ไม่มีอะไรเจ็บปวดมากไปกว่าการเห็นแฟน “ปืนใหญ่” ลุกขึ้นเฮหลังเห็นทีมตัวเองโดน แมนฯซิตี้ ยิงลูก 4 แน่นอนครับเป็นการประชดในผลงานของ มิเกล อาร์เตต้า ที่ส่วนใหญ่หมดความ “เชื่อใจ” กันแทบจะไม่เหลือแล้ว ความพ่ายแพ้ต่อ “เรือใบ” 5-0 อาจไม่ได้เกินความคาดหมายอะไรนักเพราะหลายสำนักก็กาหัวไว้ก่อนเกมแล้วว่า “เละ” แน่ แต่ที่ทำให้แฟนบอลรู้สึกว่า enough is enough คือวิธีที่คุณแพ้ มันต่ำกว่ามาตรฐานเกินกว่าจะรับได้ การเสียประตูจากการบุกหนแรกบ่งบอกได้ถึง “ความอ่อน” ในแนวรับ ลูกเปิดของ เชซุส มาในลักษณะย้อยไม่ใช่พุ่งแต่ แชมเบอร์ส ยังอุตสาห์กะผิดจนเลยข้ามหัว การเป็นกองหลังแล้วบอลเลยข้ามหัวแบบนี้ทั้งๆที่ยืนคุมกันปกติแบบนี้ถือว่า “เสียหมา” สังเวยประตูให้นักเตะที่เก่งเท้ามากกว่าหัวอย่าง กุนโดกัน แถม แบรนด์ เลโน่ ก็ควรเซฟลูกนี้ได้ด้วยซ้ำหากพิจารณาจากลูกที่ตรงตัว หลายๆลูกโดนแบบคุมตัวไม่อยู่ คุณภาพห่างชั้น มีแค่ลูก 4-0 ของ โรดรี้ คนเดียวที่ยิงไกลนอกเขตโทษ เมื่อใดก็ตามที่คุณทำให้เพื่อนร่วมทีมรู้สึกว่าแนวรับ “ขี้ตกใจ” และ “พร้อมโดน” เมื่อนั้นตำแหน่งอื่นๆเล่นลำบากไปด้วย ลูก 2-0 คือตัวพิสูจน์ว่า อาร์เตต้า จะปรับทัพปรับหมากอย่างไรแต่ถ้าโดนง่ายขนาดนี้คุณชนะชาวบ้านไม่ได้แน่ๆ ไม่ว่าจะกับ ซิตี้ หรือทีมไหนก็ตาม สัญญาณหลายๆอย่างที่มักมาคู่กันเวลาผู้จัดการทีมใกล้ชะตาขาดนอกจากทำอะไรก็ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน เหมือนทุกอย่างขวางหูขวางตาแล้ว ใบแดงของ แกรนิต ชาก้า ก็ช่วยตอกย้ำสถานการณ์ให้มันแย่ลงกว่าเดิม ปกติ ชาก้า ก็ไม่ใช่คนคุมอารมณ์เก่งอยู่แล้ว มาบวกอารมณ์หงุดหงิดที่เจอแนวรับออกทะเลโดน 2 เม็ดตั้งแต่ 12 นาทีแรก ตัวเองก็วิ่งไม่เจอบอล สุดท้ายก็ระเบิดอารมณ์กระโดดเปิดปุ่ม 2 เท้าให้จบๆไป ผมว่านักบอลด้วยกันรู้อยู่ว่าเข้าบอลลักษณะนี้ต่อให้ฝ่ายตรงข้ามกระโดดหลบยังไงก็แดง เหมือนไม่อยากเล่นแล้ว ประมาณอยู่ไปก็เหนื่อยเปล่า แพ้แน่ๆ กูขอไปอาบน้ำดีกว่า วันนี้คงไม่ต้องพูดถึงการเล่นของฝั่ง “เรือใบ” นะครับเพราะเหมือนซ้อมใหญ่มากกว่า แค่ 11 ตัวเท่ากันยังแทบข้างเดียว พอเป็นบอลผู้ใหญ่รังแกเด็กผมก็ไม่อยากดูต่อละครับ 3 นัด 0 แต้ม 0 ประตู ติดลบ 9 จมบ๊วยอย่างเป็นทางการ เป็นอะไรที่เราไม่ค่อยได้เห็นกันบ่อยนักกับทีมอย่าง อาร์เซนอล ผมจำได้ว่าช่วงแรกๆที่ อาร์เตต้า เข้ามาทำทีมยังนึกในใจ เออมีทรงขึ้นนะ ถอดแบบ “เรือใบ” มาเพียงแต่คุณภาพนักเตะยังไม่ถึงแต่แนวรับตั้งเกมขึ้นมาแน่นและใจเย็นกว่านี้เยอะ พอฐานมันดี ไม่เสียประตูเลอะเทอะ ใช้จังหวะสวนกลับไม่เปลืองเปลี่ยนเป็น 3 แต้มได้หลายเกม ลิเวอร์พูล ผมยังบุกมาแพ้เลยทั้งๆที่ยิงขึ้นนำไปก่อนด้วย แต่คุณภาพนักเตะตอนนี้ยิ่งเล่นยิ่งเสริมผมกลับมองว่ามันยวบลงกว่าเดิม ถ้าไม่ทำอะไรซักอย่างเจอทีมไหนไม่มีทางเป็นต่อใครแน่ๆครับ ผมมีเพื่อนมีน้องเป็นแฟน “ปืน” เยอะ อยากจะบอกว่าบอลมันมียุคของใครของมัน เมื่อถึงจุดพีคแบบสุดๆแล้ววันใดวันนึง “ผู้นำ” ลงจากตำแหน่ง คุณต้องเดินทางไกลพอสมควรกว่าจะเจอคนที่ใช่ คำถามที่น่าสนใจคือ “บอร์ดบริหาร” หรือ “แฟนบอล” ใครอดทนมากกว่ากันและช่วงเบรกทีมชาติต้องเกาะติดข่าวกันดีๆเพราะว่ากันว่าจังหวะนี้หลายๆทีมมักฉวยปฏิทินว่างๆเปลี่ยนแปลงกันค่อนข้างเยอะ แต่ผมมองตามเนื้อผ้าไม่ต้องลงลึกอะไรมากคือผู้บริหารน่าจะเริ่ม “ประเมิน” ผลงานของ อาร์เตต้า นับจากนี้ไปอีก 2-3 เกมคือเจอ นอริช, เบิร์นลีย์ และ สเปอร์ส ไม่รู้หวยจะออกนัดไหนแต่ 2 เกมต่อไปของ “พี่ต้า” แพ้ไม่ได้แล้วครับ...
อาร์เซนอล เป็นทีมที่ 2 ในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกที่แพ้รวด 3 นัดแรกและประตูได้เสียติดลบ 9 โดย “แชมป์” อันดับ 1 คือ วูลฟ์แฮมป์ตัน ทำไว้เมื่อฤดูกาล 2003-04 นอกจากนี้ “ปืนใหญ่” ทำสถิติสโมสรเพิ่มขึ้นมาอีกด้วยเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่แพ้เปิดสนาม 3 นัดรวดนับตั้งแต่ฤดูกาล 1954-55 นับตั้งแต่ฤดูกาล 2016-17 ไม่มีนักเตะคนไหนถูกไล่ออกใน พรีเมียร์ลีก มากไปกว่า แกรนิต ชาก้า (4 หน) เท่ากับ แฟร์นานดินโญ่ และ ดาวิด ลุยซ์ แมนฯซิตี้ เป็นทีมที่ 3 ในพรีเมียร์ลีกที่ยิง 10 ประตูในบ้าน 2 เกมแรก หลังก่อนหน้านี้มี 2 ทีมที่ทำไว้ก่อนแล้วคือ อาร์เซนอล 2010-11 (10 ประตู), แมนฯยูฯ 2011-12 (11 ประตู) นับตั้งแต่ซีซั่น 2019-20 แจ็ค กรีลิช แอสซิสต์ไปแล้ว 17 ลูกในพรีเมียร์ลีก มีนักเตะ อังกฤษ คนเดียวที่ทำได้มากกว่าเขา ผู้นั้นคือ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ (21)
: 0 ใบ
: 0 ใบ
: 0 ใบ
: 0 ใบ
: 0 ใบ
: 0 ใบ
: 0 ใบ
: 0 ใบ
: 0 ใบ
: 0 ใบ
: 0 ใบ
: 0 ใบ
: 0 ใบ
: 0 ใบ
: 0 ใบ
: 0 ใบ
: 0 ใบ
: 0 ใบ
: 0 ใบ
: 0 ใบ
: 0 ใบ
: 0 ใบ
: 0 ใบ
: 0 ใบ
: 0 ใบ
: 0 ใบ
: 0 ใบ
: 0 ใบ
My Locker
