เป็นหลักสูตรเรียน 4 ปี

ละอีก 1 ปี ให้ไปฝึกงานเต็มตัว เรียนรู้ภาคปฏิบัติให้คล่อง

ในระหว่างนั้นให้ทำ Project จบไปด้วย

หรือ หลักสูตรเรียน 4 ปี ฝึกงานครึ่งปี อีกครึ่งปีทำ project จบ

เพราะผมมองว่าฝึกงาน 3 เดือน ได้วิชาชีพจากการปฏิบัติจริงน้อยยังไม่เต็มที่เท่าไร

ปล ปัจจุบันการฝึกงาน คือ ช่วงซัมเมอร์ประมาณ 3 เดือน ของมหาลัยผมนะเมื่อ 7-8 ปีก่อน

5 ปีก็มีบางคณะนะครับ อย่าง คณะสถาปัตย์เทอมสุดท้ายนี่ Thesis ล้วนๆเลยครับ

แต่ผมว่า ฝึกงาน ถ้า บ.ไหนไม่ใช้งานเด็กเพราะเห็นเป็นเด็กฝึกงาน 3เดือน 6 เดือน หรือ 1ปี มันก็มีค่าเท่ากันอะ เท่าเดิมดีละครับ เปลืองตังค่าเทอม ค่าเหล้า ค่าเบียร์อีก 55555

เรื่องฝึกงาน บางบริษัทก็มีช่วงทดลองอยู่ล่ะ ฝึกที่มหาลัยไปหน ต้องมาฝึกกับบริษัทอีกหรอ

ฝึกงานนานไปก็ไม่ดีนะ เพราะงานบางที่ให้ทำไม่ใกล้เคียงของจริงเลย และบางครั้งก็เอาไปใช้จริงๆไม่ได้ เพราะสุดท้ายก็ไปสมัครที่อื่น ทำงานแบบอื่นแล้วก็ปรับตัวใหม่

ผมคิดว่าเป้าหมายการฝึกงาน ควรเป็นเรื่องของการเข้าสังคม การปรับตัวจากนักศึกษาเป็นคนทำงาน

ส่วนบางสาขาที่จำเป็นต้องเรียนรู้งาน แบบหมอจะเป็นอีกเรื่อง เพราะถ้าคุณจบหมอ ส่วนมากก็ไปต่อที่ รพ อยู่แล้ว

คิดต่าง เพิ่ม Intensity ดีกว่า
หลักสูตร Inter / จ้างไปคว้าตัวอาจารย์ต่างชาติเก่งๆมา เพิ่มอีก
เพิ่มความเคี่ยวของการวัดผลประเมินผลอีกมากๆ /ความเข้มข้นหลักสูตร อีก โดยเฉพาะวันหยุดนักขัตฤกษ์ ในมหาลัยไทยควรน้อยลงกว่านี้ อันนี้เอะอะหยุด เอะอะหยุด บางทีสอบไงก็ผ่าน บางคณะนักศึกษาทำงานส่งงานชุยๆ ก็ผ่าน สอบก็ไม่ต้องเตรียมตัวก็ผ่านแล้ว จะมีบางคณะบางมหาลัยไทยที่ยังมีมาตราญานดี

อันนี้เห็นด้วยเลยครับ ฝึกงานอาจจะไม่ได้ทำงานจริงๆเท่าไร แต่สิ่งที่เด็กได้แน่ๆคือบรรยากาศการทำงาน การเข้าสังคม ทีนี้หลังฝึกงานพวกเขาจะได้ไอเดียมากขึ้นว่าอยากทำงานอะไรหรืออาจจะอยากจะไปเรียนต่อก็ได้

จริงๆอย่างปัจจุบันสายวิศวะก้มีหลักสูตรพวกสหกิจอยู่นะ

อย่างผมตอนเรียน ป.ตรี ก้ฝึกงานเต็มๆ 6 เดือน และหาหัวข้อโปรเจคในโรงงาน ทำโปรเจคไปด้วย ส่วนอีก 6 เดือนหลังเน้นโปรเจคกับลงวิชาเรียนนิดหน่อย

ไปๆมาๆระหว่างโรงงานกับมหาวิทยาลัย

ไม่ดีครับ เปลืองเงินเปลืองเวลา ฝึกงานก็เท่านั้นแหละมั้ง เคยถามพวกมาฝึกงานก็ไม่เห็นมีใครบอกชอบเลย บอกระเบียบเยอะ ได้เงินน้อย สู้ไปเรียนดีกว่า จบเร็วไปทำงานเร็วจะดีกว่า.

ฝึกงานด้วยโปรเจคด้วย เด็กตายครับ
งานสองทาง overload อาจจะได้เห็นเด็กดรอปเละเทะก็เป็นได้

ผมเข้าใจไอเดียนะ ว่าต้องการรีด performance นักศึกษา (เหมือนบอล pressing) แต่คำถามหลักๆคือปรับทำไมครับ

ถ้าผมจำไม่ผิด คณะที่มีหลักสูตร 4 ปีจะมีหน่วยกิตขั้นต่ำราวๆ 140 หน่วย ส่วนคณะที่มีหลักสูตร 5 ปีจะมีหน่วยกิตขั้นต่ำราวๆ 180 หน่วย คำถามคืออีก 40 หน่วยกิตจะเรียนอะไรกันครับ ตีไปเลยว่าวิชาละ 3 หน่วย ตก 12-13 วิชา และดีไม่ดีบางวิชาที่เป็น special topic อาจารย์เองยังต้องมานั่งเรียนอยู่เลย

อย่างสาขาอย่างวิศวะก็มี 2 แบบคือ ฝึกงาน+Free Elective+Project = 9 หน่วยกิตกับ Coop (สหกิจศึกษา) = 9 หน่วยกิต อยู่แล้ว ถ้าเทียบกับสถาปัตย์ที่ปี 5 ทำ thesis ทั้งปี ประเด็นคือ "เนื้อหาของวิศวะมันกว้างเท่าของสถาปัตย์เหรอครับ" เพราะฝั่งสถาปัตย์มันทำกันตั้งแต่ออกแบบแนวไหน โมเดิร์น เรเนซอง ไหนจะกฏหมายอาคาร กฏหมายท้องถิ่น ระบบ landscape interior ลม แดด แล้วก็มีเรื่องความสุนทรีย์อีก ถ้าจะทำ thesis แบบทั้งปีมันก็ต้องมองถึงสเกลงาน ระดับความยากง่ายด้วย

จริงๆเรื่อง coop นี่ผมมองเหมือนดาบ 2 คมนะครับ เพราะเด็กที่ไปทำ coop ก็ต้องทำ project ของที่นั่นเพื่อมา present อาจารย์เหมือนกัน ซึ่งไม่ได้ต่างจาก Project โดยตรงเลย อาจจะสบายอาจารย์กว่าด้วยซ้ำที่ไม่ต้องคิด topic ของ project บ่อยๆ

4 ปีเหมือนเดิมแหละดีแล้ว
ลงวิชาดีๆก็ 3 ปีครึ่งจบ
อยากฝึกงานเยอะก็ลงได้ตั้งแต่ปี 2 กับปี 3 ก็ได้

จริงๆปรับได้นะครับ หลายประเทศในยุโรปก็เป็น 5 ปี โดยเป็นการฝึกงานหรือทำงานจริงๆไปเลยหนึ่งปีครับ (ช่วงปี 4) แล้วปี 5 คือ thesis หรือว่าจะเป็น post-internship project ก็ได้ครับ หรืออย่างฝรั่งเศสก็เป็น BAC+3 (เรียนมหาลัยสามปี) หรือ BAC+5 (มหาลัย 5 ปี) ขึ้นอยู่กับสาขาที่เรียนครับ คือมันปรับกันได้หมดแหล่ะครับ

ปล. เอาจริงๆ ผมว่าประเทศไทยควรจะลดความสำคัญของใบปริญญาลงและไปให้ความสำคัญกับสายวิชาชีพให้มากกว่านี้มากกว่าด้วยซ้ำ อย่างเยอรมันนี่สายวิชาชีพ สายอาชีวะนี่จบพวก tech school กันเยอะแยะ รายได้ก็ไม่ได้น้อยเลยครับ

เค้าเรียนกัน4ปี ผมเรียน8ปี

ดีครับ

ผมก็คิด

โดยเฉพาะคณะเรียนยยากๆ หรืออาชีพที่ขาดแคลนแต่จำเป็นต่อประเทศ
เช่น หมอ ที่ว่าเรียนกันยากๆ ก็ขยายเวลาเรียนไปสิ จาก 6 ปี เป็น 8 ปี ก็ได้

ใครเรียน 6 ปีไหว ก็ 6 ปี
ใครไม่ไหวก็ 8 ปี ทำให้เป็นเรื่องปกติไป

ดีกว่าหมอไม่พอแบบที่เป็นอยู่

จริงที่บางท่านบอก ฝึกงานบางที่แทบไม่มีอะไรให้ทำ บางทีโดนใช้ไปซื้อนู่นซื้อนี่ ถ้าต้องฝึกเป็นปีเสียเวลาตาย

เปลี่ยนจาก วิตัย เป็นทำ start up ดีกว่าไหม