอยากเห็นการทำงานในระบบราชการที่ดีขึ้นและถ้าต้องแก้ก็ต้องตรงนี้ก่อนเลย

เจ้าหน้าที่รัฐเสียแค่เวลายังได้เงินเดือน ประชาชนเสียทั้งเวลาเสียทั้งเงินนะครับ

คือมันก็เป็นประเด็นเดิมกับที่เขาเคยฟ้องต่อศาลไปน่ะครับ

ก็เลยไม่เข้าใจว่าจะยื้อให้เสียเวลากันทำไม