สืบเนื่องจากกระทู้
http://www.soccersuck.com/boards/topic/2016717
.
และผมได้โหวตเลือก Ben Simmons ว่า "อีก3ปีโหดแน่" และมีเพื่อนสมาชิกคอมเม้น ว่า
"ทำไม ผมคิดว่า เค้าเลยจุดพีค มาแล้ว
ที่อยู่ได้ตอนนี้ คือ เกมรับล้วนๆ แต้มต่ำลง ต่ำลง"
ดูจากอีโมชั่นแล้ว ผมคิดว่าเขาน่าจะเชียร์ Ben อยู่ลึกๆแต่ดูมาหลายปี ชักไม่อยากจะหวังอะไรแล้ว (เดาล้วนๆ)
.
ผมเลยตั้งกระทู้นี้มาเพื่อ แนะนำให้เพื่อนๆ ได้รู้จักชายคนนี้กันครับ
เนื้อหาส่วนใหญ่มาจากบทสัมภาษณ์ และมีบางส่วนน้อยที่ผมมโนขึ้นจากความรู้สึกเอง
.
.
ปัจจุบัน Ben อายุ24 ทัศนคติต่อตัวเองและต่อการเล่นเป็นทีมคือดีมากๆ
.
อะไรแสดงให้เห็นว่า ทัศนคติของเด็กคนนี้ คือดีมากๆ?
.
เขาคือดราฟอันดับ1 ปี2016 ที่ไม่ได้ลงเล่นตลอดฤดูกาล เพราะอาการบาดเจ็บที่เข่าและเท้า
เพื่อนร่วมคลาสที่มีชื่อเสียง เช่น แบรนดอน อินแกรม (ดราฟเบอร์2),จามาล เมอเร่,โดแมนทัส ซาบอนิส,บัดดี้ ฮิว
.
คนรุ่นเดียวกันเขานำไปก่อนแล้ว 1 ปี
ส่วน Ben ช้าไป 1 ปี คล้ายกับเด็กเรียนซ้ำชั้น ซิ่วมาเรียนร่วมกับรุ่นน้อง1ปี
ถ้าเป็นคนไม่คิดอะไรมาก ไม่หมุกหม่น ไม่มีเป้าหมาย ก็คงปล่อยเลยตามเลยให้ทำไงได้ก็โชคร้ายบาดเจ็บหนัก
แต่ไม่ใช่กับชายที่ชื่อ Ben Simmons
.
เขาต้องการแสดงให้โลกเห็น ว่า "เขากลับมาได้ และจะกลับมาในสภาพแบบไหน" (ในใจคงคิด ผมคือดราฟอันดับ1นะ อย่ากาชื่อผมออกเด็ดขาด)
.
Ben คือ คนที่จะถูกนำไปเปรียบเทียบกับคน 2 คลาส (คลาส2016และคลาส2017)ซึ่งเจ้าตัวก็รู้ดี
.
ขณะที่คนในคลาสเดียวกันในขณะนั้น ยังมาเรียงๆ ไม่โดดเด่นอะไรมากพอให้หายใจหายคอ
แต่คลาสปี2017 มีแต่ตัวจี๊ดทั้งนั้น อาทิ Lonzo Ball,Jason Tatum,De'Aaron Fox,Donovan Mitchell,Kyle Kuzma เป็นต้น
.
ระหว่างรักษาอาการบาดเจ็บ Ben ตั้งเป้าจะเป็น "Rookie of the Year"
และผลก็อย่างที่รู้กัน
.
คนที่โด่งดังมากๆ จาก 2รุ่นนี้ในปีแรก คือ Jason Tatum และ Donovan Mitchell ที่ได้รับโอกาสเป็นตัวจริงทันที (อีกคนคือKyle Kuzma) รวมทั้ง Ben Simmons
.
ในวงการกีฬา ใครทำแต้มมากกว่าย่อมโดดเด่น มีชื่อเสียงกว่า ไม่ต่างจากวงดนตรีที่นักร้องนำย่อมเด่นกว่ามือกลอง นักกีฬาส่วนใหญ่ จึงมุ่งไปที่การทำแต้ม แต่ Ben Simmons เลือกที่จะเล่นเพื่อทีม
นักข่าวเคยสัมภาษณ์ถามถึงว่า ไม่คิดจะเปลี่ยนไปเล่นตำแหน่งอื่นหรอด้วยสรีระและการไดร์ฟคุณแทบจะเป็น LBJ ได้เลยนะ (LBJเล่นตำแหน่ง F)
Ben ตอบประมาณว่า ถ้าผมเล่น F = เสมอตัว เล่น C = เสียเปรียบ แต่ถ้าเล่น G ทีมจะได้เปรียบมาก (SWOTชัดๆ แล้วคุณดูนะ LBJ พออายุร่วงโรยก็หันมาเล่นตำแหน่ง G)
นี่คือความฉลาดของ Ben
.
.
Kawhi เองก็เคยให้สัมภาษณ์คล้ายกัน ประมาณว่า เขารู้ว่าศักยภาพเขามีมากแค่ไหนและเขาดีใจที่Spurเห็น
เขารู้ว่าจุดอ่อน จุดแข็งเขาคืออะไร แต่เขาไม่สามารถจะแก้จุดอ่อนและเสริมจุดแข็งได้ภายในเวลาไม่กี่ปี(ตามสไตล์โรงเรียนSpur) และเขายังรู้อีกว่าช่วงพีคจริงๆ ของนักกีฬาส่วนใหญ่ คืออายุ 27-29ปี เขาจึงวางแผนการฝึกส่วนตัวแบบระยะยาวแทน เริ่มจากเรียนรู้การเล่นเป็นทีมตามระบบ Spur ก่อน จากนั้นขัดเกลาเกมส์รับแล้วจึงค่อยพัฒนาเกมส์รุก Kawhi ยังบอกอีกว่า เขาเล่นเกมส์รุกได้ดีขึ้น เพราะเขารู้ว่าคนเล่นเกมส์รับใส่ จะคิดแบบไหนจะทำอะไร
.
ถ้าใครได้ดูเกมส์ปี2018-2019 BenโดนKawhiสอนเชิงไปเต็มๆ
เกมส์นั้นใครเจอKawhiประกบ มี2ทาง คือ ดีดกลับไปหาเพื่อน ไม่ก็ถูกสตีล ไม่ต้องหวังจะเลี้ยงผ่านเลย
จบเกมส์ Benให้สัมภาษณ์ยกย่อง Kawhiปนความเจ็บปวดอย่างมาก
ผ่านมา 2ปี Benก็กลายร่างเป็นคนที่เล่นเกมส์รับได้โหดสุดๆ คนนึงของลีค แถมยังมาสไตล์เกมส์รับเดียวกันกับ Kawhi อีกด้วย! ไม่ต้องสืบก็รู้ว่า Ben ศึกษาเทป Kawhi เยอะแน่ๆ
.
คนเราบางที "ถ้าไม่เห็นโลงศพ ก็ไม่หลั่งน้ำตา"
คนเมื่อเคยชิน มักขาดแรงกระตุ้นจะทะลุขีดจำกัด
.
ในซีรี่ย์นี้ เจอ Hack a Ben เข้าไป
"ทีมแพ้ ทีมเล่นยากเพราะผม" คนอย่างBenจะคิดแบบนี้แน่นอน
และด้วยศักยภาพระดับนักกีฬาNBA ดราฟอันดับ1 ระดับของพรสวรรค์ไม่ต้องพูดถึง
ยิ่งกับคนที่สลัดข้ออ้างได้แล้ว "ต่อให้เอาช้างมาฉุด ก็หยุดไม่อยู่"
.
และความท้าทายตอนนี้ไม่ใช่ฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ ไม่ใช่ความเร็วและความแข็งแกร่ง
ไม่ใช่การเล่นเกมส์เป็นทีม หรือเล่นเกมส์รับ
.
ตอนนี้ Ben เหลือแค่เติมเกมส์รุกให้มากขึ้นๆๆ Kawhiทำได้ Jokicทำได้ (อันดับดราฟต่ำกว่า)
แล้วมีเหตุผลอะไรที่ชายชื่อ Ben Simmons จะทำไม่ได้
.
ผมเชื่อว่า ไม่เกิน 3ปี มาแน่
.
ซ้อมชู้ต 1000วัน วันละ 1000ลูก(ขั้นต่ำ) = ซ้อมชู้ต 1ล้านลูก การจัดระเบียบท่าทางดีแน่ๆ