ความเชื่อแปลกๆ เกี่ยวกับ "ขนมหวาน" มีคนเชื่อด้วยเหรอเนี่ย?
ความเชื่อแปลกๆ เกี่ยวกับ “ขนมหวาน” (สายหวานต้องอ่าน)
ถ้าคุณรู้แล้วจะต้องอึ้งว่า “มีคนเชื่อด้วยเหรอเนี่ย?”
คำว่า “กินคาวไม่กินหวานสันดานไพร่” นั้นคงจะไม่จริงแล้วในยุคปัจจุบันนี้
กลายเป็นว่าของหวานกลับกลายเป็นมื้อหลักของผู้คนในยุคนี้ และเมื่อเรากินมันเป็นของหวานแล้วล่ะก็ มักจะมีความเชื่อแปลกๆตามมาอีกด้วย
ถ้าอยากรู้ว่าจะแปลกและงงงวยสับสนขนาดไหน ไปอ่านพร้อมๆกันกับพีชเลยค่า
Candy Canes เป็นสัญลักษณ์ของวันคริสต์มาส?
ในทุกๆเทศกาลคริสต์มาส Candy Canes กลายเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงวันคริสต์มาส แต่จริงๆแล้วมันไม่ได้มีความหมายอย่างนั้นค่ะ
จริงๆแล้ว Candy Canes เป็นสัญลักษณ์ของ คริสเตียน หรือ “พระเยชู”
โดยบริษัทที่เป็นผู้ผลิตได้ทำการคิดค้นที่จะรวมสัญลักษณ์ของคริสเตียนไว้ในลูกกวาดที่มี “สีขาวบริสุทธิ์” เปรียบเหมือนตัวแทนของการประสูติของพระแม่มารี
ลูกกวาดแข็งแรงเปรียบเหมือนความแข็งแรงและความมั่นคงของคริสตจักร พระสัญญาของพระผู้เป็นเจ้านั่นเองค่ะ รูปตัว J แทนไม้เท้าของพระเยซูเปรียบเหมือนผู้เลี้ยงที่ดี แถบสีแดงแทนเลือดของพระเยซูที่ไหลอาบบนไม้กางเขน
ไวท์ช็อกโกแลต ไม่มีส่วนผสมของช็อกโกแลต
จริงค่ะที่ไวท์ช็อกโกแลตไม่มีส่วนผสมของช็อกโกแลต เช่น ช็อกโกแลตนมและดาร์กช็อกโกแลตที่เราเคยกินกัน แต่มีส่วนผสมของเนยโกโก้แทน ซึ่งเมล็ดโกโก้กับเนยโกโก้จะมีปริมาณเท่ากัน ตามข้อบังคับมาตรฐานของช็อกโกแลตยุโรปและอเมริกา
แล้วทำไมเราเรียกไวท์ช็อกโกแลตล่ะ??
เพราะตามกฎแล้วไวท์ช็อกโกแลตต้องมีอย่างน้อย 20% ทำให้คุณสมบัติของไวท์ช็อกโกแลตถูกเรียกว่าช็อกโกแลตนั่นเองค่า
ถ้ากลืนหมากฝรั่งลงไปในท้องหมากฝรั่งจะติดในกระเพาะอาหารนานถึง 7 ปี
ซึ่งไม่เป็นความจริงพราะในกระเพาะอาหารจะมีสารล่อลื่นที่จะลำเลียงอาหารลงไปสู่กระเพาะอาหารและนำไปสู่ขั้นตอนการขับถ่ายของเสีย นอกเสียจากว่าอาหารชิ้นนั้นจะใหญ่มากๆทำให้ไปขวางลำไส้ ซึ่งจะพบได้ไม่บ่อยนัก
แต่เคยมีข่าวว่าเด็กคนหนึ่งชอบกลืนหมากฝรั่งลงไปเป็นจำนวนมากทำให้เขานั้นเกิดอาการท้องผูก
ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าการเคี้ยวหมากฝรั่งที่ปราศจากน้ำตาลจะช่วยให้สุขภาพฟันดีขึ้น ลดการฟันผุ ช่วยบรรเทาความเครียดได้อีกด้วยนะคะ
คุกกี้เสี่ยงทายมาจาก “ประเทศจีน”
ผู้ที่คิดค้นจริงๆแล้วคือ “ญี่ปุ่น” ในยุค 1870 ร้านขนมในโตเกียวได้ทำเเครกเกอร์ ที่เรียกภาษาญี่ปุ่นว่า “ซึจิอุระ เซมเบ้” หรือ “แครกเกอร์เสี่ยงทายขึ้น” ต่อมาก็ได้ทำให้แครกเกอร์มีขนาดใหญ่ขึ้น ต่อมาได้มีชาวญี่ปุ่นได้อพยพย้ายไปอยู่ที่สหรัฐอเมริกา คนทำขนมปังได้ไปเห็นเข้าจึงเริ่มคิดไอเดียทำ “คุกกี้เสี่ยงทาย” ขึ้น ทำให้ลอสแองเจลิสและซานฟรานซิสโก้เป็นเมืองเริ่มต้นของ “คุกกี้เสี่ยงทาย” นั่นเอง
แล้วทำไมถึงมีข่าวว่า “คุกกี้เสี่ยงทายเป็นของประเทศจีน”
ผู้เขียนหนังสือ “The Fortune Cookie Chronicles : Adventures in the World of Chinese Food” เล่าว่ามีคนญี่ปุ่นได้ไปเปิดร้านที่ประเทศจีนในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ชาวอเมิรกาเชื้อสายจีนเลยได้เข้ามารับบช่วงต่อในการผลิตคุกกี้เสี่ยงทายนี้ ในปัจจุบันโรงงาน Wonton Food ที่ผลิตคุกกี้เสี่ยงทายนี้ ในเมืองควีนส์ รัฐนิวยอร์ก รายงานว่าเขานั้นได้ทำการผลิตคุกกี้นี้ส่งออกวันละ 4 ล้านชิ้น!!! และเป็นโรงงานเดียวที่ผลิตในอเมริกา
ขนมที่ปราศจากน้ำตาลไม่ทำให้ฟันผุ
ปราศจากน้ำตาลหมายถึงสุขภาพดีขึ้น ดังนั้นสุขภาพดีขึ้นจึงต้องไม่เป็นอันตรายต่อฟัน เป็นความเชื่อที่ผิดค่ะ ลูกอมปราศจากน้ำตาลยังคงให้ความหวานโดยใช้สารให้ความหวานเทียม และลูกอมบางชนิดก็เป็นอันตราย ผลิตภัณฑ์รสผลไม้ใดๆ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่มีกรดซิตริกอาจทำให้ฟันสึกได้ นอกจากนี้ ลูกอมเคี้ยวหนึบที่ไม่มีน้ำตาล เช่น คาราเมลและอมยิ้ม สามารถทิ้งสารตกค้างระหว่างฟันได้นะคะ น้ำตาลไม่ทำให้เกิดฟันผุ แต่แบคทีเรียที่กินสิ่งตกค้างระหว่างฟันของคุณคือสิ่งที่กัดเซาะเคลือบฟันและสร้างฟันผุ
ถึงแม้จะมีความเชื่อที่เล่าต่อกันมา แต่ขนมที่ปราศจากน้ำตาลก็ยังเป็นตัวการทำร้ายฟันของคุณได้นั่นเองค่ะ
Spoil
Credit: คุณพีช เรื่องแปลกที่อยากให้อ่าน