1 แต้มกับ “สภาพ” วันนี้สมควรแล้ว
ในสัปดาห์ที่เป็นใจให้ “จ่าฝูง” แพ้คาบ้านพร้อมๆกันทั้ง 2 ทีมซึ่งพูดได้ว่าเป็น “ปรากฏการณ์” ที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยหรืออาจจะไม่มีอีกแล้ว
แต่ ลิเวอร์พูล กลับโยนทิ้งไปต่อหน้าต่อตาด้วยมือของตัวเองจากการหลุดมาตรฐานในส่วนของ “เกมรับ” ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เก็บคลีนชีค 4 จาก 5 นัดและเสียแค่เม็ดเดียว
ที่สนาม เบรนท์ฟอร์ด คอมมูนิตี้ สเตเดี้ยม วันเดียวโดนไป 3 และมาจากลูกเปิด “เบสิก” ทั้งหมด
ทีมเยือนน่าจะเป็นจ่าฝูงทิ้งทีมอื่น 3 แต้มในจังหวะ “ปิดฉาก” ของ โม ซาลาห์ ที่ดันติดเล่นเลือกงัดลูกหลุดเดี่ยวข้ามหัวผู้รักษาประตูทั้งๆที่ปกติแล้วนี่เป็นลูกเก่งของ “บัง” ที่จะเอี้ยวตัวแปไปเสาไกล
ครับ ถ้าจะโทษลูกนี้ก็ครึ่งนึงแต่ทั้งหมดทั้งมวลต้องกดไลค์งามๆให้กับ “ผึ้งน้อย” ที่งัดศักยภาพตัวเองออกมาได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยจนทะลวงประตูทีมระดับ UCL ถึง 3 ลูก
โธมัส แฟร้งค์ อัดกลางมา 5 ตัวแต่ทีเด็ดอยู่ที่หน้าคู่ทั้ง อีวาน โทนี่ย์ และ ไบรอัน เอ็มบูโม่
โดยเฉพาะลุงโทนี่ บุหรี่ไฟฟ้า เด่นสุดทั้งเก็บบอลและโหม่งเช็ดจากลูกวางยาวในแนวหลังขึ้นมา เป็นการขึ้นมอเตอร์เวย์ไม่ต้องผ่าน 3 มิดฟิลด์ “หงส์แดง”
VvD กับ เจ๊มาติ๊ป ที่ว่าผ่านสมรภูมิรบลูกหัวมาเยอะยังเอาไม่อยู่
เห็นแบบนี้นึกถึงบทสมภาษณ์ “bizarre” อันลือลั่นไม่เหมือนใครก่อนเปิดฤดูกาลว่า “ผึ้งน้อย” ไม่ได้มาเล่น พรีเมียร์ลีก เพื่อหนีตกชั้นแต่จะจบให้สูงที่สุดและแน่นอนมันต้องที่ 1!!
หากไม่นับลูกสูตรตั้งเกมที่ได้มาในครึ่งแรก ทั้ง 2 ประตูที่ตามตีเสมอของ “ผึ้งน้อย” มาจากการครอสบอลฝั่งของ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน จากนั้นจังหวะ 2 บอลเป็นใจให้เจ้าถิ่นทั้งหมด
เรียกว่า อลิสซอน ไม่มีโอกาสได้เซฟอะไรเลยซึ่งผิดกับทาง ดาบิด รายา นายทวารชาว สเปน วัย 26 ปีได้โชว์ลูกซ้ำจ่อๆของ ดิโอโก้ โชต้า รวมถึงท้ายเกมที่ช่วยชีวิตเจ้าถิ่นเส้นยาแดงผ่าแปด
ความเข้าใจในเกมของผู้เล่น เบรนท์ฟอร์ด เป็นจุดขายที่ทำให้ถึงตอนนี้สถิติ 6 นัดชนะ 2 เสมอ 3 แพ้ 1 ไม่ได้มาเพราะโชคช่วยอีกต่อไปแล้ว
ที่เหลือนับจากนี้คือความท้าทายว่าจะยืนระยะได้สุดถึงแค่ไหนเมื่อขุมกำลังสำรองจะเริ่มเข้ามามีบทบาทในช่วงเดือนธันวาคมเป็นต้นไป
ในขณะที่ “หงส์แดง” ผมมองว่ารูปเกมตอนเปลี่ยน เคอร์ติส โจนส์ ออกและหันมาใช้ระบบ 4-2-3-1 เป็นช่วงที่มีโอกาสเยอะมากและหากช่วงนี้ยิงได้อีกลูกคือจบแน่นอน
โดยหลักๆรูปแบบนี้ให้ โม ยืนหน้าเป้า, โชต้า ย้ายมาขวา, มาเน่ ออกซ้าย โดย “บ๊อบบี้” เป็นตัวปั้นตรงกลางจนแนวรับเจ้าถิ่นคุมไม่อยู่และหลุดตำแหน่งมากกว่าก่อนหน้านี้ชัดเจน
ผมคิดว่าฝั่ง ลิเวอร์พูล เองเห็นช่องทางตรงนี้ก็ร้อนใจอยากปิดเกมให้จบๆจะได้ให้แบ็ค 2 ข้างเฝ้าหลังตามปกติ
แต่อย่างที่บอกในเมื่อคุณทิ้งโอกาสที่จะเปลี่ยนสกอร์จาก 3-2 เป็น 4-2 ในขณะที่เหลือเวลาแค่อีก 13 นาทีและดันมาเป็นวันที่แนวรับ “จิตหลุด” ก็ต้องรับโทษค่าเสียหายกับ 2 แต้มที่หายไป
บวกกับแดนกลางของ “หงส์แดง” ที่หลวมโครกไม่สามารถเบรกการขึ้นเกมของ “ผึ้งน้อย” ได้เลย ทำให้แบ็ค 2 ฝั่งที่เติมเกมรุกกลับมาไม่ทันอยู่หลายต่อหลายช็อต
ท้ายเกมการเปิดแลกของทั้งคู่มีสิทธิ์ออกได้ 2 หน้าไม่ว่าจะทั้งแพ้และชนะ อาจจะพอเป็นคำปลอบใจเล็กๆของเหล่าสาวก ลิเวอร์พูล ที่อย่างน้อยก็ยังทำให้รักษาสถิติเป็นทีมเดียวที่ยังไม่แพ้ใคร
ครับผลเสมอที่มี story ให้พูดถึงมากมายครั้งนี้ทำให้จากที่ “หงส์แดง” จะรับมือกับ แมนฯซิตี้ ที่ แอนฟิลด์ ในวันอาทิตย์ที่ 3 ตุลาคมหรือสุดสัปดาห์หน้านี้ด้วยการมีช่องว่าง 3 แต้มแต่ตอนนี้แค่ 1 เท่านั้น
อีก 7 วันมาคอยดูกันว่าเกมนัดนี้จะส่งผลอะไรบ้างหลังสิ้นสุดบิ๊กแมทช์ที่ แอนฟิลด์...
สถิติ สถิติ สถิติ
ลิเวอร์พูล เสีย 3 ประตูในเกมเยือน พรีเมียร์ลีก ให้น้องใหม่เป็นหนแรกนับตั้งแต่ชนะ นอริช 5-4 เมื่อเดือนมกราคม 2016
โม ซาลาห์ ยิง 100 ประตูใน 151 เกมพรีเมียร์ลีกให้ ลิเวอร์พูล และเป็นการยิงครบ 100 ลูกเร็วกว่านักเตะคนไหนๆในประวัติศาสตร์ของสโมสร “หงส์แดง” อีกด้วย
5 จาก 12 ประตูของ ดิโอโก้ โชต้า ที่ยิงให้ ลิเวอร์พูล มาจากลูกโหม่งและที่น่าประหลาดคือ 16 ลูกที่ยิงให้ วูลฟ์แฮมป์ตันในรายการนี้มาจากเท้าทั้งหมด
แก้ไขล่าสุดโดย เบน ฟรีคิก เมื่อ Sun Sep 26, 2021 02:47, ทั้งหมด 2 ครั้ง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ