ก่อนคิดจะไปเจาะภาคนี้ เราต้องรวบรวมเสียงภาคกลางให้มันได้ก่อน ตามประวัติศาสตร์การเลือกตั้งมันน่าจะบ่งบอกอะไรได้หลายอย่างถ้าใครติดตามว่า ภาคใต้ มีแค่เลือกตั้งสมัยปรีดีที่สามารถกวาดชัยชนะภาคใต้มาได้ หลังจากกำเนิดประชาธิปปัตย์ในสมัย ควง อภัยวงศ์ คนภาคใต้ก็ไม่เคยเลือกพรรคอื่นอีกเลย นั้นแสดงว่า ฐานเสียงภาคใต้มันแน่นหนาขนาดไหน เขาเลือกกันมาจะ 70 - 80 ปีแล้วนะครับ ไม่ใช่ปี 2 ปี ไอ่เราเพิ่งตั้งพรรคไม่ถึง 2 ปี ฝันหวานไปหน่อยว่าจะได้เสียงตีคู่กับพรรคประชาธิปัตย์

อุดมการณ์ประชาธิปไตยมันต้องสู้ระยะยาว ของเราเมื่อเทียบแม้แต่เมียนม่าร์ ของเราเพิ่งตั้งไข่ด้วยซ้ำในการเรียกประชาธิปไตยที่แท้จริง ที่ไปถึงต้นตอปัญหา คุณจะให้เปลี่ยนทันทีเหมือนเปลี่ยนผ้าอ้อม มันเป็นไปไม่ได้ เมียนม่าร์กว่าจะทำให้ประชาชนคิดในหลักการประชาธิปไตย เขาใช้เวลา 30 ปีนะครับ กว่าจะทำได้ และขนาดทำได้ก็ยังเปลี่ยนไม่ได้เลย เพราะของเมียนม่าร์ขาดมือดีลกับประชาคมโลกให้มาสนับสนุนพวกเขา ด้วยแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ ขาดคนสนับสนุนกำลังทหาร (ขนาดเขามีกำลังทหารเป็นของตัวเองแล้วนะ)

ตอนนี้สิ่งสำคัญ คือ ปลูกฝังคนรุ่นใหม่ให้มีความคิดประชาธิปไตย อย่าไปหวังเปลี่ยนคนรุ่นเก่า เพื่อรอให้สังคมไทยออกจากสังคมวัยชราตอนนี้ก่อน เพื่อลดสัดส่วนคนที่ไม่ยืนในหลักการประชาธิปไตยลดลงเมื่อเวลาผ่านไปแต่ละรุ่นครับ จนมีประชากรรุ่นใหม่ยืนข้างประชาธิปไตยมากพอแล้วค่อยคิดจะขยับทำอะไรที่กระเพื่อมความเปลี่ยนแปลง ของพวกนี้มันต้องใช้เวลา ตามที่บอกเราพึ่งเรียกร้องประชาธิปไตยจริงๆสักกี่ปีเองครับ ไม่ต้องสมัย 14 ตุลานะครับ สมัยนั้นยังเรียกร้องเปลี่ยนรัฐบาลซึ่งมันยังไม่ใช่เรียกร้องประชาธิปไตย เพราะไปไม่ถึงต้นตอปัญหา

ผมว่าคนรุ่นใหม่ก็รู้แหละว่าประชาธิปไตยแบบประเทศที่เจริญแล้วในมุมมองคนไทยส่วนใหญ่มันเข้าใจยาก เพราะคนไทยคุ้นเคยกับประชาธิปไตยแบบเพี้ยนๆ มานาน อยู่ดีๆจะให้เข้าใจได้ในระยะเวลาอันสั้นคงจะยาก

จริงๆ แล้วเรายังไม่ต้องกังวลเรื่องความเข้าใจในตัวประชาธิปไตยของประชาชนด้วยซ้ำ เอารัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยให้ได้ก่อนดีกว่า ทุกวันนี้ถ้าใครเปิดอ่านรัดนูนก็จะรู้ว่ามันมีหลายๆระบอบผสมพันธุ์กันอยู่ในนั้นด้วยรัดนูนแบบนี้มันจะไปสู่ประชาธิปไตยแบบประเทศที่เจริญแล้วได้ยังไง

ประชาธิปไตยที่ไร้การเรียนรู้ ปากบอกประชาธิปไตย แต่เลือกตั้งทีไรก็ได้แต่คนเดิม ที่ไม่เคยพัฒนาอะไร นอกจากความรวยของตัวเอง

กินปลาไม่ช่วยไรเลย

ท่านก็น่าจะกินปลาให้เยอะกว่านี้นะ

1."เมียนม่าร์กว่าจะทำให้ประชาชนคิดในหลักการประชาธิปไตย เขาใช้เวลา 30 ปีนะครับ"
>> เมียนม่าร์ ไม่มีสถาบันกษัตรย์ มีทหารในฐานะ The Guardian เป็นผู้พิทักษ์ปกครอง ปกป้องรัฐตลอดอดีตมีการปรับตัว เนื่องจากไม่มี King อำนาจทหารจึงอยู่สูงสุดมีการใส่ทหารเข้าอยู่ในโครงสร้างการปกครองต่างๆ ในรธน ก็ให้สัดส่วนทหาร ซึ่งเมียนม่าร์ไม่ได้ส่งเสริมให้ประชาชนคิดในหลักการประชาธิปไตยนั่นเป็นผลพวงมากกว่า ซึ่งคนที่มีความเป็นประชาธิปไตยก็ยังคงน้อย การเรียนก็ปลูกฝังให้ท่องจำ ในข้อสอบต่าง ไม่แปลกที่ทักษะคนหนุ่มสาวจะมีทักษะการคิดแบบมีเหตุผลน้อย เพราะเติบโตมากับการปลูกฝั่งให้ท่องจำจากประสบการณ์เข้าไปสัมผัสและได้พูดคุยกับ นศ. พม่าแลกเปลี่ยนพูดคุย


2."ปลูกฝังคนรุ่นใหม่ให้มีความคิดประชาธิปไตย อย่าไปหวังเปลี่ยนคนรุ่นเก่า "
>> ต้องถามใครปลูกฝัง เป็นเรื่องนามธรรมสุดๆ ต้องอย่างลืมชนชั้นนำที่กุมอำนาจในสังคม ใครจะมาส่งเสริมด้านประชาธิปไตย แต่ที่ต้องทำเพราะต้องทำตามกระแสโลกที่เปลี่ยนไปงั้นๆ จะได้ดูเหมือนเป็นประชาธิปไตย ส่วนใหญ่ คนมีอำนาจ Elite นั้นก็มีแต่ส่งเสริมเรื่องสถาบันหลักๆ ของตัวเองทั้งงั้นที่เรียกว่า ครองอำนาจ-Hegemony ทั้ง King/ศาสนา หรือ ความรักชาติ เป็นต้น จะเห็นในอุดมการณ์ชาติ ผ่านนโยบาย ยุทธศาสตร์ชาติ แทรกซึมเข้ามาผ่าน สถาบันการศึกษา สื่อมวลชน โฆษณาและในวิถิชีวิตประจำวัน สอนให้คนอยู่อย่างเฉื่อยๆ ผ่านการขัดเกลาในสังคมให้คิดอ่านแบบเดียวกันและบีบรัด โดยรัฐที่ข้าราชการเป็นใหญ่

ดังนั้น คุณจะปลูกฝังคนรุ่นใหม่ให้มีความคิดประชาธิปไตย คุณต้องมีอำนาจ หรือกุมอำนาจในสังคมให้ได้ก่อน ประชาชนยังไม่ได้มีอำนาจในสังคมที่จะไปเรียกร้องต่อสู้อะไรเลย

การที่เรามีความคิดอ่าน เป็นสากลในคนหนุ่มสาสมัยนั้นมีเป็นแค่ผลพลอยได้จากกระแสโลก กระแสทุนนิยม (ที่จะสร้างมหาลัยเพื่อผลิต แรงงาน ที่มีความรู้ป้อนตลาดที่่ทุนนิยมเข้ามา จึงต้องมีการพัฒนาการศึกษาเป็นผลพลอยด้ายที่ ชนขั้นนำไม่ได้ยากให้คนมีความรู้จริงๆ รวมถึงเทคโนโลยีการสื่อสารที่ทันสมัย รวดเร็ว และการ Hegemony ที่อดีตมีช่องทางเดียว ทำให้คนรุ่นเก่าๆ คิดอ่านเหมือนกันและอินไปกับเรื่องที่ ปลุกฝังอุดมการณ์นั้น ที่อยากให้เชื่อ รู้สึกราวเหมือนจริง แต่คนหนุ่มสาวในยุคปัจจุบันแตกต่างไป เพราะ Hegemony ขาดประสิทธิภาพ เพราะช่องทางที่จะ Hegemony ทำไม่ได้ง่ายเหมือนอดีตและขาดประสิทธิ์ภาพ

3> สุดท้ายต้องย้อนคำถามกลับไปว่า "เรา" หมายถึงใคร กลุ่มไหน แล้วเราที่ เราคิดจะคิดเหมือนกับเราไหมจริงไหม? คนในสังคมมีมากมายเช่น สลิ่ม สามกีบ คนทั่วไป คนไม่สนใจการเมือง นายทุน พ่อค้า บลาๆ ซึ่งอาจจะไม่ได้คิดแบบเราก็ก็ได้ หมายถึงใช้ชีวิตไปวันๆ เลือกคนจากนโยบายหรือได้ประโยชน์ เราจะบอกว่า "เรา" คือกลุ่มคนส่วนใหญ่ในสังคมที่ต้องการให้ เป็นประชาธิปไตย ให้พรรคเป็นประชาธอปไตยชนะ คิดว่ากลุ่มคนส่วนใหญ่คิดแบบเดียวกันไหม ซึ่งแน่นอนว่าตอนนี้ยังไม่มี ต้องยอมรับว่า "เรา" ในหัวกระทู้นี้ เป็นเพียงแค่ คนกลุ่มเล็ก ที่ยังไม่มีพลังอำนาจในตอนนี้ ที่เพิ่งแค่กำลังเติบโต

แน่นอนว่าต้องใช้เวลา การเปลี่ยนผ่านอยู่แล้ว อย่างน้อยๆ 10-50ปี+

อีกปัญหานึงคือชาวบ้านนิยมขายเสียง อันนี้ภาคไหนก็เป็น เป็นแล้วอุดมการณ์ดียังไงก็แพ้หมด ต้องหยุดค่านิยมชาวบ้านเรื่องนี้ด้วย

อันนี้พูดรวมๆเลยนะไม่เจาะจงพรรคไหน ตราบใดที่ระบบยังเปิดช่องให้มีการซื้อเสียง ประเทศนี้ก็ไม่มีทางไปไหนได้ ไม่มีทางเป็นประชาธิปไตยเต็มใบได้ เลือกตั้งทีเเต่ล่ะพรรคก็อัดเงินกันเข้าไป ชาวบ้านได้เงินก็เฮๆๆดีใจ เเล้วพรรคมันก็ไปเอาทุนคืนตอนเข้าไปอยู่ในสภา

พอจะด่าก็จะมาบอกว่าไปเหยียดชาวบ้านอีก เห็นคนไม่เท่ากันอีก ก็มันเรื่องจริงทั้งนั้นทำเป็นไม่ยอมรับ เเค่รับเงินให้มากามันก็ผิดตั้งเเต่เเรกเเล้วผิดกฏหมายเเล้ว จะมาอ้างรับเงินหมาเเต่ก็กาอีกเบอร์มันไม่ใช่อ่ะ

ถ้ายังเเก้ตรงนี้ไม่ได้ หน่วยงานที่ตรวจสอบก็เกียร์ว่าง ประเทศมันก็ไม่มีทางไปไหนได้ ประชาธิปไตยก็มีเเต่จะถดถอย

ที่จริงการซื้อเสียงมันมีมาตลอดนั่นแหล่ะ แต่ก็ได้ผลน้อยลงสมัยไทยรักไทยไง เพราะสมัยนั้นประชาชนเห็นด้วยตาตัวเองจริงๆ

ว่ารัฐบาลทำงานเพื่อประชาชนจริงๆเป็นยังไง

ประชาธิปไตยกำลังหยั่งราก แต่ก็โดนคนไทยกลุ่มหนึ่งที่จัญไรหน้าด้านล้มกระบวนการ ตัดรากถอนโดนประชาธิปไตยในประเทศ

ทำให้เผด็จการเรืองอำนาจ ทุกวันนี้ถึงได้มาก่นด่าเรื่องการซื้อสิทธิ์ขายเสียงกันนี่ไง

ผมแปลกใจที่รอบนี้เดือดกันขนาดนี้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ดูชิวๆกัน

ไม่พูดถึงการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้นะครับ คอยดูเลือกตั้งสมัยหน้าพวกที่พอใจกับผลงานประชานิยมคนละครึ่งเอยแจก 5,000 เอยผมเชื่อว่าเลือก พปชร หมด

ไม่เห็นด้วยอย่างเดียวที่ว่าซื้อเสียงได้ผลน้อย การซื้อได้ผลดีมาตลอดไม่ว่าจะยุคไหนไม่ว่าจะเลือกตั้งระดับไหน ถ้าได้ผลน้อยมันคงเลิกซื้อกันไปแล้ว เพียงแค่ยุคก่อนๆมันยังดูมีการตรวจสอบมีการตื่นตัว
เลือกตั้งแต่ล่ะรอบใช้เงินโคตรเยอะ ใครซวยแพ้ก็ต้องไปหาเงินใช้หนี้ ส่วนผู้ชนะทั้งคืนทุนทั้งกำไร

เดี๋ยวเจอบุรัรัมย์ 555

พูดถึงก็โดนหาว่าเหมารวมอีก

ก็อยู่กับพรรคนี้ต่อไปละกัน

ผมคนใต้นะ งงคนที่โกรธเพราะโดนเหมารวมอยู่เหมือนกัน

ก็ความจริงมันเป็นแบบนั้นอ่ะ ตอนยุค กปปส นี้เป่านกหวีดกันตรึม

เลือกตั้งมาโกงวอดวายก็ยังเข้าข้าง อวยไม่เลิก เลือกตั้งท้องถิ่นก็ตะบี้ตะบันเลือกกันเข้าไป

จำได้เลยช่วงเลือกตั้งใหญ่มาร์คหาเสียงไม่เอาตู่ ก็หนีไปเลือกพรรคสุเทพกับพรรค พปชร

แล้วจะไม่ให้เขาเหมารวมได้ไง ผลเลือกตั้งออกหน้านี้ทุกที