แต่งตั้งรักษาการ = ไม่ได้ไปต่อ
นิชิโนะยังอยู่ แล้วทำไมถึงต้องมีรักษาการเฮดโค้ช
สัญญาณไม่ได้ไปต่อของเซนเซย์
ข่าวล่าสุดที่สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยออกมาคือการแต่งตั้ง "โค้ชจุ่น" อนุรักษ์ ศรีเกิด ขึ้นมารักษาการหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย ทั้งๆ ที่อากิระ นิชิโนะ เฮดโค้ชชาวญี่ปุ่นของทีมชาติ ยังคงอยู่ในตำแหน่ง โดยที่สมาคมให้เหตุผลว่า นิชิโนะ ติดภาระกิจส่วนตัว และยังไม่ได้เข้ามารายงานผลการปฏิบัติหน้าที่ต่อผู้บริหารสมาคมกีฬาฟุตบอล เพื่อจะได้ร่วมกันประเมินผลการทำงาน และรับทราบปัญหาที่เกิดขึ้น ทำให้ต้องแต่งตั้งโค้ชจุ่นขึ้นมารักษาการแทนในการเตรียมทีม U23 ส่งแข่งรายการเอเชี่ยน คัพ และเตรียมชาติลุยเอเอฟเอ ซูซูกิ คัพ, ซีเกมส์ รวมถึงดูฟอร์มในไทยลีก
แต่ นิชิโนะ ยังอยู่ในตำแหน่ง ทำไมต้องมีรักษาการเฮดโค้ช
ก่อนอื่นย้อนไปดูไทม์ไลน์ของอากิระ นิชิโนะ หลังจบการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก ที่ UAE กันก่อน โดยเฮดโค้ชชาวญี่ปุ่น ไม่ได้เดินทางกลับประเทศไทยพร้อมกับทีม แต่มุ่งหน้ากลับประเทศบ้านเกิด โดยให้เหตุผลว่าต้องกลับจัดการงานศพคุณแม่ และจัดการพินัยกรรม รวมทั้งได้รับเชิญให้เข้าร่วมคณะส่งต่อคบเพลิงในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2020 และคาดว่าจะกลับมาภายในเดือนกรกฎาคม
ถัดมาคือบทสัมภาษณ์ของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ว่าเพิ่งรู้ก่อนเกมสุดท้ายกับมาเลเซีย ว่านิชิโนะ เปลี่ยนแผนเดินทาง ซึ่งจะต้องคุยสรุปผลงานกับอากิระ นิชิโนะ ก่อนจึงจะตัดสินใจอนาคตของเฮดโค้ชรายนี้ นั้นหมายความว่า นิชิโนะ จะได้ไปต่อหรือไม่จะรู้กันในเดือนก.ค. หากทุกอย่างเป็นไปตามกำหนดการณ์
คำถามก็คือแล้วทำไมต้องตั้งแต่งรักษาการเฮดโค้ช?
ก่อนหน้านี้ นิชิโนะ ก็กลับไปที่ประเทศญี่ปุ่นช่วงโควิด-19 ระบาดหนักในประเทศไทยในช่วงปลายปีที่ผ่านมา และกลับมาถึงประเทศไทยอีกครั้งในวันที่ วันที่ 27 ก.พ รวมเวลากักตัว 14 วัน ก็เท่ากับว่ากลับมาทำงานได้วันที่ 13 มีนาคม ซึ่งไทยลีกกลับมาเตะหลังเบรกไป คือในช่วงต้นเดือนก.พ. จนถึงนัดสุดท้ายวันที่ 28 มี.ค. หากลองซ้อนไทม์ไลน์ดู เท่ากับว่ามีเกมการแข่งขันไทยลีอย่างน้อย 10 เกม ที่นิชิโนะ ไม่ได้อยู่ในประเทศไทย หรือไม่พร้อมดูฟอร์มนักเตะไทยริมสนาม
แต่ตอนนั้นสมาคมฟุตบอล ไม่ได้แต่งตั้งรักษาการหัวหน้าผู้ฝึกสอน มาทำหน้าที่แทนนิชิโนะ ในการดูฟอร์มนักเตะในไทยลีก เหมือนข่าววันนี้
ภาระกิจต่อจากนี้ของ นิโชะ คือฟุตบอล 23 ปี ชิงแชมป์เอเชีย 2022 รอบคัดเลือก ที่จะเตะปลายเดือนตุลาคม, ซีเกมส์ เตะช่วงเดือนพฤษจิกายน และเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ ช่วงเดือนธันวาคม ส่วนไทยลีก จะกลับมาเตะช่วงวันที่ 31 กรกฎาคม
ดูจากเวลาแล้ว นิชิโนะ ก็กลับมาดูฟอร์มไทยลีกทัน แถมมีเวลาเตรียมทีมเหลือเฟือ จะพลาดก็แค่ไม่ได้ดูผลงานนักบอลชาวไทยในรายการอย่าง เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ก็เท่านั้นเอง ซึ่งก็ไม่ได้มีความสำคัญจนถึงกับต้องแต่งตั้งตำแหน่งรักษาการหัวหน้าผู้ฝึกสอนขึ้นมา เพราะอย่างไรก็ตาม ผู้ช่วย และทีมงานก็มีหน้าที่ตามดูฟอร์มอยู่แล้ว (และก็มีถ่ายทางทรู วิชั่น)
แล้วการแต่งตั้ง "โค้ชจุ่น" ขึ้นมาเป็นรักษาการหัวหน้าผู้ฝึกสอน บ่งบอกถึงอะไร
อันดับแรกคือเป็นส่งสัญญาณกลายๆ ว่า เซนเซย์นิชิโนะ น่าจะไม่ได้ไปต่อกับทีมชาติไทย การแต่งตั้ง 2 โค้ชไทยขึ้นมาเป็นรักษาการเพื่อที่จะทำให้ห้วงเวลาที่ไม่มีเฮดโค้ชหลังเดือนก.ค. ไม่ได้ว่างลงโดยไม่มีใครทำงาน เพราะไม่รู้ว่าหากไม่ไปต่อกับเฮดโค้ชชาวญี่ปุ่นจริงๆ จะหาคนใหม่ได้ตอนไหน ถือว่าเป็นการเตรียมความพร้อมของทีมชาติในช่วงเวลาที่ไร้แม่ทัพคนใหม่
ข้อสองคือพร้อมดัน "โค้ชจุ่น" อนุรักษ์ ศรีเกิด และ "โค้ชหระ" อิสระ ศรีทะโร ขึ้นมาคุมแท่นบัญชาการทีมชาติไทย อย่างน้อยๆ ก็จนถึงช่วงปลายปีนี้ คุมทัพ 3 รายการ เพราะโปรแกรมทั้ง 3 โปรแกรมไม่ได้หนักเกินไป หรือสำคัญอะไรมากนักสำหรับทีมชาติไทย
ฟุตบอล 23 ปี ชิงแชมป์เอเชีย 2022 รอบคัดเลือก ดูจะเป็นโปรแกรมที่สำคัญที่สุดในช่วงปีนี้ โดยทีมชาติไทย เป็นโถ 1 คู่แข่งที่ยากที่สุดที่มีโอกาสเจอคือ ญี่ปุ่น หรือจีน ที่อยู่ในโถ 2
2 โปรแกรมที่เหลือจะพูดว่าไม่สำคัญก็ได้ แต่จะพูดว่ามันคือศักดิ์ศรีของทีมชาติไทยที่ต้องคว้าแชมป์ก็ไม่ผิดนัก อย่างในซีเกมส์ 2019 รอบล่าสุดที่ฟิลิปปินส์ ทีมชาติไทย ก็ตกรอบแรก แพ้อินโดนีเซีย และเสมอเวียดนาม ส่วนใน ซูซูกิ คัพ หรือชิงแชมป์อาเซียน รอบล่าสุด ก็หยุดอยู่แค่รอบรองชนะเลิศ หลังไม่สามารถเอาชนะมาเลเซีย ได้ทั้ง 2 นัด และตกรอบด้วยกฏอเวย์โกล และที่สำคัญทั้งสองรายการนี้ เวียดนาม คือแชมป์ แต่ทั้ง 2 รายการก็ไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรงโค้ชไทย
ดังนั้นการแต่งตั้ง โค้ชจุ่น ขึ้นมาเป็นรักษาการหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย คือการส่งสัญญาณของสมาคมฟุตบอลว่า พร้อมที่จะแยกทางเดินกับ อากิระ นิชิโนะ แล้วนั้นเอง
__________
ฝากเพจ
SPORT -ler กดเข้าไปเลย เอาไว้ในดวงใจด้วยครับ เข้าไปกดไลก์ กดแชร์ได้