7 เหตุผลว่าทำไมลิเวอร์พูลจึงมีตลาดซื้อขายนักเตะที่เงียบเหงา
ผู้อำนวยการฝ่ายการวิจัยของลิเวอร์พูลใบ้เป็นนัยถึง 7 เหตุผลว่าทำไมลิเวอร์พูลจึงมีตลาดซื้อขายนักเตะที่เงียบเหงา
"ครึ่งนึงของการซื้อขายล้มเหลวครับ"
จากปากของ ดร. เอียน เกรแฮม ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย นี่เป็นคำกล่าวที่ทำให้รู้สึกสะท้านไปทั้งใจ แต่ก็เป็นคำกล่าวที่แม่นยำเลยในโลกฟุตบอล เสียงเรียกร้องถึงการเซ็นนักเตะใหม่ๆมาไม่เคยดังมากไปกว่านี้อีกแล้ว ในมุมมองของแฟนบอลการเอาชนะให้ได้ในตลาดซื้อขายนักเตะนั้นมีความสำคัญมากเทียบเท่ากับการเอาชนะคว้าถ้วยแชมป์สักใบได้
มันเป็นความจริงที่กลวงเปล่า มันเป็นความวัตถุนิยมที่กลืนกินแม้กระทั่งสถาบันที่ใหญ่ที่สุดในโลกของฟุตบอล แต่ลิเวอร์พูลยังคงพยายามต่อต้านแรงกดดันภายนอกเช่นนี้อยู่เสมอ
ในช่วงตลาดซื้อขายนักเตะฤดูร้อนล่าสุด ลิเวอร์พูลคว้านักเตะมาร่วมทัพได้เพียงคนเดียวคือ อิบราฮิมา โคนาเต ซึ่งดีลราคา 35 ล้านปอนด์เป็นอะไรที่ตอนนี้ดูเป็นดีลเล็กๆไปเสียแล้ว เพราะในขณะเดียวกันทีมคู่แข่งต่างโชว์ศักยภาพทางด้านการเงินด้วยการลงทุนกับการซื้อขายในราคาสถิติสโมสร
แฟนบอลก็ดี อดีตนักเตะก็ดี หรือแม้กระทั่งกูรูต่างๆก็ดี ต่างร่วมกันเร่งเร้าในสโมสรจากลุ่มแม่น้ำเมอร์ซีย์ไซด์ทำอะไรมากกว่านี้เพื่อที่จะมีศักยภาพที่จะแข่งขันกับทีมอื่นๆต่อ แต่ก็ไม่ได้มีการซื้อขายใดมาเพิ่มเติมอีกหลังจากนั้น
การปฏิเสธไม่เสริมทัพเพิ่มนอกจากโคนาเตถูกมองว่าเป็นการตัดสินใจที่เสี่ยง แต่การตัดสินใจนี้มีเหตุมาจากความสัมพันธ์ที่หยั่งรากลึกกับการวิเคราะห์ข้อมูลของลิเวอร์พูล
เกรแฮมนั้นเป็นศูนย์กลางของการที่ลิเวอร์พูลใช้ข้อมูลต่างๆมาช่วยในการตัดสินใจ โดยเขาทำงานร่วมกับ ไมเคิล เอ็ดเวิร์ดส์ ผู้อำนวยการด้านการกีฬาของสโมสร เป็นเวลาราวหนึ่งทศวรรษแล้ว
การพูดในงานประชุมของสแตตส์บอมบ์ (Statsbomb)ในปีนี้ที่สแตมฟอร์ดบริดจ์ เกรแฮมเน้นย้ำว่าการซื้อขายนั้นมักจะลงเอยด้วยความล้มเหลวเนื่องจากเหตุผลต่างๆมากมายซึ่งสามารถจัดกลุ่มและจำแนกออกได้เป็น 7 กลุ่มทั่วๆไป
โดย 7 กลุ่มที่ว่านั้นมีดังนี้
1. นักฟุตบอลในทีมตอนนี้ดีกว่านักเตะคนใหม่
2. นักเตะคนใหม่นั้นไม่ได้ดีเท่าที่คิดไว้ตอนแรก
3. นักเตะคนใหม่นั้นไม่เข้ากับสไตล์ของทีม
4. นักเตะคนใหม่นั้นถูกเล่นนอกตำแหน่งของตัวเอง
5. ผู้จัดการทีมไม่ให้ราคานักเตะใหม่นั้น
6. นักเตะมีปัญหาด้านร่างกาย
7. นักเตะมีปัญหาส่วนตัว
เกรแฮมกล่าวว่า การวิเคราะห์นั้นมีพลังมากในการช่วยจัดการกับเหตุผลใน 3 กลุ่มแรก โดยที่ทีมนักวิทยาศาสตร์ของเขาจะช่วยทำให้มั่นใจได้ว่าลิเวอร์พูลจะได้รับข้อมูลที่มากเพียงพอและมีหลักประกันในระดับหนึ่งก่อนที่จะลงทุนเพื่อคว้านักเตะใหม่เข้ามาร่วมทีม
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีความมั่นใจในเหตุทุกๆกลุ่มปัญหาเหล่านั้นแล้ว ความเสี่ยงที่ว่านักเตะใหม่นั้นจะปังหรือไม่ก็ยังสูงมากอยู่ดี
"สมมติว่าเรามั่นใจ 90% ว่านักเตะจะไม่มีปัญหาเรื่องความฟิต และมั่นใจว่านักเตะคนนั้นจะไม่มีปัญหาส่วนตัวใดๆมารบกวน โอกาสที่เขาจะเป็นนักเตะที่โอเคจากการพิจารณาในสองประเด็นนี้จะมีค่าอยู่ที่ 81%" เกรแฮมกล่าว
"แล้วถ้าหากคุณเพิ่มประเด็นเรื่อง การถูกจับไปเล่นนอกตำแหน่งตัวเอง, ผู้จัดการทีมไม่ให้ราคากับนักเตะคนนั้น, นักเตะไม่ได้ดีเท่าที่เราคิดไว้ตอนแรก, เรามีนักเตะที่ดีเท่าๆกันอยู่แล้ว อะไรแบบนั้น โอกาสที่ที่ดีลนั้นจะประสบความสำเร็จจะร่วงลงไปอยู่ที่ 48%" คำบอกเล่าของเขามอบความเข้าใจเกี่ยวกับเหตุผลว่าทำไมลิเวอร์พูลเลือกที่จะไม่เสริมทัพขนานใหญ่ตั้งแต่ที่พวกเขากลายมาเป็นแชมป์ยุโรปเมื่อหลายปีก่อนได้ระดับหนึ่ง
ตลาดซื้อขายนักเตะนั้นผ่านไปแล้วรวม 6 รอบตั้งแต่ฤดูร้อนปี 2018 แต่แกนหลักของลิเวอร์พูลยังอยู่กันครบ มีเพียงนักเตะแค่สามคนเท่านั้นที่ถูกมองว่าเป็นตัวจริงหน้าใหม่ที่เพิ่มเสริมเข้ามาจากตอนนั้นซึ่งก็คือ โคนาเต, ธิอาโก อัลคันทารา, และ ดิโอโก โชตา
ด้วยการที่มีกลุ่มนักเตะที่เหมาะสมอยู่แล้ว และนักเตะอย่าง เคอร์ติส โจนส์ และฮาร์วีย์ เอลเลียต ก็ค่อยๆเลื่อระดับขึ้นมาจากทีมเยาวชน การที่ลิเวอร์พูลลดระดับกิจกรรมซื้อขายนักเตะนั้นมีเหตุสืบเนื่องมาจากองค์ความรู้ที่ว่านักเตะในทีมตอนนี้ดีกว่านักเตะอื่นๆโดยมากที่อาจจะเข้ามาร่วมทีมได้งั้นรึ?
.
.
การหาทางเพิ่มศักยภาพให้กับ 11 ผู้เล่นตัวจริงของเยอร์เกน คล็อปป์ นั้นเป็นภารกิจอันไม่มีวันสิ้นสุดของเกรแฮมและเอ็ดเวิร์ดส์ แต่ด้วยการที่ลิเวอร์พูลค่อยๆพัฒนาไปเรื่อยๆ จำนวนนักเตะที่มีคุณภาพมากพอที่จะสร้างความแตกต่างได้นั้นก็มีน้อยลง
"การสับเปลี่ยนเอานักเตะระดับ 30 เปอร์เซ็นไทล์ในทีมออกแล้วเอานักเตะระดับ 70 เปอร์เซ็นไทล์เข้ามาแทนจะทำให้คุณมีผลต่างประตูได้เสียเพิ่มขึ้น 0.08 ประตูต่อเกม และนั่นมีค่าเท่ากับ 2 แต้มต่อฤดูกาล" เกรแฮมกล่าว
ด้วยการที่ทีมนั้นพัฒนาขึ้นเรื่อยๆด้วยฝีมือของคล็อปป์ การที่จะเสาะหานักเตะที่อยากจะเซ็นเข้ามาร่วมทีมแล้วส่งผลกระทบที่มากพอต่อผลต่างประตูได้เสียหรือแต้มของทีมนั้นก็ยากขึ้นด้วยเช่นกัน
"การมองหานักเตะนั้นเป็นการประยุกต์ใช้การวิเคราะห์ข้อมูลที่สำคัญที่สุด" เป็นใจความหลักของการบรรยายของเกรแฮม "มันเป็นจุดที่เกี่ยวพันโดยตรงในมุมของฟอร์มการเล่น" เขากล่าว
ลิเวอร์พูลนั้นต้องการไฟเขียวในหลายขั้นตอนก่อนออกไปไล่ล่านักเตะ มันเป็นกระบวนการที่ยาวนาน และละเอียดรอบคอบ แต่ก็เป็นกระบวนการที่จะทำให้มั่นใจได้ว่าโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในตลาดซื้อขายนักเตะนั้นจะต้องอยู่เหนือกว่า 50% เสมอ
จาก Liverpool director of research hints at seven reasons for quiet summer transfer window โดย Josh Williams ที่
Spoil
https://www.liverpoolecho.co.uk/sport/football/football-news/liverpool-ian-graham-transfer-news-21819783?fbclid=IwAR2BOvEkFFhcGwyBUC0NENU7l7n1LPv1-PBs2pFdW4X7bj3IOMBRkX3MYtE
ผมก็อปมาจาก Scouse Bastard
ผมไม่ได้เอามาโพสเพื่อที่จะหาความชอบธรรมให้ FSG มันน่ะ ก็ถ้าทีมวิเคราะห์(ก็ทีมเดียวกับที่วิเคราะห์ในการซื้อ ร็อบโบ้ ซาร่า และ อื่นๆ) ซึ่งทำงานร่วมกับ JK แล้วมันได้ข้อสรุปว่าไม่ซื้อจะคุ้มกว่า จะให้ FSG มันไปเดินเกมส์ซื้อเองหรอ