ซิโนแวคมั่นใจสามารถผลิตวัคซีนมาสู้กับไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน
ซิโนแวคมั่นใจสามารถผลิตวัคซีนมาสู้กับไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนได้ในเวลาอันรวดเร็ว หากมีหลักฐานบ่งชี้ว่าจะเป็นต้องพัฒนาวัคซีนตัวใหม่
วันที่ 29 พ.ย. 2564 เว็บไซต์เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์รายงานว่า บริษัทซิโนแวค ผู้ผลิตวัคซีนสัญชาติจีน ออกมาเปิดเผยว่า ทางบริษัทมีความมั่นใจว่าจะสามารถผลิตวัคซีนสู้ไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์ตัวล่าสุด สายพันธุ์โอไมครอน ซึ่งกำลังแพร่ระบาดในทวีปแอฟริกา และแพร่กระจายไปยังหลายประเทศทั่วโลกแล้วในขณะนี้ ได้ปริมาณมากในเวลาอันรวดเร็ว หากมีความจำเป็น แต่ต้องได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานด้านกฎระเบียบก่อน และมีหลักฐานบ่งชี้ว่ามีความจำเป็นต้องพัฒนาวัคซีนตัวใหม่เพื่อมาสู้กับเชื้อดังกล่าว
ซิโนแวคเผยว่า “เทคโนโลยีและการผลิตวัคซีนป้องกันไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนนี้เหมือนกันกับสายพันธุ์ดังเดิม เราจึงสามารถเตรียมวัคซีนเพื่อทำการวิจัยได้อย่างรวดเร็วหลังจากที่มีการคัดแยกสายพันธุ์ออกมาแล้ว ดังนั้นการผลิตวัคซีนตัวใหม่จึงไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด”
อย่างไรก็ตาม ซิโนแวคระบุว่า การจะผลิตวัคซีนตัวใหม่ขึ้นมานั้น จำเป็นต้องมีการศึกษารายละเอียดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนก่อน และต้องได้รับการอนุมัติให้ผลิตตามข้อกำหนดด้านกฎระเบียบ ซึ่งตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่ามีความเป็นต้องพัฒนาหรือผลิตวัคซีนตัวใหม่เพื่อมาสู้กับไวรัสสายพันธุ์นี้
ซิโนแวคเปิดเผยต่อไปว่า บริษัทกำลังติดตามการศึกษาเรื่องไวรัสสายพันธุ์ใหม่อย่างใกล้ชิด รวมถึงการเก็บรวบรวมตัวอย่างจากตัวแปรต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนผ่านเครือข่ายพันธมิตรทั่วโลก เพื่อพิจารณาว่ามีความจำเป็นต้องพัฒนาวัคซีนตัวใหม่ขึ้นมาหรือไม่
ผู้ผลิตวัคซีนสัญชาติจีนยืนยันว่า “หากจำเป็น เราจะสามารถพัฒนาและเดินหน้าผลิตวัคซีนตัวใหม่ได้อย่างรวดเร็ว เพื่อตอบสนองความต้องการทั่วโลก”
นอกจากซิโนแวคแล้ว ผู้ผลิตวัคซีนทั่วโลกต่างก็ออกมาเคลื่อนไหว หลังพบการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนที่พบครั้งแรกในทวีปแอฟริกา
ก่อนหน้านี้บริษัทไฟเซอร์และไบโอเอนเทคได้ออกมาประกาศว่า กำลังเตรียมปรับสูตรวัคซีนตัวใหม่เพื่อต่อสู้กับเชื้อโควิดกลายพันธุ์ สายพันธ์ุล่าสุดนี้ เช่นเดียวกับบริษัทโมเดอร์นา ที่มีแผนเตรียมทดลองวัคซีนเข็มกระตุ้น เพื่อต่อสู้กับเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน หากวัคซีนที่ใช้อยู่ในเวลานี้ไม่มีประสิทธิภาพมากพอ โดยคาดว่าจะสามารถผลิตวัคซีนตัวใหม่ได้ต้นปีหน้า
cc: WorkpointTODAY